#วงในบอกมา
- ยายไพรขายข้าวเหนียวปิ้งมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
- ยายไพรอยู่กับสามีเพียงลำพังและต้องหาเลี้ยงสามีที่ป่วยเป็นโรคสมองฝ่อและหูตึง
- หากใครสนใจเรียนรู้สูตรข้าวเหนียว 7 สี ยายไพรสอนฟรีไม่คิดเงิน
การมีลูกไว้เลี้ยงดูในบันปลายชีวิตล้วนเป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝัน แต่ความเป็นจริงไม่ใช่อย่างนั้น เพราะต่อให้มีลูกมายมากเพียงใด ผลสุดท้ายปลายทางของชีวิตก็อาจเหลือกันแค่สองคนตายาย อย่าง “ยายไพรฑูรย์ พรสวัสดิ์” คุณยายวัย 83 ปี ที่ทุกวันจะต้องตื่นตี 3 มานึ่งข้าวเหนียว เตรียมออกขาย เลี้ยงดูสามีที่ป่วยเป็นโรคสมองฝ่อและหูตึง และถึงแม้ยายไพรจะมีลูก 5 คน แต่ก็เสียชีวิตไปแล้ว 2 คน ส่วนอีก 3 คน ต่างแยกย้ายไปมีครอบครัวแล้ว
เคยมีคนบอกว่า “เราไม่มีทางรู้เลยว่าชีวิตเราจะอดทนได้มากแค่ไหน จนกระทั่งความอดทนคือทางเลือกสุดท้ายที่เราเหลืออยู่” เราไม่ค่อยเข้าใจประโยคนี้เท่าไร จนกระทั่งเรามาเจอกับ “ยายไพรข้าวเหนียวปิ้ง” สาวชราใจแกร่งที่ต้องอดทนตื่นมาเตรียมของ พอบ่าย ๆ ก็เข็นรถออกมาขาย พร้อมทั้งดูแลสามีที่มีโรครุมเร้า เราถามยายว่า “เหนื่อยไหมที่ต้องแบกรับทุกอย่างคนเดียวขนาดนี้”
ยายตอบกลับด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “พอทำทุกวันความลำบากก็กลายเป็นความเคยชิน ยายไม่มีทางเลือกหรอกหนู เหนื่อยให้ตายก็หยุดไม่ได้”
เรานิ่งไปเล็กน้อย เพราะประโยคที่ดูราบเรียบแต่เมื่อได้มองแววตาของคุณยายแล้ว มันดูเหนื่อยล้ามากจริง ๆ
เมื่อถามถึงคุณลุง ยายเล่าว่า "ยายพยายามทำงานเพื่อที่จะได้อยู่รอดในแต่ละวัน แต่เวลาตาไม่สบาย ไปหาหมอต้องเสียค่ายาเป็นร้อย ได้ยาพาราฯ มาแค่แผงเดียว เงินหลักร้อยสำหรับคนจน สามารถซื้อข้าวกินได้ทั้งวันเลยนะ" คุณยายไพรพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ค่าของเงิน 100 บาท สำหรับเรากับยายมันช่างต่างกันเหลือเกิน ยายหาเงินมาทั้งวันได้ยามาบรรเทาอาการปวดแค่หนึ่งแผง ถ้าความลำบากสอนให้คนอดทน แล้วชีวิตที่ต้องอดทนแบกรับภาระมากมายไปจนถึงบั้นปลายชีวิตขนาดนี้ มันคือสิ่งที่หญิงชราคนหนึ่งควรได้รับจริง ๆ หรือ?
แต่ถึงจะลำบากเพียงใด ยายก็ไม่หยุดที่จะพัฒนาขนมของตนเอง เพราะยายบอกว่า
“ถ้ายายยังทำแบบเดิม ๆ คนเขาก็ไม่มาซื้อยายหรอก”
ยายเลยคิดค้นสูตรข้าวเหนียวปิ้ง 7 สี 7 ไส้ เพื่อให้ทันสมัยมากขึ้น มีทั้ง "ไส้เผือกอัญชัน","ไส้ข้าวเหนียวดำมะพร้าว", "ไส้มันนึ่งใบเตย" "ไส้มันเผาชมพู", "ไส้ฝอยทองส้ม","ข้าวเหนียวขาวไส้เผือก" และ "ข้าวเหนียวขาวไส้มัน" บอกเลยว่าไส้แน่น ข้าวเหนียวนุ่ม อีกทั้งยังมีให้เลือกหลากหลายรสขนาดนี้ กินไม่เบื่อแน่นอน ยายขายแค่ชิ้นละ 10 บาทเท่านั้น นอกจากนี้ยังมี "กล้วยหักมุกปิ้ง" ชิ้นใหญ่ 3 ชิ้น 20 บาท ปิ้งร้อน ๆ รสชาติหวานกำลังดี ขายอีกด้วย
สุดท้ายยายทิ้งท้ายไว้ว่า “ชีวิตยายไม่เหลืออะไรติดตัวหรอก มีก็แต่วิชาทำข้าวเหนียวปิ้งสูตรใหม่ที่ยายพยายามทำมาหลายต่อหลายปีนี้แหละ ถ้าใครอยากทำก็มาเรียนได้ฟรี ๆ ยายจะอยู่ได้ถึงตอนไหนก็ไม่รู้ อย่างน้อย ๆ ให้ยายได้ ทำเพื่อคนอื่น ๆ บ้าง ยายไม่อยากตายไปโดยไม่ทิ้งอะไรไว้ให้ใครเลย”
ยายพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่แต่อ่อนโยน แม้จะอายุมาก และลำบากขนาดนี้ ยายก็ยังมีจิตใจที่อยากจะเป็นเป็นผู้ให้
ทำให้เราเชื่อเลยว่า “ไม่มีหรอกคนที่ลำบากจนให้ใครไม่ได้ จะมีก็แต่คนที่ไม่คิดจะให้มากกว่า” ความอดทน ความพยามยามเรียนรู้ และความจิตใจดีของคุณยาย ทำให้เราเห็นถึงความงดงามของการพยายามมีชีวิตอยู่ของคนคนหนึ่งจริง ๆ
ใครผ่านไปผ่านมาหาของกินแถวกระทรวงมหาดไทยก็สามารถไปอุดหนุน “ยายไพรข้าวเหนียวปิ้ง” กันได้ในช่วงวันจันทร์ - ศุกร์ คุณยายจะขายอยู่ที่ข้าง ๆ กระทรวงมหาดไทย เวลา 12.00 - 15.00 น ในวัน เสาร์ - อาทิตย์ จะขายตรงหน้าศาลเจ้าพ่อเสือ เวลา 12.00 - 15.00 น ร้านข้าวเหนียวปิ้งสูตรหากินยากแบบนี้คู่ควรแก่การลองสักครั้งจริง ๆ และอีกอย่าง 10 - 20 บาท ของเราอาจต่อชีวิตคนทั้งสองไปได้อีกวันก็เป็นได้
ติดตามเรื่องราวสู้ชีวิตเพิ่มเติมได้ที่
ผลไม้ลุงคุง ร้านผลไม้สู้ชีวิต หาเลี้ยงตัวเองมาตลอด 40 ปี
ก๋วยเตี๋ยวน้องปิ่น ร้านก๋วยเตี๋ยวเด็กพลัดถิ่นมาสู้ชีวิตในกรุงฯ
ข้าวแกงแม่สมบูรณ์ ร้านข้าวแกงต่อชีวิตเด็ก คนชรา ผู้พิการกินฟรี
