4.0
268 เรตติ้ง (213 รีวิว)
คาเฟ่฿฿฿
ปิดอยู่จะเปิดในเวลา 11:00
เมนูของร้าน Wallflowers Cafe
<Café x Flower Shop> ร้านกาแฟของโรงคั่วระดับแชมป์จากบางใหญ่ เปิดใหม่สไตล์บาร์ลับในหลืบย่านเยาวราช ~ Specialty CoffeeNana Coffee Roaster ดูจากชื่อร้านก็รู้เลยว่าเค้าเป็น Roaster หรือ โรงคั่วกาแฟเองครับ ตอนแรกผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าคือโรงคั่วและร้านกาแฟเจ้าของเดียวกันกับ Nana Coffee ที่ผมเคยไปนั่งดื่มกาแฟละแวกแถวบ้านตรงชั้นล่างของ The Square บางใหญ่ มารู้ก็ตอนอยู่ที่ร้านแล้วครับ ดีกรีร้านนี้ไม่ธรรมดาครับเพราะเค้าเคยได้รางวัลระดับแชมป์ประเทศไทยจาก Thailand Barista Championship (ถ้าจำไม่ผิดของปี 2014) ดังนั้นร้านนี้จึงมีเมล็ดกาแฟให้เลือกหลายแบบมากสำหรับ Specialty Coffee หลาย range ราคา ถ้าแบบธรรมดาทั่วไปเริ่มต้น House Blend ก็มีหลักร้อยเป็นราคาเริ่มต้นครับ เดี๋ยวนี้เทรนด์ร้าน Café ประเภทแฝงตัวตามร้านเสื้อผ้าแฟชั่น ร้านหนังสือ หรือร้านดอกไม้อย่างที่นี่ หรือที่เรียกว่า Café x ??? เปิดขึ้นเยอะมาก ด้วยความที่ต้องการ Share เรื่อง Resource หรือ ต้นทุน หรือต้องการทำ Cross Selling สินค้าในร้าน เพิ่มโอกาสการขายหรือกลุ่มลูกค้าหน้าใหม่ที่ชอบดื่มกาแฟครับ [ที่มาร้าน:] ส่วนที่เป็นร้านกาแฟจริงๆจะต้องเดินขึ้นมาชั้น 2 ครับ ชั้นล่างเป็นร้านจัดดอกไม้ชื่อ Oneday Wallflowers ซึ่งเจ้าของร้านนี้ซึ่งเป็น Stylist ที่เคยออกแบบร้านกาแฟให้กับร้านดังอย่าง Casa Lapin ได้ชวนเจ้าของร้าน Nana Coffee โรงคั่วจากบางใหญ่มาเปิดสาขาใหม่ที่ชั้น 2 ของร้านดอกไม้เค้าครับ [พิกัดที่ตั้ง:] อยู่ในซอยนานา (ไม่ใช่แถวสุขุมวิท) ย่านเยาวราช ตรงนั้นยังไม่ใช่เส้นเยาวราชหลักหรือเจริญกรุง คือค่อนมาทางหัวลำโพง-วงเวียน 22 ครับ จุดสังเกตปากซอยนานานี้คือมีร้านเฮงราดหน้ายอดผักและ Hostel บรรยากาศร้านยาจีน ใครที่ผ่านเส้นนี้บ่อยๆน่าจะคุ้นกันครับ เดินเข้ามาในซอยจนเห็นร้าน Nahim Café ฝั่งซ้ายมือ แล้วให้สังเกตฝั่งขวามือตรงข้ามกันจะมีตรอกเล็กๆอยู่ เข้ามาในตรอกนั้นเลยครับ จะเห็นโรงน้ำแข็ง ร้านกาแฟนี้จะอยู่ติดกันเลยครับ ใครมาแถวนี้ผมแนะนำว่าไม่ควรเอารถมาครับ เพราะแถวเยาวราชหรือวงเวียน 22 หาที่จอดรอบๆยากครับ หรือต้องเสียตังค์ทั้งหมดครับสำหรับที่จอดโดยเฉพาะ ผมแนะนำว่ามาทางขนส่งสาธารณะดีที่สุด หรือ MRT มาลงสุดที่หัวลำโพง แล้วนั่งมอเตอร์ไซค์มาหน่อย (หรือจริงๆถ้าจะเดินมาก็ได้นะครับ ผมก็เดินมาครับจากคลองตรงหัวลำโพง ไม่ไกลมาก) [บรรยากาศร้าน:] เดินเข้ามาชั้นล่างทะลุร้านดอกไม้ก่อน ออกไปประตูหลังร้าน และเดินขึ้นตามบันไดเหล็กวนแบบขึ้นสนิม