[รีวิว] เจ๊สวย ตำนานร้านข้าวต้ม 100 ปี ที่ยังมีลมหายใจ

เป็นที่ทราบกันดีว่าวัฒนธรรมการกินอาหารสตรีทฟู้ดในบ้านเรา ได้รับอิทธิพลมาจากชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่หลั่งไหลเข้ามาลงหลักปักฐาน สร้างความมั่นคงในดินแดนที่เพียบพร้อมไปด้วยพืชพรรณธัญญาหารอันอุดมสมบูรณ์แห่งนี้มาเกินกว่า 100 ปีเข้าให้แล้ว ด้วยความที่พวกเขาเป็นคนอยู่ง่าย กินง่าย ใช้จ่ายประหยัด เราจึงมักพบเห็นร้านอาหารสตรีทฟู้ดยุคดั้งเดิมที่มีความหลากหลาย อีกทั้งยังมีเมนูยอดฮิตในยุคนั้นมากมาย อาทิ ร้านก๋วยเตี๋ยว ราดหน้า ขาหมู หรือร้านข้าวต้ม ขายทั้งแบบหาบเร่ แผงลอย ข้างทาง ตลอดจนถึงภัตตาคารขนาดใหญ่ ผุดขึ้นมากุมชะตาธุรกิจร้านอาหารของสยามประเทศเต็มไปหมด

แต่เมื่อเวลาผ่านไปรสนิยมการกินอาหารยุคใหม่ก็ได้เข้ามาแทนที่ ส่งผลให้ร้านอาหารเก่าแก่ค่อย ๆ หายไปและถูกแทนที่ด้วยร้านอาหารทันสมัยมากมาย แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือรสชาติอาหารดั้งเดิมที่นับวันแทบหากินไม่ได้ ก็ค่อย ๆ เลือนหายไปทีละน้อยจนแทบจะสูญพันธุ์ไปจากเมืองไทย วันนี้เราจึงขอพาทุกท่านมาระลึกความหลังกับร้านสตรีทฟู้ดในตำนาน ที่ยังคงยืนหยัดผ่านกาลเวลามายาวนานกว่า 100 ปี ที่ลูกค้าให้สมญานามว่า “เจ๊สวย” ข้าวต้ม 100 ปี ว่าพวกเขามีเคล็ดลับอะไรถึงมัดใจลูกค้าทั้งเก่าใหม่ได้อย่างอยู่หมัด

บรรยากาศของย่านพลับพลาไชยในยามเย็นนั้นค่อนข้างคึกคัก เนื่องจากอยู่ใกล้กับเยาวราชซึ่งเป็นศูนย์รวมอาหารการกิน และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญมากมาย เมื่อร้านค้าต่าง ๆ ทยอยปิดบริการเพื่อพักผ่อนจากการทำงานอันแสนเหน็ดเหนื่อยในแต่ละวัน เราก็สังเกตได้ว่าเริ่มมีร้านอาหารข้างทางมากมายทยอยจับจองพื้นที่เพื่อให้บริการลูกค้าที่กำลังมองหาของกิน รสชาติ ฟิน ๆ กันอย่างหนาแน่น

ในขณะที่เรากำลังเดินข้ามถนนมาจากสถานี MRT วัดมังกร เราก็พบกับร้านข้าวต้มขนาดกำลังดี ไม่มีป้ายร้าน เมื่อคะเนจากสายตาน่าจะสามารถรองรับผู้คนได้ประมาณ 50-100 ที่นั่ง ตั้งตระหง่านอยู่ในห้องแถวล็อกเดียว พร้อมทั้งเสียงเจื้อยแจ้วของผู้คนในร้านดังมาเป็นระยะ ๆ เมื่อสอบถามอย่างงง ๆ ก็ได้ความว่าร้านนี้แหละที่ชื่อ ร้านข้าวต้ม “เจ๊สวย” หรือมีอีกชื่อว่าข้าวต้ม 100 ปี ของดีย่านพลับพลาไชยที่ทำให้เราต้องมาพิสูจน์กันสักหน่อยว่ารสชาติจะดีเหมือนที่ได้ยินมาหรือไม่

