“Nose to Tail” กินหัวจรดหาง ช่วยเรา ช่วยโลกได้ยังไง?
  1. “Nose to Tail” กินหัวจรดหาง ช่วยเรา ช่วยโลกได้ยังไง?

“Nose to Tail” กินหัวจรดหาง ช่วยเรา ช่วยโลกได้ยังไง?

ใช้ถุงผ้าช่วยโลกก็แล้ว พกกระบอกน้ำก็แล้ว แต่รู้ไหมว่าการกินแบบอีโค่ก็มีนะ! มารู้จัก "Nose to Tail Eating" ว่ากินช่วยโลกมันจะเป็นยังไงกันแน่!

กินหัว กินหาง กินกลางตลอดตัว! ที่พูดแบบนี้ไม่ได้กำลังชวนเล่นงูกินหางนะคะ แต่กำลังจะมาเล่าสู่กันฟังถึงเทรนด์อาหารที่ชื่อว่า “Nose to Tail” ที่เรียกได้ว่าเป็นการกินที่แสนคุ้มค่าแถมยังช่วยโลกอีกต่างหาก เพราะช่วงนี้เทรนด์อีโค่กำลังมาแต่เอ...เคยได้ยินแต่ขวดน้ำอีโค่หรือถุงผ้าอีโค่ ใครจะรู้ว่าการกินแบบอีโค่ก็มีนะ! สงสัยกันแล้วล่ะสิ งั้นเราจะไปไขคำตอบกันเลยดีกว่าว่า “Nose to Tail” คืออะไรกันแน่แล้วมันจะช่วยโลกได้ยังไงกัน?

ใครอยากฟังกันแบบเพลิน ๆ เราขอนำเสนอวงในพอดแคสต์ "วงในวันละร้าน" ที่จะให้คุณเต็มอิ่มกับเกร็ดความรู้ของอาหารนานาชนิด ตบท้ายด้วยร้านแนะนำให้ตามไปลองกันทันที! วันไหนหิว แต่ไม่รู้จะกินอะไรดี นึกนานแล้วก็นึกไม่ออก ให้ "วงในวันละร้าน" ช่วยนึก เรื่องกินจะสนุกขึ้นอีกหลายเท่า แถมยังได้ร้านดีร้านเด็ดให้ลองกันไปเลยทุกวัน!

1กินหัว กินหาง กินกลางตลอดตัว

“Nose to Tail” คือปรัชญาของการใช้ทุกสัดส่วนของสัตว์มาปรุงเป็นอาหาร โดยที่ไม่ให้มีส่วนใดต้องเสียไปอย่างไร้ประโยชน์ พูดง่าย ๆ ก็คือการกินทุกส่วนตั้งแต่จมูกยันหาง ไม่ให้มีส่วนไหนต้องทิ้งให้เปล่าประโยชน์

ปรัชญา Nose to Tail

การกินแบบ Nose to Tail มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เนื่องจากสมัยนั้นยังไม่มีอาหารอุดมสมบูรณ์หรือหากินได้ง่ายอย่างในสมัยนี้ การจะล้มวัวหรือล่าสัตว์ได้มาสักตัว จึงต้องทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นวิธีประหยัดเนื้อที่ล่ามาได้ เพราะใช้ทุกส่วนไม่เว้นแม้แต่กระดูกนั่นเอง

การล่าสัตว์สมัยก่อน

แต่เมื่อโลกพัฒนาขึ้น มนุษย์ผลิตอาหารได้มากขึ้น แถมยังหากินได้ง่ายขึ้น กระแสฟาสต์ฟู้ด (Fast Food) ครองเมืองเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ คอนเซปต์การกินทั้งตัวจึงถูกหลงลืมไป จนกระทั่งในปี 2004 มีการตีพิมพ์หนังสือที่ชื่อว่า The Whole Beast: Nose to Tail Eating ซึ่งเขียนโดยเชฟชาวอังกฤษ Fergus Henderson ด้วยเนื้อหาที่เจาะลึกเกี่ยวกับการเลือกใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น และปรุงด้วยวิธีแบบดั้งเดิม รวมทั้งเทคนิคพิเศษต่าง ๆ ในการกินหมูทั้งตัวของเชฟเฟอร์กัส ที่ใครก็เข้าถึงได้ ทำให้หนังสือเล่มนี้และปรัญชา Nose to Tail เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เชฟชาวอเมริกัน และทราเวลเลิฟเวอร์อย่าง Anthony Bourdain ถึงกับให้นิยามว่า หนังสือเล่มนี้คือพระเอกของวัฒนธรรมสโลว์ฟู้ด (Slow Food) เลยทีเดียว

