ได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณแม่อ๋า-รัตติยา คงสร้างวาณิช เจ้าของร้าน เจริญรัถเป็ดพะโล้ ที่เปิดขายมานานกว่า 40 ปีแล้ว การพูดคุยที่เป็นกันเอง และการส่งต่อเรื่องราวการค้าขาย ทำให้ได้เรียนรู้ว่า การจะทำอาหารให้ออกมามัดใจผู้คนมากมายนั้น ไม่ได้มีแค่ปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากองค์ประกอบในหลาย ๆ ด้านที่ผู้ขายตั้งใจทำและใส่ใจทำออกมาให้ดีที่สุด เหมือนคำพูดที่ว่า “ทำอาหารให้ออกมาเหมือนอาหารที่ตัวเองชอบกิน” และเรื่องราวเบื้องลึกของร้านนี้จะเป็นอย่างไรนั้น เราไปพูดคุยพร้อม ๆ กันดีกว่าค่ะ
ได้สอบถามคุณแม่เรื่องของจุดเริ่มต้นในการมาเปิดร้านเป็ดพะโล้ คุณแม่ได้ตอบอย่างเป็นกันเองง่าย ๆ ว่า เพราะเป็นคนชอบกิน และชอบทำอาหาร ทำกิน ทำไหว้เอง พอทำไปทำมาก็ยึดเป็นอาชีพเลย อยากกินเป็ดในรสชาติแบบนี้ รสชาติที่เราชอบ นั่นจึงเป็นที่มาในการเปิดร้าน เจริญรัถเป็ดพะโล้ คุณแม่บอกว่าเราทำกินเองมานาน เรารู้ว่าเป็ดควรออกมาหน้าตาและรสชาติเป็นแบบไหน วัตถุดิบต่าง ๆ ที่ใช้ต้องคัดสดใหม่เพื่อคุณภาพ รวมถึงตัวเป็ดเอง คุณแม่คัดเอง เป็ดไม่มีห้องเย็น ไม่มีค้าง พอเป็ดมาก็ทำเป็ดพะโล้ ต้ม แล้วลูกค้าก็ได้กินเลย นั่นจึงเป็นที่มาของวลีที่ว่า “เป็ดของเราทุกตัวอย่างกับนางสาวไทย”
เป็ดที่สวยเหมือนนางสาวไทยเป็นอย่างไร คุณแม่บอกว่าเป็นหน้าตาสวยงาม เนื่องจากคุณแม่เป็นคนที่กินอะไรยาก ทำให้ทำอะไรออกมาทุกอย่างก็ต้องออกมาเป๊ะ นอกจากเป็ดที่สวยแล้ว ยังต้องมีความสะอาด อะไรที่ไม่สะอาดเราก็ให้ลูกค้ากินไม่ได้ เพราะเราเองเรายังกินไม่ได้เลย ที่นี่ล้างเป็ดมาเป็นอย่างดี เนื้อหนังแน่น สดใหม่ตลอด ไม่มีเป็ดเก่า เพราะความสดก็มีผลในเรื่องรสชาติและสัมผัสของเนื้อเป็ดเช่นกัน
คุณแม่ยังบอกอีกว่า ทุกอย่างที่นี่ทำด้วยใจล้วน ๆ ใส่ใจทุก ๆ อย่าง ทุก ๆ ขั้นตอน ผักคะน้าปอกทุกต้น ทีละต้น ๆ เพื่อให้คะน้าที่ออกมาไม่แข็งจนเกินไป อ่อนกำลังดี รับประทานง่าย น้ำซุปที่ออกมาหอมกลมกล่อมกำลังดี มาจากเครื่องพะโล้เกือบ 20 ชนิด ที่คุณแม่บอกว่า ใครที่เขาว่าอันไหนดีแม่ก็ใส่มาเรื่อย ๆ จนมีรสชาติเป็นอย่างทุกวันนี้ ไม่มีอาจารย์ เพราะคุณแม่ปรับปรุงรสชาติเองมาเรื่อย ๆ จนลูกค้าชอบ เนื่องด้วยคุณภาพ ทำให้บางครั้งคุณแม่บอกว่า อะไรที่ดูไม่ผ่านจะไม่ให้ออกมา พนักงานในร้านถือจานเดินผ่านไปผ่านมาเพื่อเสิร์ฟลูกค้า ถ้าคุณแม่เห็นจานไหนใช้ไม่ได้ คุณแม่จะห้ามไม่ให้เสิร์ฟทันที
นอกจากการใส่ใจในทุก ๆ ขั้นตอน และทุก ๆ วัตถุดิบของการทำเป็ดพะโล้แล้ว คุณแม่ยังใส่ใจในการบริการลูกค้าเป็นอย่างมาก พนักงานต้องบริการลูกค้าด้วยใจ คอยตอบและคอยบริการในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ เช่น ลูกค้าอยากกินอะไร อยากใส่อะไร ก็ต้องตามใจลูกค้า หรือลูกค้าขอน้ำจิ้มเพิ่ม ขออะไรก็ต้องให้เพิ่ม ก็เอาไปให้เต็มที่เลย และกินให้อร่อย เนื่องจากลูกค้าแต่ละคนกินไม่เหมือนกัน บางคนกินเผ็ด บางคนกินเค็ม หรือบางคนไม่กินเปรี้ยว ก็ต้องตามใจลูกค้า
