จาก “ธนาภัณฑ์” สู่ “TANA” ร้านอาหารครอบครัวที่เชื่อมโยงกับ “ท่าเตียน”
  1. จาก “ธนาภัณฑ์” สู่ “TANA” ร้านอาหารครอบครัวที่เชื่อมโยงกับ “ท่าเตียน”

จาก “ธนาภัณฑ์” สู่ “TANA” ร้านอาหารครอบครัวที่เชื่อมโยงกับ “ท่าเตียน”

TANA ร้านอาหารที่ผันตัวจากร้านขายส่ง สู่การเสิร์ฟเมนูสูตรครอบครัวที่เชื่อมโยงกับความเป็น “ท่าเตียน” ด้วยวัตถุดิบ และห้ามพลาด “เกี๊ยวไข่เแดงเค็มดินทะเลออร์แกนิก”
writerProfile
24 พ.ย. 2019 · โดย

#วงในบอกมา

  • แต่เดิมธุรกิจหลักของครอบครัว “ธนาโรจน์ปิยทัช” คือร้านขายส่ง “ธนาภัณฑ์” ก่อนจะเปลี่ยนเป็นร้านอาหาร “TANA” ด้วยเหตุผลจากการเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัยของย่านท่าเตียน
  • เมนูของร้าน “TANA” จะเน้นใช้วัตถุดิบท้องถิ่นและระแวกใกล้เคียง เช่น ไข่เค็มจากร้าน “อี่ฮงไถ่” และปลาเค็มจากร้าน “เจ๊จุก” ย่านท่าเตียน, กุนเชียงจากร้าน “อี๊เจ็ง” ที่เยาวราช ฯลฯ
  • สามารถสั่งเดลิเวอรีร้าน “TANA” ผ่าน LINE MAN ได้ ที่นี่
เมนูของร้าน TANA
หลากหลายเมนูของร้าน TANA ที่เน้นใช้วัตถุดิบเชื่อมโยงกับ "ท่าเตียน"

แม้เราได้มาเยือนย่าน “ท่าเตียน” ในช่วงที่ใครหลายคนบอกว่าเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตไม่น้อย แต่เราก็แอบสังเกตเห็นถึงรอยต่อของช่วงเวลาที่พาให้หลาย ๆ สิ่งอย่างเปลี่ยนผ่านไปตามยุคสมัย เด่นชัดสุดคงยกให้การก่อเกิดร้านอาหารและคาเฟ่ต่าง ๆ ที่ปรากฏให้เห็นในทุก ๆ ย่างก้าว แต่ขณะเดียวกันก็ยังหลงเหลือกลิ่นอายของวันวานด้วยทั้งตึกรามบ้านช่อง ร้านค้าต่าง ๆ รวมถึงวิถีชิวิตของคนรุ่นเก่าที่คงฉายภาพให้เห็น

เรามีโอกาสได้รู้จักกับ “TANA” ร้านอาหารน้องใหม่ของย่านท่าเตียนในโลกของอินสตาแกรม อาจด้วยความที่เราเป็นลูกหลานเชื้อสายจีน กลิ่นอายของร้านที่ถ่ายทอดผ่านรูปถ่ายทั้งบรรยากาศร้านและเมนูอาหารเลยชวนสะดุดตาต้องใจเราได้ไม่ยาก เราดิ่งตรงมาตามเส้นทางที่ปักหมุดไว้ใน Google Map อย่างตั้งมั่น ก่อนจะถึงที่หมายพร้อมการต้อนรับอย่างเป็นกันเองจาก 3 ตัวแทนครอบครัว “ธนาโรจน์ปิยทัช” ทั้ง “คุณพ่อภูมิพัฒน์”, “คุณแม่ภัทร์ศรันย์”​ และ “คุณวิริทธิพล” หรือคุณที ลูกชายคนเล็กของครอบครัวที่ดูแลในส่วนการตลาด ส่วน “คุณอภิสฤษณ์” หรือ “คุณวิน” พี่ชาย จะดูในส่วนของกราฟฟิกต่าง ๆ และ “คุณเอกอนงค์” หรือ “คุณหนึ่ง” พี่สาว จะดูแลในเรื่องการเงิน

