บางทีก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศ หนีเรื่องวุ่นวายมาเที่ยวแบบท้องถิ่นซึมซับเรื่องเล่าจากกรุงเทพฯ หรือไหว้พระทำบุญกับเขาบ้าง ซึ่งวาฬมีลิสต์สถานที่ที่ทั้งพิเศษ และเต็มไปด้วยความงดงามเลอค่ามากทั้งด้านวัตถุ และจิตใจรอบเกาะรัตนโกสินทร์มาแชร์ให้กับเพื่อน ๆ โดยเริ่มกันที่โลหะปราสาท นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ แล้วกลับมาที่ใจกลางเยาวราช วาฬจะพาเที่ยวพากินไปพร้อมกันแบบวันเดียวอิ่มใจอิ่มกาย แถมยังได้รับความสุขสนุกติดตัวกลับบ้านด้วย



1โกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่ ณ เสาชิงช้า
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง จะเที่ยวทั้งวันก็ต้องเติมพลังตอนเช้ากันก่อน ที่แรกที่จะพาไปยังไม่เที่ยวนะคะ ขอพาไปกินก่อนที่โกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่ ณ เสาชิงช้า ร้านกาแฟโบราณที่เสิร์ฟอาหารเช้าชวนหิว เริ่มด้วย ชุดอาหารเช้า ชุด 1 ไข่กระทะ + ขนมปังสอดไส้ (85 บาท) ไข่กระทะสองฟองทอดมาร้อน ๆ พร้อมหมูสับ กุนเชียง และหมูยอ คู่กับขนมปังสอดไส้กุนเชียง หมูยอ ราดซอสมะเขือเทศนิด เหยาะซอสหน่อย น้ำลายไหลเลยยย แล้วจิบกาแฟร้อน ชาเฟร้อน (75 บาท) เป็นกาแฟไทยผสมกับชาซีลอนเข้มข้น หอมเข้มจริงค่ะแก้วนี้



2โลหะปราสาท
อิ่มท้องแล้วเดินต่อไปอีกนิดยัง “วัดราชนัดดารามวรวิหาร” ซึ่งวัดในอารามหลวงแห่งนี้ไม่มีเจดีย์ประจำวัด! แต่กลับมี “โลหะปราสาท” เพียงหนึ่งเดียวในโลก ซึ่งนี่ก็เป็นครั้งแรกที่วาฬได้เข้ามายังโลหะปราสาทแห่งนี้ แต่เอ... วาฬจำได้ว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อนยังเป็นสีดำขลับดูน่าเกรงขาม ไฉนตอนนี้กลายเป็นสีทองอร่ามสุกสว่างไสวไปได้นะ ชักอยากรู้แล้วล่ะสิ?

ความสงบเงียบภายในทำให้วาฬได้โฟกัสความงดงามของโละปราสาทแห่งนี้ ได้สัมผัสพื้นผิวของปูนกับกระเบื้องที่ถูกสร้างมานานนับร้อยปี ได้เห็นความอ่อนช้อยของสภาปัตยกรรมที่เคยมองจากระยะไกล แล้ววาฬก็ได้คำตอบจากพระอาจารย์ว่าแรกเริ่มโครงสร้างเป็นเพียงอิฐสลับศิลาแลง แต่ได้มีการบูรณะจนในที่สุดกลายมาเป็นโลหะสามชนิดคือ ทองเหลือง ทองแดง และปิดทองคำเปลว เพื่อความประณีตสวยงามนั่นเองค่ะ



3นิทรรศน์รัตนโกสินทร์
หลังจากได้ขึ้นไปยังยอดปราสาทแล้ว วาฬก็เดินเท้าต่อมายังสถานที่ใกล้เคียงที่แอบซ่อนความสนุกเหนือความคาดหมายเอาไว้ใน “นิทรรศน์รัตนโกสินทร์” ต้องสารภาพก่อนว่าเคยแต่ผ่านมา ไม่เคยเข้ามาสักที แต่พอได้เข้ามาสัมผัสจริง ๆ กลับเหนือความคาดหมาย