ในระหว่างที่ลองสั่งอาหาร และหาที่นั่งจิบน้ำชาเย็น ๆ รสชาติหอมกรุ่นที่ทางร้านเอามาเสิร์ฟให้พลาง ๆ อาหารเมนูแรกพร้อมข้าวต้มร้อน ๆ ก็ถูกนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะทันที รวดเร็วทันใจ ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาทีด้วยซ้ำ เหมือนกับเขารู้ว่าเราจะสั่งอะไรเลย

เพื่อไม่ให้เสียอรรถรสเรามาดูเมนูอาหารกันก่อนดีกว่า และเมนูแรกซึ่งทุกคนที่มาร้านนี้ต้องสั่งก็คือ “ต้มจืดเกี่ยมบ๊วยหมูสับ” (50 บาท) จุดเด่นของอาหารจานนี้อยู่ที่รสชาติ เปรี้ยวนำ เค็มตาม เป็นอาหารดั้งเดิมแบบจีนขนานแท้

หากใครที่ถวิลหาเมนูอาหารจีนสูตรต้นตำรับ ต้องห้ามพลาด “หมูสับปลาเค็ม” (30 บาท) เป็นอันขาด เพราะเมนูนี้ทางร้านได้รับแรงบันดาลใจมาจากการได้ไปสัมผัสวิถีชีวิตคนท้องถิ่นในแผ่นดินใหญ่ จึงได้นำเมนูนี้มาถ่ายทอดในเมืองไทย ทำให้กลายเป็นหนึ่งในอาหารซิกเนเจอร์ที่ใครมาก็ต้องสั่ง ด้วยความกลมกล่อม ลงตัวของเนื้อหมูที่คลุกเคล้าเข้ากับปลาเค็มแบบพอดี ทำให้สามารถลดจุดด้อยของวัตถุดิบต่าง ๆ ได้อย่างดีเยี่ยม กล่าวคือเมนูนี้ เป็นการกินหมูสับที่มีเนื้อสัมผัสนุ่ม เด้ง มีกลิ่นปลาเค็มเป็นตัวชูโรง แต่กลับไม่มีรสชาติเค็มแบบโดดให้กังวลใจ ส่งผลให้สามารถกินกับข้าวก็ดี หรือจะกินเปล่า ๆ ก็ได้ ถือเป็นเมนูที่โดนใจเรามากที่สุด

ปิดท้ายกันด้วยเมนู “หมูแดงทอด” (50 บาท) ที่หั่นมาแบบพอดีคำ มีความกลมกล่อมของเครื่องเทศนานาชนิดซึ่งถูกหมักรวมกันจนซึมซับเข้าสู่เนื้อหมู กินแล้วรู้สึกถึงความนุ่มนวล อบอวลด้วยกลิ่นหอมจากเครื่องเทศ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูยอดฮิตที่เราเห็นลูกค้าสั่งกันแทบทุกโต๊ะเลยทีเดียว

นอกจาก 3 เมนูยอดฮิตที่เราได้กล่าวมาแล้ว ร้านเจ๊สวย ข้าวต้ม 100 ปี ยังมีเมนูดี รสชาติเด็ด ที่รอให้ทุกคนมาพิสูจน์อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “ขาหมูต้มถั่ว” (50 บาท) “เป็ดรมควัน” (100 บาท) และ “ปลานึ่ง” ราคาขึ้นอยู่กับขนาด เป็นต้น

ก่อนจะจากลากันไป ถ้าไม่ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับที่มาของร้าน"เจ๊สวย" ข้าวต้ม 100 ปี ก็คงไม่ได้ เราจึงขอให้ "พี่เจี๊ยบ" วิไลวรรณ โชติหิรัญไพศาล เจ้าของร้าน รุ่นที่ 3 มาบอกกล่าวเรื่องราวที่ผ่านมาของร้านข้าวต้มในตำนาน ย่านพลับพลาไชยแห่งนี้ให้เราได้ฟังกัน

"ร้านนี้เริ่มทำโดยอาม่าซึ่งเขาอพยพครอบครัวมาจากเมืองจีน เท่าที่จำความได้คืออาม่าเป็นคนเริ่มทำร้านข้าวต้มขึ้นมาแล้วก็กลายเป็นธุรกิจครอบครัว จนส่งต่อมาถึงรุ่นคุณแม่และตอนนี้เราก็เป็นคนดูแลอยู่เพราะเขาอายุเยอะแล้ว"

