#วงในบอกมา
- แกงกะหรี่ญี่ปุ่นสไตล์เชฟปอนด์ ใช้เวลาเคี่ยวนานกว่า 48 ชั่วโมง โดยเชฟปอนด์ไม่ขอเคลมว่าเป็นสูตรต้นตำรับ แต่เป็นสูตรโฮมเมด สามารถให้ทุกคนกินได้ ทุกเพศทุกวัย ใช้ความหอมหวานตามธรรมชาติของผลไม้ดับกลิ่นเครื่องเทศ
- ขณะที่เชฟปอนด์เป็นสจ๊วตนั้น ได้ตระเวนชิมแกงของประเทศต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอินเดีย มาเลเซีย ปากีสถาน แต่สุดท้ายจบที่ชอบแกงกะหรี่ของประเทศญี่ปุ่นที่สุด
- เชฟปอนด์ได้รับฉายาว่า “เจ้าชายแห่งวงการตั้งชื่ออาหาร” ขณะอยู่ในการแข่งขัน MasterChef Thailand จึงนำคาแรกเตอร์นั้นมาเป็นกิมมิกสนุก ๆ โดยการตั้งชื่อร้านและชื่อเมนูต่าง ๆ ให้ดูตลก คงคอนเซปต์ว่า ชื่อธรรมดา ๆ โลกไม่จำ

เชื่อว่าอีกหนึ่งร้านอาหารญี่ปุ่นเปิดใหม่ที่มาแรงมาก ๆ ในขณะนี้ ต้องมีลิสต์ชื่อร้าน “I am Curry ฉันคือ(แกง)กะหรี่” อย่างแน่นอน เพราะเป็นแกงกะหรี่ฝีมือดีกรีเชฟปอนด์จาก MasterChef Thailand ที่การันตีคุณภาพ หน้าตาเชฟ และเรื่องราวความเป็นมา

จากอาชีพสจ๊วตที่เชฟปอนด์สั่งสมประสบการณ์มาจนถึงช่วงเวลาอิ่มตัว เชฟปอนด์ตัดสินใจที่จะถอดปีกออกมาจาก Comfort Zone เพื่อมาเดินตามความฝันในการเป็นเชฟ สู่การแข่งขัน MasterChef Thailand ขณะที่เชฟปอนด์เป็นสจ๊วตนั้น ได้ตระเวนชิมแกงของประเทศต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอินเดีย มาเลเซีย ปากีสถาน แต่สุดท้ายจบที่ชอบแกงกะหรี่ของประเทศญี่ปุ่นที่สุด จึงเกิดแรงบันดาลใจที่จะเปิดร้านอาหารเล็ก ๆ ของตัวเองขึ้นมา

เชฟปอนด์เล่าว่า “จริง ๆ แล้วปอนด์ชอบทำอาหารมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลายแล้ว เวลาไปกินข้าวมื้อหนึ่งกับเพื่อน ก็รู้สึกว่าแพง ถ้าทำเองได้ก็น่าจะช่วยที่บ้านประหยัด แถมได้ทั้งพัฒนาทักษะการทำอาหาร แล้วสามารถเลือกสรรวัตถุดิบให้เฮลตีกว่าเดิม” และเชฟปอนด์ได้รับฉายาว่า “เจ้าชายแห่งวงการตั้งชื่ออาหาร” ขณะอยู่ในการแข่งขัน MasterChef Thailand จึงนำคาแรกเตอร์นั้นมาเป็นกิมมิกสนุก ๆ โดยการตั้งชื่อร้านและชื่อเมนูต่าง ๆ ให้ดูตลก คงคอนเซปต์ว่า ชื่อธรรมดา ๆ โลกไม่จำ จึงเป็นที่มาของชื่อร้าน “I am Curry ฉันคือ (แกง) กะหรี่”


ขึ้นชื่อว่าร้านแกงกะหรี่ เมนูเบสิกเลยก็คือ “ข้าวกะหรี่ล้วน” หรือข้าวกับแกงกะหรี่ญี่ปุ่น ซึ่งแกงกะหรี่ญี่ปุ่นสไตล์เชฟปอนด์ ใช้เวลาเคี่ยวนานกว่า 48 ชั่วโมง โดยเชฟปอนด์ไม่ขอเคลมว่าเป็นสูตรต้นตำรับ แต่เป็นสูตรโฮมเมด สามารถให้ทุกคนกินได้ ทุกเพศทุกวัย ใช้ความหอมหวานตามธรรมชาติของผลไม้อย่างกล้วยและแอปเปิลดับกลิ่นเครื่องเทศ มีระดับความเผ็ดเดียว แต่มีพริกญี่ปุ่นให้ลูกค้าเติมระดับความเผ็ดเองได้
หากอยากเพิ่มโปรตีนหน่อยก็สามารถสั่งเป็น “ข้าวกะหรี่มีปีก” (179 บาท) เพิ่มออปชันเป็นไก่ทอด หรือ “ข้าวกะหรี่อ๊วนอ้วน” (189 บาท) เป็นหมูทอด และยังสามารถเพิ่มท็อปปิงทั้ง ชีสมอสซาเรลลา, เจาะไข่แดง (ไข่ไก่สดนำเข้า) หรือ ป็อปอาย (ผักโขม) ก็ได้เช่นกัน


เชฟปอนด์ยังทิ้งท้ายไว้ว่า ไม่อยากให้ทุกคนตัดสินความอร่อยจากรสชาติที่ทุกคนคุ้นเคย หากลองไปชิมแกงกะหรี่ที่ประเทศต้นตำรับอย่างญี่ปุ่น สิบร้านก็รสชาติแตกต่างกันไปทั้งสิบร้าน แต่ละร้านต่างมีจุดเด่นและเอกลักษณ์แตกต่างกันไป นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมถึงเลือกใช้คำว่าโฮมเมดมากกว่าคำว่าต้นตำรับ

ใครที่อยากลองมาชิมแกงกะหรี่ฝีมือมาสเตอร์เชฟ สามารถมาลองได้ที่ร้าน “I am Curry ฉันคือ(แกง)กะหรี่” ซอยอารีย์ 1 ด้านบนของ Ari Story Hostel และสามารถติดตามอ่านเรื่องราวร้านอาหารดี ๆ จาก #ห้ามพลาด ที่จะมาเล่าเรื่องราวของร้านอาหารมากกว่าเพียงรีวิวร้านอาหารใหม่ แต่อาหารมีเรื่องราวซ่อนอยู่เสมอ อ่านต่อได้ที่
- “1919” วัฒนธรรมบาร์อิตาเลียนที่มีมากกว่าเพียงอาหารและค็อกเทล
- “เฟิงจู-หมูเจริญ” พอร์กช็อปเนื้อหมูที่เด่นเรื่องเกี๊ยวซ่าหน้าเปิด
- ร้านอาหารจีนแห่งใหม่ที่ Chef Pom ยอมเปลี่ยนตามคนกิน
- มอง “อุดรธานี” ผ่านความเป็นอีสานที่ตีความอาหารไทยภาคอื่นในแบบของตัวเอง
- “Phed Mark เผ็ดมาร์ค” แบรนด์ดิ้งรสเผ็ดที่เริ่มต้นด้วยผัดกะเพรา