4.0
119 เรตติ้ง (101 รีวิว)
ปิดอยู่จะเปิดในเวลา 08:00
เมนูของร้าน Kaizen Coffee Co. เอกมัย
Filter CoffeeEthiopia Kochere Boji
カイゼンコーヒー ~Specialty Coffee Bar ในย่านเอกมัย Hipster ร้านเล็กๆตกแต่งออกแนว Minimalชื่อร้านนี้ออกแนวญี่ปุ่นๆ น่าจะเป็นเพราะอยู่ละแวกย่านที่คนญี่ปุ่นอาศัยในไทยอยู่เยอะ ใกล้กับทองหล่อ แต่จริงๆแล้วร้านนี้เกิดจากการรวมตัวกันของบาริสต้าที่เป็นกลุ่มเพื่อนทำงานมาด้วยกันที่ออสเตรเลีย ประเทศที่มีวัฒนธรรมการดื่มกาแฟฝังในสายเลือดและมีสไตล์เฉพาะตัว ร้านนี้เค้า position ตัวเองและติดประโยคนิยามสไตล์กาแฟของร้านเค้าว่า “Specialty Coffee Bar” กาแฟแบบพิเศษตามเทรนด์ตลาดคนดื่มกาแฟที่เป็น segment หนึ่งซึ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆและเริ่มมีความนิยมมากขึ้นครับ [พิกัดร้าน:] อยู่ในเวิ้งท้ายๆซอยเอกมัยฝั่งใกล้กับถนนเพชรบุรี ด้านหน้าตึก Tai Ping ถ้าใครคุ้นเคยหรือมาเดินมาแถวเอกมัยบ่อยๆจะรู้จักดีครับ เวิ้งเดียวกับร้าน King Kong เลย ร้าน Kaizen อยู่ฝั่งตรงข้ามของเวิ้งเดียวกัน ถ้าขับรถมาก็หาจอดในละแวกลานด้านหน้าดู [บรรยากาศร้าน:] ร้านนี้ไม่ใหญ่ออกเล็กๆด้วยซ้ำ ทาสีออกโทนขาวทั้งร้าน ตกแต่งไม่เยอะแต่แนวดีมีเอกลักษณ์ หรือที่เรียกว่า Minimal Café มี 2 ชั้น ที่ชั้นบนผมว่าน่าจะเรียกชั้นลอยมากกว่า มองเห็นลงมาชั้นล่างได้ เวลาเดินขึ้นไปต้องใช้บันไดแคบๆเดินหมุนวนขึ้นไป ชั้นล่างมีโซฟาวางยาวติดผนังฝั่งหนึ่งตลอดแนวร้าน หันหน้าเข้ามาบาร์กาแฟ แล้วมีที่วางกาแฟยื่นออกมาเป็นที่ๆไป [เมนูเครื่องดื่มและขนม:] ร้านนี้เค้ามีคั่วกาแฟแบ่งขายเป็นซองๆด้วย สำหรับทำกาแฟแบบ Espresso (Blend) หรือ Filter (Single Origin) คั่วคนละแบบกัน ส่วนขนมก็จะเป็นพวกเค้ก ทาร์ต เมอแรงค์ สโคน อะไรประมาณนี้ ที่อุ่นร้อนๆพร้อมทานได้เลยครับ ผมเคยได้ลองจิบกาแฟที่เป็น Espresso แบบเติมนมร้านนี้ที่งานซุ้มอาหารซักที่หนึ่งนานแล้ว มีโอกาสแวะผ่านมาครั้งนี้ตั้งใจจะมาลองดูกาแฟแบบ Filter ของที่นี่ดูบ้าง ครั้งนี้ที่มา Coffee Time สั่งกาแฟ Filter กับ ขนม มาทานคู่กันดังนี้ • Ethiopia Kochere Boji (160 บาท) เมล็ดกาแฟ Single Origin ตัวที่ผมเลือกมี profile คือ # แหล่งปลูก: Yirgacheffe - ตอนใต้ของเอธิโอเปีย เป็นแหล่งกาแฟที่คุณภาพดีสุดยอดของที่นี่ เท่าที่ผมเคยลองๆมา แหล่งนี้เรียกว่า Defect น้อยมากถึงไม่มี # สายพันธุ์รอง หรือ Varietal: HEIRLOOM # Washed Process ผ่านการขัดล้างเมือกเชอร์รี่ออกจากเมล็ดกาแฟดิบทั้งหมดก่อนเข้ากระบวนการคั่ว ปกติผมชอบดื่มกาแฟที่ผ่าน process แบบนี้มากกว่า Dry หรือ Honey (ส่วนใหญ่เมล็ดไทยที่เหนือ) เพราะน้ำกาแฟจะมีกลิ่นและรสที่ซับซ้อนมากกว่าและออกคลีนๆ ## Tasting Note: Jasmine, Lychee, White Peach, Sparkling Acidity ร้านนี้ค่อนข้างลงทุนเป็นพิเศษเค้าทำแผ่น Profile ของเมล็ดกาแฟพร้อม Tasting note พิมพ์ใส่กระดาษแล้วเคลือบอีกทีหนึ่งแข็งๆ สำหรับคนที่ดื่มกาแฟแนวนี้จะให้ความสำคัญกับแหล่งที่มาหรือ Traceable กับไปแหล่งปลูกได้ครับ ส่วน Tasting note ของกาแฟตัวที่ผมเลือกด้านบน ครั้งนี้ผมมาลอง cupping ดูเล่นๆ ว่าจะได้ note ตามที่เค้าเขียนไว้ไหม ซึ่งมีหลายตัวมาก ส่วนตัวกลิ่นหอมๆแบบดอกไม้ที่เค้าเขียนว่า Jasmine หรือมะลิ ผมว่ามันไม่ได้เหมือนขนาดนั้นในความเห็นผม มันเหมือนเป็น subjective เทียบให้คนดื่มเห็นว่ามีความเป็น Floral แบบกลิ่นเย็นๆ ไม่ทึบโปร่ง ส่วนลิ้นจี่กับลูกท้อพอรู้สึกได้ตอนที่กาแฟมันเริ่มเย็นลงหน่อยนึง ส่วน Acidity แบบซ่าๆที่เค้าเขียนไว้ส่วนตัวผมไม่ค่อยรู้สึกมากเท่าไหร่ เหมือน Acidity รสเปรี้ยวๆแบบเบอร์รี่ของเมล็ดโซนนี้อยู่แล้ว ส่วนพวก Mouthfeel กับ Aftertaste รู้สึกได้เวลาดื่มน้ำตามเข้าไป Filter Coffee ของร้านนี้เท่าที่ผมเห็นจะมีแต่แบบ Pour-over V60 หรือกาแฟดริป นั่นเอง • Scone (ชิ้น 50 บาท) สโคนที่นี่ชิ้นจะออกใหญ่ๆหน่อย เสิร์ฟพร้อมวิปครีมกับแยมเบอร์รี่สดที่มีเมล็ดๆผสมอยู่ในเนื้อแยม ส่วนตัวสำหรับผมของที่นี่ผมว่า texture จะออกแน่นๆเนื้อไม่ร่วน เวลาทานจะออกเหนียวๆติดฟันหน่อย ผมชอบสโคนที่เนื้อร่วนแห้งกว่านี้หน่อยครับ แต่ว่าหอมกลิ่นเนยดีครับ กินคู่กับกาแฟดริปเข้ากันดี สรุปเป็นร้านกาแฟดีมี Single Origin ให้เลือก อาจไม่หลากหลายมาก วันหนึ่งมีประมาณ 4 ตัวได้ ราคาถือว่ามาตรฐานสำหรับ Specialty Coffee มีขนมให้ทานคู่กับกาแฟดีๆหลายตัว ในบรรยากาศสไตล์คาเฟ่แบบ Minimal เอาใจสาย Hipster ก็ดี (อยู่ในย่านที่คาเฟ่ chic เยอะมาก) หรือสายกาแฟจริงจัง Specialty Coffee ก็ได้ด้วยครับ... อ่านต่อ
35 Likes0 Comment
photo