หน้าร้าน TANA
หน้าร้าน TANA ที่ตกแต่งแบบเรียบง่าย
บรรยากาศร้าน TANA
ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่สั่งทำเป็นพิเศษ

คุณทีเล่าให้เราฟังว่า แต่เดิมครอบครัวมีธุรกิจคือร้านขายของส่งจำพวกสิ่งของอุปโภค บริโภคต่าง ๆ ชื่อว่า “ธนาภัณฑ์” ซึ่งเปิดมากว่า 40 ปี ก่อนจะตัดสินใจเปลี่ยนแปลงเป็นร้านอาหาร “TANA” ที่เรานั่งกันอยู่นี้ โดยการตกแต่งจะเน้นผสมผสานความเก่าก่อน และความทันสมัยเข้าด้วยกัน อย่างการคงผนังเก่าตั้งแต่เปิดร้านขายของส่ง ตกแต่งด้วยสิ่งของที่ใช้จริงอย่างตู้เซฟแบบจีนโบราณ กระจาดที่ตากสมุนไพร ส่วนเก๊ะใส่สมุนไพรจีนออกแบบมาเพื่ออิงกับความชอบของคุณพ่อในเรื่องการศึกษาสมุนไพรจีน รวมถึงยังเป็นหนึ่งในส่วนประกอบของเมนูในร้าน

คุณพ่อภูมิพัฒน์และคุณภัทร์ศรันย์ ธนาโรจน์ปิยทัช เจ้าของร้าน TANA
"คุณพ่อภูมิพัฒน์” และ “คุณแม่ภัทร์ศรันย์” ที่พร้อมต้อบรับเราอย่างอบอุ่น และเป็นกันเอง 

“ด้วยศักยภาพของพื้นที่ย่านท่าเตียนที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างตรงนี้เขาจะเรียกกันว่า “หัวแก้วหัวแหวนของกรุงเทพฯ” เป็นจุดที่มีสถานที่สำคัญหลายจุด และมีนักท่องเที่ยวเยอะมาก พวกเราในครอบครัวก็มานั่งคิดกันดูว่าควรจะทำอะไรที่น่าสนใจซึ่งสามารถตอบรับกับพื้นที่ย่านท่าเตียนในยุคสมัยนี้ได้ เราก็คิดว่าน่าจะเป็นอาหารที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวของย่านท่าเตียนนี้ได้เป็นอย่างดี”

“อาหารแบบฉบับของครอบครัว” คือสื่อกลางที่ร้าน “TANA” ตั้งใจแบ่งปันประสบการณ์ด้านรสชาติที่รับรองว่าไม่เหมือนที่ใด และแน่นอนว่าไม่ใช่ใครที่ไหนไกลที่อยู่เบื้องหลัง เพราะทุกสูตรเมนูสไตล์โฮมเมดนั้นล้วนเกิดจากฝีมือของคุณแม่ภัทร์ศรันย์ซึ่งมีประสบการณ์ทำงานที่ “ส. โภชนา” ร้านอาหารของครอบครัวที่จังหวัดฉะเชิงเทรามาตั้งแต่เด็ก ๆ

“หลัก ๆ เราเชื่อมโยงกับความเป็นท่าเตียนก็คือเรื่องของวัตถุดิบ เพราะจริง ๆ เราก็ใช้ของร้านค้าแถวนี้ทำอาหารกินกันเองในครอบครัวอยู่แล้ว ซึ่งพอมาเปิดร้านเราก็ยังคงใช้วัตถุดิบที่เราเคยใช้ โดยแต่ละอย่างก็มีสตอรีของเขา อย่างไข่เค็มเราใช้ของร้าน “อี่ฮงไถ่” ย่านท่าเตียน ที่ทำมานานกว่า 70 ปี เขาใช้ดินทะเลออร์แกนิกหมักในระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้ได้รสชาติและกลิ่นหอม ๆ ที่พอดี” คุณทีเล่าให้เราฟังด้วยความภาคภูมิใจในการเลือกใช้วัตถุดิบจากร้านเก่าแก่ในย่านท่าเตียน