หนังสือ The Whole Beast: Nose to Tail Eating

2กินยังไงให้ช่วยโลก

ปัจจุบันโลกมีขยะมากขึ้น โดยเฉพาะขยะจากอาหารที่เหลือจากกระบวนการผลิต (Food Waste) ที่น่าตกใจคือ รายงานการศึกษาชิ้นใหม่จาก Trase ระบุว่า ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีความต้องการบริโภคเนื้อวัวที่สูงขึ้นในประเทศจีนซึ่งกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ป่าอะเมซอนถูกเผาและถางอย่างรวดเร็ว เพื่อขยายพื้นที่สำหรับทำฟาร์มวัว ปอดของโลกอย่างป่าอะเมซอนจึงอยู่ในขั้นวิกฤต!

ขยะจากอาหาร

แม้โลกกำลังเจอปัญหาสิ่งแวดล้อมแบบนี้ แต่เราก็ได้เห็นผู้คนมากมายที่เริ่มหันมาใส่ใจไลฟ์สไตล์แบบอีโค่มากขึ้น เทรนด์การกินอาหาร Nose to Tail จึงเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน เพราะนอกจากจะเป็นการเคารพสัตว์ทุกตัวที่เราได้นำทุกส่วนของเขามาปรุงอาหารแล้ว ยังเป็นการกินอย่างสมถะ ไม่ทำร้ายโลกด้วยล่ะ

กินแบบสมถะ

การกินแบบ Nose to Tail ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง เพราะเมื่อเรากินสัตว์ทั้งตัว หมายความว่าเราสามารถสร้างสรรค์ทุกส่วนของสัตว์เป็นอาหารหลายเมนู พูดง่าย ๆ ก็คือ วัวหนึ่งตัว แทนที่จะกินเป็นเนื้อสเต๊กอย่างเดียว เราสามารถนำส่วนที่เหลือไปทำเป็นซุปหางวัวหรือไขกระดูกวัวได้อีกหลายมื้อ เมื่อความถี่ที่วัวถูกนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะอาหารน้อยลง ก็เท่ากับจำนวนวัวที่อาจจะต้องเลี้ยงน้อยลง รวมถึงจำนวน หญ้า น้ำ ที่ต้องใช้เลี้ยงวัวด้วย ขอติดแฮชแท็ก #savetheworld ให้เลย

Nose to Tail ช่วยโลก

3รักเรา รักษ์โลก 

นอกจาก Nose to Tail จะช่วยลดปริมาณอาหารที่เหลือจากกระบวนการผลิตที่จะกลายเป็นขยะของโลกแล้ว การกินทุกส่วนของสัตว์ยังมีข้อดีต่อผู้ที่กินที่บางครั้งเราอาจคิดไม่ถึง นั่นคือ

1. มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย

เพราะหากเรากินแต่เนื้อเฉพาะส่วน ก็จะทำให้เราได้โปรตีนชนิดเดิม ๆ แต่หากเราได้กินเครื่องในหรือส่วนอื่น ๆ ก็หมายความว่า เราได้รับวิตามินหรือกรดอะมิโนต่าง ๆ หลากหลายขึ้น

ช่วยให้ร่างกายได้รับโปรตีนหลากชนิด

2. สบายกระเป๋า

ทุกวันนี้เราเสียเงินไปกับเนื้อส่วนเล็ก ๆ ที่กินได้ไม่กี่มื้อ แต่ถ้าเราสามารถกิน Nose to Tail และจัดสรรเนื้อส่วนต่าง ๆ ได้ทั้งหมด แม้จะทำให้เราจ่ายมากในครั้งเดียว แต่ประหยัดส่วนต่างที่ต้องเสียไปกับเนื้อส่วนเล็ก ๆ เหล่านั้นเลยนะ

