5.0
12 เรตติ้ง (8 รีวิว)
ปิดอยู่จะเปิดในเวลา 11:30
เมนูของร้าน อันจะกินวิลล่า
ยำเนื้อใส่แตงกวากับมะเขือเทศ Red Berry มีต้นหอมผักชี สะระแหน่ หอมแดงมาเต็มสตรีม
รีวิว อันจะกินวิลล่า Home Cook Priveate Dining หองควาย หางดง เวลาทาน 12.30 ทานเสร็จ 14.30 (ทาน 2 ชั่วโมงคับท่านเห่ออออออรีวิว อันจะกินวิลล่า Home Cook Priveate Dining หองควาย หางดง เวลาทาน 12.30 ทานเสร็จ 14.30 (ทาน 2 ชั่วโมงคับท่านเห่ออออออ) จำนวน 8+1อย่าง ขนมปังควรนับรวมด้วยเปล่าอะถ้ารวมกับซุปฟักทองก็ถือเป็น 8 อย่างพอ อ๋อออออ คิวเต็มถึง ตุลาคม 64 ไปแล้วครับอยากทานต้องรอ ร้านลึกลับไม่มีป้าย ไม่มีอะไรบอก ต้องมาด้วยความสามารถเองตาม Google Map มาเข้าได้ 2 ทางมาจากทาง สวนราชพฤกษ์ หรือเข้าทางสี่แยกหนองควาย(วัดต้นเกว๋น) ก็ได้ตามกูเกิลมาเลย ร้านเป็นบ้านทรงโมเดิล เพดานสูง หน้าบ้านปลูกไม้เลื้อยออกดอกสวยมาก เหมือนมาถ่ายบ้านและสวนเลย เดินเข้าไปจะเจอโรงรถซึ่งถัดไปจะเป็นสวนครัวเล็ก ๆ สำหรับปลูกผักไว้ใช้ มีมะเขือเทศ มีต้นหอมผักชีและเพื่อนๆ ของมันปลูกไว้จำนวนหนึ่ง พี่ก้อย (เจ้าของ) เขาจัดวันละ 1 โต๊ะถ้วน คิวยาวไปจากมีนา - ตุลาคม 64 ถึงจะพอมีว่าง ถือว่าเป็นร้านแรไอเทม์ ราคาไม่ได้แรงอะไรกับการรอคอย 950 up ขึ้นกับอาหารที่เราขอให้พี่ก้อยทำ ถ้ามีเนื้อแกะ หรือเนื้อวัว ก็จะบวกไปอีก 2-3 ร้อย ต่อท่าน รับขั้นต่ำที่ 4 ไม่เกิน 10 ที่ต่อครั้งมัดจำค่าอาหารก่อนเพื่อลูกค้า เท 555 welcome drink คือน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้ง 1 เหยือกแบ่งๆ กันทานเรียกความสดชื่นกลับมาสำหรับอากาศ 2.5 pm กลางเดือนมีนา และเรียกน้ำย่อยได้อีก อาหารเป็นยุโรป ละกันจะเป็น ฝรั่งเศส ก็ดันมีไทยผสม ยังมี อิตาลีด้วย แบบ Home cook ดีกว่าคืออยากทำอะไรทำเลย ขอให้มันไปด้วยกันได้ก็ถือว่าพอ เหมือนกับเล่นดนตรี ออเคสตร้า มีเครื่องดนตรีหลาย ๆ อย่างผสม มีทั้งสากลมีทั้งพื้นถิ่น คือพี่ก้อยเขาเคยอยู่วงประสานเสียง(อันจะกินคอรัส)มาก่อน เข้าใจเรื่อง marriage การทำอาหารเหมือนกับกับการ Improvise ดนตรีซึ่งอาหารของเรามี 8 อย่างด้วยกันพอดีกับโน๊ตเพลง 8 ตัว และแล้วการเริ่มบรรเลงดนตรีที่ไม่มีเสียงของ พี่ก้อยอันจะกินวิลล่า ก็ได้เริ่มด้วยโน๊ตตัวแรกอ่านต่อในรูปแต่ละอัน (โด)โน๊ตตัวแรกขนมปังปิ้ง/ซุปฟักทอง ขนมปังเป็นสิ่งแรกที่ยกมาตามธรรมเนียมของฝรั่ง แต่ขนมปังธรรมดาจะไม่ธรรมดา(เพราะแค่ขนมปังก็อร่อยแล้ว) พี่ก้อยบอกแบบไม่หวงเลยเพื่อทำให้ลูกทานว่าขนมปังมาจาก นานาเบเกอรี่แต่ต้องเป็น ขนมปังโรสแมรี่ กับมะกอก 2 ชนิดนี้เท่านั้นซึ่งวันนี้เป็นขนมปังโรสแมรี่นำมา (Sear)เซียร์(จี่) ด้วยเนยสดอย่างดี 