พี่เจี๊ยบเล่าถึงที่มาของร้านอย่างคร่าว ๆ ก่อนกล่าวเสริมต่อไปว่า

"คนจีนเขามาทำการค้าขาย เขาก็คงไม่ได้คิดถึงการมีชื่อร้าน หรือป้ายบอกอะไร พอนาน ๆ ไป ลูกค้าก็ไม่รู้ว่าจะเรียกอะไรเขาก็เลย เรียกตามความเข้าใจซึ่งอาจเพราะว่าคุณแม่ในตอนนั้นเป็นคนสวย เขาจึงเรียกว่า ร้าน "เจ๊สวย" หรือบางคนอาจเห็นเป็นร้านเก่าแก่เปิดมานานหลายชั่วอายุคนเขาก็เรียกว่า "ข้าวต้ม 100 ปี" ก็มี ซึ่งก็ต้องขอบคุณลูกค้าที่ตั้งชื่อร้านให้ แต่เราก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์เอาไว้คือไม่ได้ขึ้นป้ายหรือตั้งชื่อร้านอย่างเป็นทางการ"

แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้ร้านข้าวต้ม 100 ปี แห่งย่านพลับพลาไชย ยังคงอยู่ในความทรงจำของทุกยุคสมัย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามาจากปณิธานของคนตระกูลนี้ที่ไม่ว่าจะเกิดวิกฤติอะไรคำว่า "ครอบครัว"ต้องมาก่อนเสมอ เพราะหลังจากพี่เจี๊ยบเรียนจบจากมหาวิทยาลัย ก็ได้รับการร้องขอจากทางบ้านให้มาดูแลกิจการร้านข้าวต้ม เนื่องจากทายาทรุ่นที่ 2 อย่างคุณแม่ก็มีอายุมากขึ้น ทำให้ไม่สามารถทำงานหนักได้เหมือนเมื่อก่อน ซึ่งหลายคนอาจยังไม่รู้ว่าตรงนี้คือรอยต่อสำคัญที่ตัดสินอนาคตของร้านได้ว่าจะเดินต่อหรือพอแค่นี้

"จริง ๆ เราก็เป็นเด็กคนหนึ่งที่จบมาแล้วก็มีความคิดอยากทำอะไรหลายอย่างนะ แต่ในขณะที่ทางบ้านขอให้เข้ามาช่วยดูกิจการ เราบอกตรง ๆ เลยว่าเราไม่มีความลังเลใจอะไรเลย ไม่ต้องคิดอะไรด้วย เราตัดสินใจได้ในทันทีเพราะมันเป็นสิ่งที่เราต้องทำ สำหรับเราครอบครัวต้องมาก่อนเสมอ และตอนนี้เราก็มีความสุขกับสิ่งที่เราทำแล้วเราเลือก"

พี่เจี๊ยบกล่าวปิดท้ายได้แบบน่าฟัง จึงทำให้เราได้รู้ว่านอกจากรสชาติอาหารแล้ว ความสัมพันธ์ภายในครอบครัวอันแนบแน่นก็เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ร้านอาหารสามารถก้าวข้ามช่วงเวลาแห่งความยากลำบากไปได้

สุดท้ายนี้หากช่วงเทศกาลแต่ยังไม่รู้จะไปเที่ยวไหนดี ลองแวะมากินอาหารพื้นบ้าน รสชาติดั้งเดิมแบบจีน ที่ร้านเจ๊สวย ข้าวต้ม 100 ปี แห่งย่านพลับพลาไชยกันดู โดยร้านจะเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 15.00 - 03.00 น. เป็นต้นไป หรือหากใครไม่สะดวกเดินทางไปที่ร้านก็สามารถใช้บริการ LINEMAN ได้ ที่นี่ เลย

การเดินทาง

เดินทางโดยรถไฟใต้ดิน MRT มาลงที่สถานีวัดมังกร ใช้ทางออกที่ 1 บริเวณสี่แยกแปลงนาม จากนั้นเดินข้ามถนนเจริญกรุงมา 20 เมตร ร้านจะอยู่ทางขวามือ