ความคุ้มค่า

3. เปิดประสบการณ์การกินอาหารใหม่ ๆ

บางคนอาจเคยกินสเต๊กมามากกว่าร้อยครั้ง แต่จะมีสักกี่ครั้งกัน ที่เราจะมีโอกาสได้กินไขกระดูก สำหรับคนทั่วไปแล้วคงนับครั้งได้ หรืออาจไม่เคยกินเลยด้วยซ้ำ ซึ่งการกิน Nose to Tail นี่แหละ จึงถือเป็นการเปิดโอกาสให้คุณได้ลิ้มลองเมนูใหม่ ๆ อย่างแท้จริง

เปิดประสบการณ์

ใครอยากเปิดประสบการณ์การกินอาหารแบบ Nose to Tail ก็ไม่ต้องเหนื่อยหาที่ไหนไกล เพราะร้าน 100 Mahaseth ของเชฟชาลี การ์เดอร์ หรือจะเป็นร้าน Pho Marrow ที่เสิร์ฟอาหารสุดสร้างสรรค์แบบ Nose to Tail ที่พร้อมให้คุณไปลองกันแล้ว!

วันนี้เรียกได้ว่าได้ความรู้กันไปเต็ม ๆ กับการกินหัวจรดหางแบบ Nose to Tail ที่นอกจากจะช่วยโลกให้ไม่มีขยะจากอาหารที่เหลือจากกระบวนการผลิตแล้ว ยังช่วยให้เราได้ประสบการณ์การกินแบบใหม่ ๆ แบบสบายกระเป๋าอีกด้วย วลีที่ว่า “เรื่องกิน เรื่องใหญ่” ท่าจะจริงนะคะ เพราะ “ใหญ่” ในที่นี้ คือผลกระทบยิ่งใหญ่ต่อสิ่งแวดล้อมที่เราคาดไม่ถึง และหากเราเริ่มต้นเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้ แม้จะคนละนิดละหน่อย แต่จะช่วยโลกได้เยอะเลยล่ะค่ะ

ข้อมูลอ้างอิง

British Food A History, 2556. “Tail to Nose Eating” [online] เข้าถึงจาก https://britishfoodhistory.com/2013/03/31/tail-to-nose-eating-2/ สืบค้นเมื่อ 16 มิถุนายน 2563

Savory Lotus. “NOSE TO TAIL EATING: 5 REASONS TO DIVE IN” [online] เข้าถึงจาก https://www.savorylotus.com/nose-to-tail-5-reasons-to-dive-in/ สืบค้นเมื่อ 16 มิถุนายน 2563

Sloan’s. “What does nose-to-tail mean? อะไรคือ กินหัวกินหางกินกลางตลอดตัว หรือที่เรียกกันว่า nose-to-tail” [online] เข้าถึงจาก https://www.sloanes.co.th/th/nose-to-tail-philosophy/ สืบค้นเมื่อ 16 มิถุนายน 2563

KRUA.CO, 2562. “จัดการวัตถุดิบให้หมด ลดขยะเป็นศูนย์” [online] เข้าถึงจาก https://krua.co/current/public/cooking/cook-to-know/157/จัดการวัตถุดิบให้หมด-ลดขยะเป็นศูนย์ สืบค้นเมื่อ 16 มิถุนายน 2563

Green News, 2563. “เผยรายงานใหม่รับสัปดาห์งดเนื้อโลก ชี้สเต็กเนื้อในภัตตาคารจีน มีส่วนทำลายป่าอเมซอน” [online] เข้าถึงจาก https://greennews.agency/?p=21241&fbclid=IwAR2veDS4o8XSW7x6fl3fXz_gFT5hlIIVAUsL_L9GhTY8D9ZtK2N3Q9TiRcA สืบค้นเมื่อ 16 มิถุนายน 2563

อยากรู้เรื่องราวของอาหารให้มากขึ้น ไปตามกันต่อเลย!