“เป็ดพะโล้” เล็ก ราคา 80 บาท กลาง ราคา 150 บาท และใหญ่ ราคา 250 บาท รสชาติเป็ดพะโล้ของที่นี่รสชาติจะเหมือนเดิมคงที่ตลอด ลูกค้าบางคนไม่ได้แวะมากินนาน พอมีโอกาสได้กลับมากิน รสชาติก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ลูกค้าบางคนมาลองกินแล้วติดใจ จะไปอยู่เมืองนอกหรือต่างประเทศ กลับมาที่ไทยก็ยังต้องกลับมากินกัน บางคนกินตั้งแต่ยังอยู่ในท้องคุณแม่ จนคุณแม่คลอดก็ยังพาลูกมากิน บางคนมากินตั้งแต่ลูกยังเป็นเด็กเล็ก ๆ อนุบาล จนตอนนี้ลูกเรียนจบกันหมดแล้วก็ยังมากินเป็ดพะโล้ที่นี่กันอยู่ หัวใจหลักที่ทำให้ลูกค้าติดใจและมากินกันอย่างยาวนานขนาดนี้ คุณแม่บอกว่า สงสัยลูกค้าจะถูกใจ เพราะคุณแม่ทำกับมือเองตลอดเวลา ดูแลเอง ทำเอง ปรุงเองทุกอย่าง มีแต่พนักงานที่คอยเสิร์ฟให้ แต่กระบวนการต่าง ๆ คุณแม่ทำเองหมด
นอกจากจะมีเป็ดพะโล้เป็นจานหลัก และเมนูยอดฮิตประจำร้านแล้ว “เครื่องในและไส้แก้ว” ราคา 150 บาท ก็ขายดีไม่แพ้กัน เพราะด้วยเครื่องในที่ถูกทำความสะอาดมาอย่างดีด้วยความใส่ใจ ทำให้เครื่องในทุกส่วนไม่มีกลิ่นคาว การต้มในเครื่องพะโล้สูตรพิเศษทำให้น้ำซุปเข้าเนื้อเครื่องในจนมีกลิ่นหอมเครื่องพะโล้ออกมา กินเข้าไปแล้วมีรสชาติน้ำพะโล้อยู่ในทุก ๆ คำ เคี้ยวได้เพลิน ไม่แข็งและเหนียวจนเกินไป
และทีเด็ดที่ติดใจมาก ๆ จนต้องขอแนะนำให้ทุกคนห้ามพลาดเลยก็คือ “ไส้แก้ว” และ “เลือดเป็ด” เรียกได้ว่าชอบมาก ไส้แก้วที่ดูดเอาน้ำซุปจนเข้าถึงรสชาติ เคี้ยวไปจะได้สัมผัสกรุบ ๆ คุณแม่บอกว่าล้างเองทุก ๆ เส้น ทีละเส้น การันตีถึงความสะอาดแน่นอน และอีกหนึ่งอย่างที่หลาย ๆ คนอาจมองข้ามคือ “เลือดเป็ด” รสชาติดีกลมกล่อม เลือดนุ่มจนเกือบละลายในปาก ไม่มีกลิ่น ไม่แข็ง เข้ากับน้ำซุปดีมาก ๆ จนอยากจะสั่งเลือดเป็ดและไส้แก้วแยกมาอีกสักจานเลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่น ๆ ที่เป็นที่นิยมอย่าง “แกงจืด” ที่มี 3 ราคา คือ 55 บาท, 65 บาท และ 70 บาท และ “เป็ดตุ๋นอบบะหมี่” ราคา 250 บาท ขอบอกเลยว่าพอได้ลองแล้วติดใจทุกเมนู ตัวแกงจืดที่ซดเข้าไปได้ถึงรสชาติมะนาวดอง ที่กระตุ้นต่อมรับรสได้เป็นอย่างดี กินกับบะหมี่อบเส้นเหนียวนุ่ม ไม่แห้ง ไม่แข็ง ชุ่มช่ำเต็มรสชาติ และการแทะตัวขาเป็ดแบบเพลิน ๆ เรียกได้ว่ามาร้านนี้ทั้งทีก็ต้องมาลองกันให้ครบทุกเมนูเลยค่ะ
นอกจากนี้ที่ร้านยังรับทำ เป็ด ไก่ ห่าน หมู หมูป่า และปลา ทุกเทศกาลอีกด้วย ใครที่อยากได้เป็ดพะโล้ไว้ไหว้เจ้าก็สามารถติดต่อที่ร้าน เจริญรัถเป็ดพะโล้ได้เลยค่ะที่เบอร์ 02-861-0580, 089-675-1331 และ 081-772-1088 บอกเลยว่าช่วงเทศกาลต้องรีบติดต่อสอบถามมาก่อนนะคะ เพราะลูกค้าแน่นมาก ๆ ส่วนใครที่อยากมาลองก็มานั่งกินกันที่ร้านได้เลยค่ะ เพราะทางร้านมีที่นั่งไว้รองรับลูกค้าเยอะมาก ๆ
สำหรับใครที่อยากมาลองเจริญรัถเป็ดพะโล้ ก็มากันได้เลยค่ะที่ถนนเจริญรัถ ร้านจะตั้งอยู่ระหว่างซอยเจริญรัถ 26 และเจริญรัถ 28 ห่างจากรถไฟฟ้าสถานีธนบุรีไป 800 เมตร เดินทางไม่ยากเลยค่ะ บอกเลยว่าการได้ลองมาสัมภาษณ์ร้านนี้ทำให้ได้เรียนรู้การทำธุรกิจที่เกี่ยวกับการขายอาหารเยอะมาก ๆ ได้แง่คิด ได้รู้ว่าการที่ร้านร้านหนึ่งจะมีลูกค้าที่เหนียวแน่นและยังแวะเวียนมากินอยู่เสมอไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานกี่ปีนั้น ต้องอาศัยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ซึ่งหนึ่งในนั้นที่ขาดไปไม่ได้คือ ความใส่ใจและความตั้งใจค่ะ