1 ก้อนใช้เนยประมาณ 1*1 นิ้วค่อยๆ จี่แล้วเอาชีสใส่ตามทีหลัง จะทำให้ได้ขนมปังอบที่ดีอยู่แล้ว(เหนียวนิดหน่อยแบบขนมปังที่ทำสดใหม่กำลังดี) ดีขึ้นไปอีกหน้าขนมปังจะแข็งกรอบนิดหน่อยมีกลิ่นไหม้ตามขั้นตอน(ทำให้เกิดความอยากอาหารได้อีก) ตอนยกมาขนมปังทุกชิ้นแห้งไม่ชุ่มเนยเลยและที่สำคัญคือมันอุ่นทุกชิ้น แค่ขนมปัง The Gang เราก็ออกเสียงชมไม่ขาดปากกันแล้ว ถึงมันจะดูธรรมดาแต่มันน่าตกใจทีสามารถพัฒนาให้ขนมปังที่อร่อยอยู่แล้ว อร่อยไปได้อีกหลายระดับ(ถ้าคิดว่ามันจะเหมือนกับที่ซิลเลอร์เสริฟก็ไม่ใช่แบบนั้นนั้นอร่อยคนละแบบ) อย่าพึ่งทานหมดนะครับเอาไว้ทานกับซุปฟักทองด้วยรับรองว่าฟิน ยกกำลัง 8 ซุปข้นถูกยกมาเป็นซุปฟักทองหลาย ๆ คนในกลุ่มชอบเพราะเนื้อมันพิวเร (Puree)เนียนละเอียดไม่มีสะดุดเลยโรยด้วยน้ำมันเมล็ดฟักทองเพิ่มกลิ่นให้พุ่งเต็มกระพุ้งปากไปได้อีก(สำหรับคนที่ต่อมรับรสดี) สำหรับผมคือทานแบบไม่ปรุงอะไร ไปสัก 2 คำแล้วค่อยเติมพริกไทยบดหยาบและเกลือที่พี่ก้อยยกมาพร้อมกับซุปฟักทอง ซึ่งต้องแอบตกใจเพราะแค่ 2 seasoning นี้ทำให้รสชาติถูกยกระดับขึ้นไปอีกหลายขั้น(ไม่เชื่อลองเอาไปลองดู) ขนมปังที่เหลือจากเมื่อกี้หากเอามาจิ้มทานกับซุปฟักทองมันจะเพิ่มรสสัมผัสให้เราสนุกกับอาหารได้อีก นึกถึงบรรยากาศโคตรฝรั่งเลยเวลาสั่งซุปข้นมาแล้วเอาขนมปังตักเข้าปาก โน๊ตตัวที่สอง (เร) เป็นอาหารประเภทสลัด แต่ไม่ใช่สลัดฝรั่ง มันเป็น Thai Style คือมันเป็นยำเนื้อใส่แตงกวากับมะเขือเทศ Red Berry มีต้นหอมผักชี สะระแหน่ หอมแดงมาเต็มสตรีม นอกจากเนื้อที่ Grill มาอย่างพอดีแบบ Medium Well ซึ่งเป็นระดับที่ผมคิดว่าเหมาะกับคนไทยที่สุด(เอาที่ตัวเองชอบ) เพราะไม่ดิบเกินไปและไม่สุกจนเหนียว ส่วนระดับอื่นอีก 4 ระดับผมคิดว่ามันไม่ค่อยอร่อยอะ(แล้วแต่ชอบน่ะผมเอาระดับที่ผมชอบที่สุดมาวัด) ที่เลือกความสุกระดับนี้สำหรับแขกที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน ผมคิดว่าพี่ก้อยฉลาด เพราะคนเราชอบระดับความสุกไม่เหมือนกัน ถ้าทำแบบ Over Cook มาก็จะเหนียวบางคนก็จะติได้ว่าทำให้เสียรสชาติเนื้อไป ถ้าดิบเกินไปหลายๆ คนก็ไม่ชอบ นี้จึงเป็นระดับที่พอดีที่สุดสำหรับแขกที่ไม่เคยเจอมาก่อน ส่วนรสชาติจานนี้คือมันซับซ้อน บอกเลยว่าคนชอบกินเค็มก็จะบอกว่าเค็มพอดี คนทานหวานก็จะบอกว่าหวานอร่อย คนไม่ทานเผ็ดก็ทานได้เพราะไม่เผ็ดโดด แต่ทาน ๆ ไปก็เผ็ดออกหูเหมือนกัน สรุปว่ามันเป็นอาหารสจัดที่กลมกล่อม มะเขือเทศไม่และ (สำหรับผมคือไม่ชอบทานมะเขือเทศเพราะคิดว่ามันเป็นผักมากว่าเป็นผลไม้ตะกูลเดียวกับเบอร์รี่) โน๊ตตัวที่สาม (มี) เป็นอาหารจานปลา Salmon with