อย่างแรก ที่เหนือความคาดหมายคือ แอร์เย็นมากกกก แล้วยังใหญ่โตโอ่อ่า! มีห้องนิทรรศน์ฯ ให้รับชมมากถึง 11 ห้อง ที่บรรจุเรื่องราวประวัติศาสตร์ ศิลปะวัฒนธรรมตั้งแต่กรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นจนถึงปัจจุบัน ครั้งนี้วาฬเลือกเส้นทางที่ 2 คือห้องห้องเรืองรุ่งวิถีไทยกับห้องดวงใจปวงประชา ใช้เวลาทั้งหมดร่วม 2 ชั่วโมง
อย่างที่สอง พอได้ก้าวเข้าห้องเรืองรุ่งวิถีไทย เราไม่ได้เดินชมอะแกรรรร แต่ได้นั่งเรือชมวิถีริมน้ำ เสร็จแล้วก็ต้องไปต่อรถราง! พาหนะยอดนิยมที่ถนนเจริญกรุง มีความวินเทจเพิ่มขึ้นอีกแน่ะ ระหว่างนั่งรถรางก็มีน้องหญิงกับพี่หญิงออกมาชมเมืองพูดคุยกันถึงความเจริญของสยาม

อย่างที่สาม ที่นี่มีอะไรให้ทำมากกว่าเดินชม เขามีตู้โปสการ์ดให้หยอดเงินยี่สิบบาท เลือกลายออกมาเขียนส่งลงตู้จดหมายได้จริง ๆ หรือจะเป็นถ่ายรูปลงปกนิตยสารซึ่งสามารถปริ๊นต์ออกมาเก็บไว้เป็นที่ระลึก แต่ถ้าอยากคึกครื้นขึ้นมาหน่อย ไปกดตู้เพลงหน้าโรงหนังเลยค่ะ ร้องจริง ดังจริง เพลินมาก!



แล้วก็มาถึงห้องดวงใจปวงประชา ห้องที่บรรจุความรุ่งโรจน์ของกรุงรัตนโกสินทร์โดยพระมหากษัตริย์ในบรมราชจักรีวงศ์ และชมภาพยนตร์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หรือในหลวง รัชกาลที่ 9 อันเป็นที่รัก และเทิดทูนของปวงชนชาวไทย

4ครัวอัปษร
ทั้งวันนี้ทั้งเดิน นั่ง ชม และสนุกเพลิน จนลืมเวลาออกมาก็เที่ยงจนท้องร้องจ๊อกเลยค่ะ พาเดินกลับไปอีกนิดที่เสาชิงช้ากินข้าวกลางวันที่ ครัวอัปษร กับเมนูที่ห้ามพลาด ไข่ฟูปู (100 บาท) ฟูนุ่มอัดแน่นด้วยเนื้อปู ผัดดอกขจรหมูสับ (100 บาท) ขจรสดกรอบผัดมากับหมูสับ รสบ้าน ๆ ที่ทำให้นึกถึงฝีมือแม่



5ศูนย์ประวัติศาสตร์เยาวราช วัดไตรมิตรฯ
นั่งรถต่อมาที่เยาวราชลงหน้า “วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร” เพื่อสักการะพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร เรี่องของเรื่องคือ ในปี พ.ศ. 2498 ได้อัญเชิญมาประดิษฐาน ณ วัดไตรมิตรฯ แต่อนิจจา! ปูนปั้นที่ห่อหุ้มไว้อย่างมิดชิดก็แตกกะเทาะเพราะน้ำหนักทองคำกว่าห้าตัน เผยให้เห็นทองคำเนื้อเจ็ด จึงได้ทราบว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำอันล้ำค่า ซึ่งถูกบันทึกลงกินเนสบุ๊กว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่ และมีมูลค่ามากที่สุดในโลก!