คุณภัทร์ศรันย์ ธนาโรจน์ปิยทัช เจ้าของร้าน TANA
“คุณแม่ภัทร์ศรันย์”  ลงมือทำทุกเมนูด้วยตัวเอง
ขั้นตอนการทำหมูตุ๋นสมุนไพร 18 ชนิดของร้าน TANA
กับอาหารแบบฉบับครอบครัวที่ซุกซ่อนความพิเศษเอาไว้

นอกจากไข่เค็ม คุณแม่ภัทร์ศรันย์ร่วมบอกเล่าถึงที่มาของวัตถุดิบอื่น ๆ เช่น ปลาเค็มจากร้าน “เจ้จุก” ย่านท่าเตียน และร้านค้าเก่าแก่เจ้าประจำจากย่านใกล้เคียงอย่างร้านของ “อี๊เจ็ง” ที่ขายกุนเชียงอยู่เยาวราช รวมถึงสมุนไพรจีนที่คุณพ่อภูมิพัฒน์ให้ความสนใจและศึกษามาเป็นอย่างดี ก่อนจะนำมาถ่ายทอดคุณสมบัติโดยผสมผสานกับสูตรอาหารของคุณแม่ได้อย่างลงตัว และดีต่อสุขภาพ

คุณทีบอกเราว่า “สำหรับเมนูของร้าน “TANA” จะเป็นแนวอาหารจีนแต้จิ๋วในแบบฉบับของลูกหลานคนจีนที่เกิดในประเทศไทย เอาจริง ๆ เรามองว่าเป็น Taste of Local เพราะเราอยู่ตรงย่านท่าเตียนก็จะเป็นแนวจีนผสมไทยบ้าง อย่างที่ร้านก็จะมีเมนูพิเศษเช่น “แกงป่า”, “ไข่พะโล้” ฯลฯ เลยน่าจะเรียกได้ว่าเป็นอาหารครอบครัวมากกว่า”

เราประเดิมจานแรกด้วย “เกี๊ยวไข่แดงเค็มดินทะเลออร์แกนิกในซอสเผ็ด” (138 บาท) เกี๊ยวไส้หมูสับและไข่แดงเค็มจากร้าน “อี่ฮงไถ่” ที่พูดถึงกันตอนต้น ตามด้วย “หมูสับปลาเค็ม” (188 บาท) เราเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงต้องเลือกใช้ปลาเค็มจากร้าน “เจ้จุ๊ก” ร้านประจำของครอบครัว ด้วยกลิ่นหอม ๆ และรสชาติที่ไม่เค็มโดดจนเกินไป 

เกี๊ยวไข่แดงเค็มดินทะเลออร์แกนิกในซอสเผ็ดของร้าน TANA
สมทบด้วยขิงซอย และซอสเผ็ด ทำให้ยิ่งกินเพลินเต็มปากเต็มคำ 
หมูสับปลาเค็มของร้าน TANA
ได้รสกลมกล่อมยิ่งขึ้นด้วยไข่ดาวและไข่แดงยางมะตูม 3 ฟอง

มาลองเมนูข้าวกันบ้าง เริ่มจาก “ข้าวหน้าหมูธนา” (188 บาท) ประกอบด้วยหมูซีอิ๊ว, ไข่ขยี้, หอมเจียวทอด, กุนเชียงจากร้าน “อี๊เจ็ง” ที่เยาวราช และทีเด็ดที่ส่วนตัวเราชอบเป็นพิเศษคือ “แตงโมดอง” สูตรของคุณแม่ ที่เลือกใช้เปลือกตรงส่วนขาวติดเนื้อแดงหน่อย ๆ ของแตงโม นำมาดองจนได้รสชาติอมเปรี้ยวนิด ๆ กำลังดี

ข้าวหน้าหมูธนาของร้าน TANA
คลุกเคล้าทุกส่วนประกอบในชามนี้ให้เข้ากัน จะได้รสชาติที่กลมกล่อมลงตัวในหนึ่งคำ