Red Pesto คือมันมี Red Pesto ด้วยเหรอเคยทานแต่สีเขียว พูดเรื่อง Pesto ที่ราดมาก่อนคือมันเป็นสีแดงออกน้ำตาล ๆ รสชาติสดชื่นด้วย Lemon และ Balsmic Venegar แต่มีรสเค็มซ่าอ่อน ๆ จาก Capers และเค็มโดดจาก Anchovy สีแดงที่ได้มาจาก มะเขือเทศแห้งตากแดด และ เรซิ่น คือใช้องุ่นแห้งมาเพิ่มความหวานแทนน้ำตาล(มันเก๋ตรงนี้แหละ) มีมอสเซเรลล่าชีสกับเมล็ดทานตะวันอบกรอบโรยเพิ่มรสสัมผัสให้เกิดมิติเวลาทาน (คิดว่าน่าจะเป็น Mozzarella di Bufala ที่ทำมาจากนมควาย) เพราะเชียงใหม่มีขายหาไม่ยาก ขิงจังหวัดอื่น 555 แต่ถ้าไม่ใช่ขออภัยด้วย นี้แค่ Pesto น่ะยังไม่ได้ไปที่เนื้อปลาแซลมอนเลย แน่นอนการทำปลาให้อร่อยสุกน่าทาน เป็นเรื่องโคตรยาก และต้องชำนาญ ผ่านการล้มเหลวมาเยอะถึงจะทำได้อร่อยคือหนังปลาต้องกรอบ แต่เนื้อปลาต้องสุกและชุ่มแต่ก็ไม่สุกแบบ Over Cook น้ำมันปลาต้องออกแทรกเนื้อปลาออกมาเพิ่มกลิ่นและรสสัมผัส เอาจริงแค่ย่างปลาเป็นก็ทำให้ปลาดี ๆ ดีขึ้นไมอีกหลายระดับ มันกลับไปสู่ความเป็นธรรมชาติที่อร่อยแบบไม่ต้องพูดอะไรมาก เนื้อปลาสุกแต่ไม่มากแต่หนังปลายังต้อง Sear(เซียร์)ให้กรอบแต่ห้ามไหม้ คือมันเยอะในเยอะน่ะ รองพื้นด้วย Wild Roket คือจากนี้ทำให้นึกถึงอาหารแถวทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทันทีเพราะส่วนผสมทุกอย่างมันชี้ให้เป็นทางนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย ที่พี่ก้อยใช้ Wild Rocket (ใบหยัก) เพราะมันมีรสเผ็ดซ่า กว่า Garden Rocket (ใบกลมเรียบ) นี้แค่ครึ่งเพลงของอันจะกินวิลล่าน่ะ โน๊ตตัวที่สี่ (ฟา) ที่จะพาพวกเราเข้าสู่ Main Course แล้ว Foie Gras ฟัวกราส์ (ตับอ้วนแปลตรงตัว) ในจานไม่มีอะไรมากมี ฟัวกราส์ 6 ชิ้นตามจำนวนคนบนโต๊ะทานคู่กับ ซอสเบอร์รี่(รู้สึกเหมือนแยมอะ) ซึ่งอร่อยมากทุกทีจะทานกับซอสส้ม/ซอสมะขาม อะไรแบบนั้น เสริฟพร้อม Wild Rocket Salad กับ Red Berry Tomato น้อยแต่มาก Less is More (LIM) เซียร์ (Sear) ฟัวกราส์ให้สุกทุกหน้าด้วยน้ำมันมะกอก แล้ว Cook Wild Rocket Salad ด้วยน้ำเดรสซิ่งสลัดน้ำใส น่าจะผสมงาขาวไทยใหญ่เล็กน้อยกับ Red Berry Tomato จาก GreensGarden Farm แม่ริม ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทานมะเขือเทศแล้วรู้สึกว่ามันเป็นผลไม้มากว่าผัก สาบาน โน๊ตตัวที่ห้า (ซอล) ทานตับห่านกลัวเลี่ยนก็มีหน่อไม้ฝรั่งมาแทรก ที่สำคัญคือมันไซด์มันโครตใหญ่มากคับขนาดใหญ่กว่านิ้วของผมอีกบางแท่งใหญ่กว่าหัวแม่มืออีกครับการปรุง Asparagus ใหญ่นี้ถ้าไม่เอาไปต้ม อบ ก่อนเอาไป เซียร์ (จี่) นี้จะเป็นเรื่องเลยครับเพราะอะไรมันไม่สุกกลางสิครับมันใหญ่มาก