ที่วัดแห่งนี้ยังเป็นพิพิธภัณฑ์วัดไตรมิตรหรือศูนย์ประวัติศาสตร์เยาวราช อัดแน่นไปด้วยประวัติศาสตร์ของชาวจีน วาฬเริ่มเส้นทางตั้งแต่ใต้ท้องเรือสำเภาที่ชาวจีนต้องแอบซ่อนตัวเพื่อล่องเรือมายังสยาม เมื่อลงที่ท่าเรือสำเพ็งก็ต้องหางานทำรับจ้างเป็นกุลีแบกของ เก็บเล็กผสมน้อยจนเริ่มมีฐานะเป็นเจ้าสัว กลายเป็นชุมชนย่านเยาวราชบนถนนมังกรทองที่เจริญรุ่งเรืองมากที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ


6ร้านหมูสะเต๊ะชองกี่ X ข้าวหมูแดงสีมรกต
ถึงจะเพิ่งกินอิ่มไปไม่ทันไร แต่เดินทางมาทั้งวันสนุกสนานเต็มอิ่มทั้งกาย และใจมากขนาดนี้ ก็ต้องเติมพลังปิดท้ายกันซะหน่อย เดินข้ามถนนมาซอย สุกร 1 ที่ร้านหมูสะเต๊ะชองกี่ หมูสะเต๊ะ จานเล็ก 10 ไม้ (80 บาท) ย่างเตาถ่านเนื้อนุ่มผสมมันนิด ๆ กับน้ำจิ้มรสหวานมัน และอาจาดรสเปรี้ยวตัดเลี่ยน แต่มากินหมูสะเต๊ะทั้งทีจะพลาด ข้าวหมูแดงหมูกรอบ (50 บาท) จากร้านข้าวหมูแดงสีมรกตไปได้ยังไง เลยสั่งพิเศษมากินที่ร้านหมูสะเต๊ะจัดเต็มทั้งหมูกรอบ หมูแดง ไข่ต้มยางมะตูมกับน้ำราดมาเต็มจาน


7Scoopp
กินคาวแล้วต้องตบด้วยของหวาน เดินข้ามถนนมาเดินตรงต่อไปสักนิดจะเจอร้าน Scoopp ไอศกรีมโฮมเมด ถ้าวาฬไม่เกรงใจเจ้าของร้านล่ะก็ คงจะขอชิมรสไอศกรีมไปซะทุกรส เพราะหน้าตาช่างเชิญชวนเหลือเกิน แต่ก็ตัดใจเลือกมาหนึ่งรสชาติ Choc Orange (40 บาท) ความเข้มแบบแมน ๆ ของช็อกโกแลตมันเข้ากันดี๊ดีกับรสส้มเลยค่ะ


ทั้งวันนี้จะว่าเหนื่อยแต่ก็คุ้มเกินคุ้มหนึ่งวันจริง ๆ ได้ไหว้พระ ชมปราสาท ฟังเรื่องเล่าของเมืองกรุงเทพฯ ทั้งเพลิดเพลิน และสนุกสนาน จนแทบไม่น่าเชื่อเลยว่าเมืองหลวงอันวุ่นวายแห่งนี้จะมีสถานที่เรียนรู้ประวัติศาสตร์แบบสนุก ๆ ซ่อนอยู่ และที่เที่ยวทั้งหมดคงจะไม่เกิดขึ้น หรืออาจไม่ได้คงความสวยงามอย่างที่เป็นอยู่หากปราศจากการดูแลรักษาโดยสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และเที่ยวอย่างเดียวไม่พอ ต้องคอยเติมพลังให้ตัวเองกับร้านเด็ดด้วยนะคะ ครั้งหน้าวาฬไปเที่ยวไหน เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังให้เพื่อน ๆ อิจฉาจนอยากออกไปตามรอยบ้าง :)