อีกเมนูชวนลองคือ “ข้าวหน้าไก่” (128 บาท) เลือกใช้เพียงเนื้อไก่ส่วนหน้าอกไร้หนัง หมักด้วยส่วนผสมที่ให้รสชาติกลมกล่อม โปะด้านบนด้วยไข่แดงดองและขิงดองที่คุณแม่ลงมือทำเอง และห้ามพลาด “หมูตุ๋นสมุนไพรจีน 18 ชนิด” (328 บาท) ที่ทางคุณพ่อมีส่วนร่วมในการผสมผสานสมุนไพรทั้ง 18 ชนิด ด้วยการคัดสรรและศึกษาลงลึกเพื่อให้ทั้งหมดนั้นผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ทั้งเรื่องรสชาติและคุณสมบัติที่ส่งผลต่อร่างกายได้อย่างสมดุล ไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป 

ข้าวหน้าไก่ของร้าน TANA
"ข้าวหน้าไก่​" เมนูยอดฮิตที่ใครมาก็ต้องสั่ง
หมูตุ๋นสมุนไพรจีน 18 ชนิดของร้าน TANA
สมุนไพร 18 ชนิดตุ๋นร่วมกับส่วนประกอบต่าง ๆ ทิ้งไว้ข้ามคืน

และอย่าลืมปิดท้ายด้วยของหวานสุดสร้างสรรค์อย่าง “ไอศกรีมงาดำ/ ไอศกรีมไข่เค็ม+บัวลอยแห้ง+ถั่วตัด” (158 บาท) แป้งบัวลอยนุ่ม ๆ ไส้งาดำคลุกเคล้างาขาว และงาดำเพิ่มรสสัมผัส เสิร์ฟพร้อมกับไอศกรีมงาดำหรือไอศกรีมไข่เค็มจากร้าน Farm To Table ร้านใกล้เรือนเคียง และถั่วตัดกรุบกรอบหวานมัน  ส่วนเครื่องดื่มแนะนำให้ลอง “น้ำเง็กเต็ก” (68 บาท) น้ำสมุนไพรรสชาติดีกินง่าย หรือ “น้ำรากบัว” (58 บาท) ที่รสชาติหวานหอมชื่นใจ

ไอศกรีมงาดำ+บัวลอยแห้ง+ถั่วตัด
แนะนำให้กินพร้อมกันทุกสิ่งอย่างเพื่อรับรู้ถึงรสชาติและเนื้อสัมผัสแบบหลายมิติ
น้ำรากบัวของร้าน TANA
ใครที่ชอบกิน "น้ำรากบัว" ติดใจแน่นอนค่ะ
น้ำเง๊กเต็กของร้าน TANA
“น้ำเง็กเต็ก” ดื่มแล้วสดชื่นและผ่อนคลายไปพร้อม ๆ กัน

แอบสอบถามถึงแพลนในอนาคตที่นอกจากจะพร้อมออกเมนูใหม่ ๆ เมื่อผ่านพ้นในช่วง Soft Opening ไปแล้ว คุณทีบอกเราว่า อาจมีการที่ต่อยอดจากคาแรกเตอร์ตัวการ์ตูนประจำร้านซึ่งออกแบบโดยคุณวิน สำหรับทำเป็นของที่ระลึกเพื่อตอบรับกลุ่มเป้าหมายที่ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวมาเยือนในย่านท่าเตียน ซึ่งเรามองว่าเป็นอีกการเชื่อมโยงกับท้องถิ่นที่แปรเปลี่ยนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวได้เด่นชัดไม่แพ้อาหาร

และเราตั้งใจจะรออุดหนุนของที่ระลึกเช่นเดียวกับการมาเยือนร้าน “TANA” เพื่อลิ้มลองเมนูโปรดของเราอีกครั้งเช่นกัน

บัวลอยน้ำขิงร้าน TANA
คาแรกเตอร์ตัวการ์ตูนประจำร้าน ที่เรารออุดหนุนของที่ระลึกอย่างตั้งมั่น

การเดินทาง

เราแนะนำแบบสะดวกสบายสุด ๆ ในการมาเยือนร้านอาหารท่าเตียนด้วยการเดินทางโดยรถไฟฟ้า MRT ลงสถานีสนามไชย ทางออก 1 เดินมายังท่าเตียน มองหาธนาคารกรุงไทย เดินเข้าไปในซอย สังเกตฝั่งซ้ายก็จะพบกับ “TANA” ร้านอาหารน้องใหม่แต่เก๋าในย่านท่าเตียนได้ง่าย ๆ เลยค่ะ 

แผนที่

ท่าเตียน
static-map

การติดต่อ