ไม่ใช่เอาไปล้างแล้วหยิบไปจี่กับน้ำมันมะกอก ใส่เกลือ พริกไทย ได้เลย ยิ่งใหญ่ต้องระวังเรื่องความเหนียวเพราะมันมีไฟเบอร์เยอะไง ยิ่งตรงโคนของหน่อไม้ฝรั่งยิ่งเหนียว แต่พี่ก้อยทำนี้กรุบกรอบทั้งลำ ทานเยอะไม่ดีน่ะคับเตือนเลยเพราะมันอร่อย 555 โน๊ตตัวที่หก (ลา) ก่อนละลาจากอันจะกินไป Main Course มาแล้ว มันเป็น Pock Chop With Mushroom Sauce เนื้อหมูติดมันมาพร้อมกระดูก ราดซอสเกรวี่เห็ดแชมปิญองโคตรเข้มข้นใสหอมหัวใหญ่หั่นย่อย ผมเป็นคนไม่ชอบทานหมูด้วยรสสัมผัส กลิ่น และรสชาติ และผมก็รู้สึกอิ่มๆ กับ 5 จานที่เสริฟมาแล้วด้วย แต่เนื้อหมูมันนุ่มอร่อย คนชอบทานหมูคงรีวิวได้ดีกว่านี้ แต่น้ำเกรวี่เข้มข้นจริงขนาดว่าทานกับเสต็กเนื้อคงจะฟินน่าดู เสียดายอะ อยากทานเนื้ออออออออออ โน๊ตตัวที่เจ็ด (ที) Riso Pasta with Tiger Prawn ขอยอมรับปกติไม่เคยสั่งพวก ริสโซ่ มาทานเพราะไม่ชอบทานอาหารที่มันดูแหยะ ๆ อะปรึ๊ยยยยยย และเข้าใจมาตลอดว่า Riso นี้เป็นข้าว พึ่งรู้วันนี้มันเป็นแป้งสาลีขึ้นรูปเหมือนสปาเก็ตตี้ พาสต้า มักโรนี แต่ขึ้นรูปทรงเม็ดข้าวเพราะฉนั้นมันจะไม่อมน้ำเหมือนข้าว ตาแตกครับ จานนี้เด็ดมาก โคตรเมดิเตอร์เรเนียนมาก โคตรฟิวทะเล คือมันมีความเปรียวของ Lemon มีความเผ็ดของพริกแห้งเล็กน้อย สำหรับคนไทยเด็ก ๆ จ้า วิธีทำน่าจะเอาไปผัดกับน้ำมันมะกอกหรือเนยสด/จืด แล้วเติมน้ำสต๊อกไก่ จนมันสุกแล้วค่อยปรุงรสเกลือพริก แล้วค่อยเอาเนยใส่ (อย่างกับข้าวมธุปายาส) ต้องคอยสังเกตให้มันไม่สุกเกินไป ให้มันยัง Al Dente คือสุกหนึบสู้ฟัน น่าจะเอาไปอบกับกุ้งลายเสือโรยพาร์เมซานชีสขูด ดีงาม 6 ตัวพอดีคนละตัว กุ้งอร่อยมากอบได้พอดีไม่สุก/ดิบเกินไป ยิ่งอบพร้อมกับ ริสโซ่ น้ำกุ้งที่ออกมามันทำให้ ริสโซ่มีความอุมามิเข้าไปอีก กลิ่นทะเลออกมาเลยครับ โน๊ตตัวสุดท้าย 8 (โด) ปิดครอส์ ด้วยของหวานเป็นสาคู(แท้) จากต้นสาคูจังหวัดพัทลุง เดี๋ยวนี้หาทานสาคูแท้ได้ง่ายขึ้นไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ต้องใช้แบบสำเร็จรูป ฟิวมันไม่เหมือนกันเลยมันละมุนมาก น้ำกะทิเค็มไม่หวานมากข้าวโพดเพิ่มสัมผัสให้มีหลายมิติเวลาทานได้ดีมากแล้วที่สำคัญ ถ้วยที่ใส่ชอบมากกกกกก มีความเข้ากับของหวานได้สุดๆ ถ้าเปลี่ยนช้อนเป็นทองเหลืองแบบร้าน หวานพอดีจะหรูหรามาก สุดท้ายแล้วจริง ๆ ล้างปากด้วยชาอูหลงลิ้นจี่ ทุกทีชอบทานแบบเย็นของร้าน Woo Cafe แต่พอได้ทานแบบร้อนรู้สึกกลิ่นลิ้นจี่นี้มันหอมเตะจมูกยิ่งกว่า อาหารทุกอย่างมา 2 ชุดน่ะครับเพราะมา 6 คน ไม่แย่งกันทาน อิ่มถึงเย็นสรุปเวลาทานอาหารคอรส์นี้ 2 ชั่วโมงเหมือนทานอาหารยุโรปเลย 555... อ่านต่อ
0 Like0 Comment
photo