มีตกแต่งด้วยกระถางต้นไม้ต่างๆ ดูเป็นแนวสำหรับ Hipster มากๆครับ ผ่านชั้นลอยที่มีโต๊ะและที่บาร์ให้นั่งส่วนหนึ่ง เจอชั้น 2 ส่วนที่เป็นบาร์กาแฟหลักที่เราต้องเดินขึ้นมาสั่งเครื่องดื่มหรือขนมและต้องจ่ายเงินที่แคชเชียร์ก่อน รับเบอร์คิว แล้วไปจับจองหาที่นั่งเอา พนักงานจะเดินไปเสิร์ฟให้ตรงที่นั่งครับ ในส่วนของบาร์กาแฟที่นี่ดูอลังการและ modern มากครับ เป็น Coffee Bar สไตล์ใหม่ เรียกว่า Modbar คือมี Built-in พวก Espresso Machine ที่ด้านล่างของบาร์เลย ไม่มีตั้งออกมาข้างบนให้เห็น แต่พวกเครื่อง Grinder หรือ Slow Bar พวก Dripper ต่างๆ ยังต้องวางอยู่ด้านบนครับ เราสามารถเดินขึ้นตามบันไดวนขึ้นไปชั้นบนที่เป็นดาดฟ้าได้อีกครับ ข้างบนจะจัดเป็นสวนกระถางหย่อมๆและเรือนกระจกบนดาดฟ้าครับ ## สรุป บรรยากาศเรียกว่าแนว Vintage เลยครับ ผมชอบตรง Coffee Bar ดูเก๋ดีครับ สีทองแดงสวยงามมันวับเลย [เมนูเครื่องดื่มและขนม:] ร้านนี้เน้นขายพวกเครื่องดื่มกับขนมเค้กนิดหน่อยไม่เยอะนะครับ ไม่มีพวกอาหารจานหลักหรือของคาวขายนะครับ ## เครื่องดื่ม ## • กาแฟ Espresso-based ทั้งแบบ Black และ White ร้อน/เย็น ราคาเริ่มต้นที่ 100 บาท แบบ House Blend • Specialty Coffee โดยใช้วิธีดริป แบบ Pour-over V60 มีเป็นเมล็ดกาแฟนำเข้าซะส่วนใหญ่แบบ Single Origin จากฝั่งแอฟริกาและอเมริกากลางครับ รวมถึงเมล็ดของไทยจากแม่จันหลวง หลาย Ranking • Nitro Cold Brew กาแฟเทรนด์ใหม่ ที่เติม Nitrogen เข้าไป ให้ Cold Brew มีฟองแบบ Sparking เปิดจาก Tap เหมือนพวก Craft Beer • กาแฟแนว Creative หรือเมนูสร้างสรรค์ โดยใช้เป็น Espresso-based เช่น Signature Coffee ของร้าน • Non-coffee อื่นๆ ชาเขียว โกโก้ เค้าก็มี ## ขนม ของหวาน ## เป็นพวกเค้กหน้าตาดูดีแบบต่างๆ ใส่ถาด ให้เลือกตรงหน้าเคาน์เตอร์ชี้เอา ผมว่าน่าจะไว้ในตู้แช่หน่อย เหมือนเค้าวางไว้อย่างนั้นเลย ลองดูตามรูปล่างรีวิวดู [เมนูที่ได้ลองสั่ง:] • Le Boissom de Kanda (250 บาท) เป็นเมนู Signature Coffee ของทางร้านเค้าครับ เห็นมีระบุว่าได้รับรางวัลชนะเลิศการแข่งขันเมนูสร้างสรรค์ของปี 2016 เป็น Espresso-based แบบ Carbonated กลิ่น Fruity แปลง่ายๆก็คือ เอสเพรสโซ่ช็อตเริ่มต้น แบบ House Blend ซึ่งใช้เมล็ดของทางฝั่งแอฟริกาคั่วรวมกันตามสัดส่วนร้านเค้า จุดเด่นของ House Blend ร้านเค้าคือจะมีกลิ่น Floral หรือหอมดอกไม้หน่อยๆ ผสมกับน้ำผลไม้และโซดาซ่าๆ (น้ำผลไม้เท่าที่ผมเห็นเค้าเทจากขวด เป็นแบบนำเข้าคล้ายที่ขายเป็นขวดตาม Starbucks ส่วนโซดาก็แบบไทยๆนี่แหละ หาซื้อได้ทั่วไป) ตีโฟมนมแบบเนียนมากเนื้อละเอียดไม่มีฟองเล็กๆแล้วเทวางลงบนกาแฟที่ผสมน้ำผลไม้บวกโซดา (สีดำๆคล้าย Americano) ตกแต่งโรยด้านบนด้วยกลีบดอกกุหลาบสีแดงและใบ Rosemary เสิร์ฟบนถาดไม้ ซึ่งมีวางกลีบดอกบัวเล็กๆอีกที เรียกว่า presentation สวยงามมาก และตรงกับธีมซึ่งเป็นร้านจัดดอกไม้ครับ (ตามชื่อเมนูเก๋ๆที่เป็นภาษาฝรั่งเศส ที่มีคำเกี่ยวกับดอกไม้) ## คหสต เหมือนดื่มกาแฟที่มีกลิ่นน้ำลิ้นจี่ผสมและซ่าๆจากโซดา รสออกหวานไปหน่อย และกลบกลิ่นหอมๆของกาแฟไปนิด แต่ได้ยังกลิ่น Floral ของดอกไม้อยู่หน่อยๆ ผมชอบตรงที่เค้าตีโฟมนมมาได้เนียนมากๆครับ เมนูนี้สำหรับสั่งมาถ่ายรูปอัพขึ้นโซเซียลโดยเฉพาะเลย สวยงามมาก • Drip Coffee, KENYA AA Katundu (280 บาท) Tasting Note: Red Currant, Citrus Acidity, Clean & Smooth Mouthfeel ราคาของ Specialty Coffee มีหลาย range ให้เลือกครับ ตัวที่ผมสั่งเป็นช่วงราคากลางๆ ตัวแพงสุดในร้านตอนที่ไปคือ Yoshikazu Iwase (Origin: Panama, Variety: Geisha 600 บาท) ตัวที่ผมสั่งเป็น Washed Process แบบ Single Origin จาก Kenya แอฟริกา โซนแหล่งปลูกกาแฟที่ผมชอบเป็นส่วนตัวครับ เพราะ Character ของเมล็ดกาแฟฝั่งนี้ จะมี Acidity สูง เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในการทำกาแฟดริปดูทันสมัยดี ใช้ Dripper แบบกระเบื้อง Grinder แบบใช้เครื่องบด เทคนิคการชงถือว่าไม่มีอะไรพิเศษมากครับทั่วไป บาริสต้าดูใจเย็นดีครับ กาแฟที่ได้เลยออกมาดึง character ออกจากเมล็ดตัวนั้นได้เต็มที่ ร้านนี้เค้าจะเสิร์ฟกาแฟในกระบอกเก็บความร้อนแบบ 2 ชั้น ดีตรงที่เราสามารถเลือกดื่มได้ 2 แบบ คือ แบบอุ่นๆ (รินในถ้วยดื่มทันที) หรือ แบบอุณหภูมิห้อง (รินพักในถ้วยกระเบื้องไว้ให้เย็น) เพราะรสและกลิ่นกาแฟจากการดริปจะต่างกันตามอุณหภูมิที่เราดื่มด้วยครับ สรุปผมให้ 4 ดาวครับ ร้านนี้ผมชอบตรงที่ว่าคอกาแฟก็มาได้มีกาแฟให้เลือกหลายแนว และยังได้บรรยากาศแบบสุดชิคๆอีกด้วย และ Café Hopping ก็น่าจะชอบด้วยครับ ถ่ายรูปสวยดีครับร้านนี้ ราคาผมว่าแอบแพงไปหน่อยครับ สังเกตจาก Specialty Coffee ที่ผมสั่งตัว KENYA AA 280 บาท ผมไปร้านอื่นที่มีเมล็ดตัวนี้เหมือนกันขายอยู่ประมาณ 200 บาท ซึ่งเป็นโรงคั่วเหมือนกัน เข้าใจว่าเค้าคงขายบวกราคาค่าบรรยากาศร้านเข้าไปด้วยครับ ร้านนี้ไม่เหมาะสำหรับนั่งทำงานหรืออ่านหนังสือเลยนะครับ ไม่มีปลั๊กไฟ และร้านค่อนข้างพื้นที่จำกัด เหมาะสำหรับมานั่งพักเหนื่อยพูดคุยหรือถ่ายรูปสวยๆมากกว่าครับ หรือคนที่ชอบกาแฟก็น่าจะมาลองพวกกาแฟแนวสร้างสรรค์ที่ทางร้านคิดขึ้นมาก็ดีครับ ## ร้านเปิดทุกวัน (ยกเว้นหยุดทุกวันพุธ) 11:00-19:00... อ่านต่อ
40 Likes0 Comment
photo