4.2
79 เรตติ้ง (70 รีวิว)
เปิดอยู่จนถึง 22:00
ต้องลิ้ม สุกี้ ชาบู
ถึงแม้ไม่ใช่บุฟเฟต์แต่ก็ครองใจคนเชียงใหม่มาสิบกว่าปี เสิร์ฟคุณภาพเน้น ๆถ้าชวนกันไปกินชาบู หลาย ๆ คนก็คงต้องนึกถึงร้านชาบูบุฟเฟต์อร่อย ๆ สุดคุ้ม จ่ายครั้งเดียวกินกันได้อิ่มแปร้ เดินตีพุงออกร้านกันไปตาม ๆ กัน แต่สำหรับใครที่อยากกินชาบู หมูจุ่มแบบสบาย ๆ พอให้หายอยาก ก็อาจจะเลือกเป็นที่เสิร์ฟแบบ a la carte ก็คือสั่งแบบจาน ๆ เชียงใหม่ถือเป็นเมืองปราบเซียน ใคร ๆ ก็ว่ามาทำธุรกิจที่เชียงใหม่แล้วเหนื่อย แต่มีร้านชาบูร้านหนึ่งที่เน้นขายรูปแบบเป็นจาน ๆ แต่เขาเปิดร้านมากว่า 15 ปี เรียกได้ว่าอยู่คู่คนเชียงใหม่มายาวนาน นั่นก็คือร้าน ต้องลิ้ม สุกี้ชาบู นั่นเอง การเป็นร้านชาบูแบบ a la carte ที่ต้องคอยสู้รบกับร้านบุฟเฟต์นั้นไม่ใช่เรื่อง่าย ๆ เลย ถึงแม้ร้านชาบูที่เป็นแบบบุฟเฟต์เองก็ยังต้องปิดตัวลงไปหลาย ๆ ร้าน แต่ร้านนี้เปิดมาได้ถึง 15 ปี เรียกได้ว่าไม่ธรรมดา ที่จริงแล้วเมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว น้าอ้วนก็เคยไปรีวิวร้านนี้มารอบหนึ่งแล้ว และตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบ 10 ปี ก็ได้แวะเวียนมาอีกครั้งหนึ่ง ทุกครั้งที่ได้ขับรถผ่านร้านนี้ทีไร ก็ยังอดชมเขาไม่ได้เลยว่า เก่งนะที่อยู่ได้มายาวนานขนาดนี้ ต้องลิ้ม สุกี้ชาบู ตั้งอยู่ย่านสันติธรรม ร้านจะอยู่ก่อนถึงวัดสันติธรรม (ร้านอยู่ขวามือ ถ้าเรามาจากทางสี่แยกแจ่งหัวริน มุ่งหน้าไปทางสันติธรรม) ถนนเส้นนี้อาจจะแคบไปหน่อย ถ้าใครจะไปร้านแนะนำใช้รถมอเตอร์ไซค์ไปดีที่สุด แต่รถยนต์ก็สามารถจอดได้นะ ช่วงค่ำ ๆ ริมทาง จุดเด่นที่ทำให้ร้านนี้อยู่ทนถาวรได้ น้าอ้วนเชื่ออย่างหนึ่งคือเรื่องของคุณภาพ เมื่อเขาเสิร์ฟอาหารคุณภาพ ก็จะทำให้ลูกค้าที่เคยมากินรู้สึกประทับใจ และมาอุดหนุนเรื่อย ๆ จนมาถึงทุกวันนี้ น้ำซุปของทางร้านจะไม่ใส่ผงชูรส จะใช้ความหวาน ความกลมกล่อมมาจากวัตถุดิบจากธรรมชาติเป็นหลัก ถึงแม้เขาจะขายเป็นจาน แต่ดูราคาแล้วก็ไม่ได้สูงเลย ถ้าเป็นเมนูผักก็เริ่มต้นที่ 15 บาท เมนูของสดต่าง ๆ เช่นเนื้อหมู เนื้อไก่ ฯลฯ เป็นต้นก็เริ่มต้นที่ 21 บาท ไปจนถึง 42 บาทนั่นก็คือกุ้งสด ซึ่งต้องบอกเลยว่ากุ้งตัวใหญ่มาก ส่วนใครที่ชอบกินเนื้อสไลซ์ ชุดหมูสไลซ์ชาบูเริ่มต้นที่ 39 บาท และถ้าเป็นเนื้อโคขุนสไลซ์ใบพายก็เพียง 109 บาทเท่านั้น โดยน้ำซุปจะมีให้เลือกอยู่ 2 อย่างคือ น้ำซุปหม่าล่า ที่รสชาติไม่ได้จัดจ้านเว่อร์ เหมือนร้านอื่น ๆ เป็นน้ำหม่าล่าที่หอมกลิ่นเครื่องเทศ รสชาติกลาง ๆ ที่สามารถซดได้เรื่อย ๆ หรือน้ำซุปชาบูน้ำดำ ที่หลาย ๆ คนคงคุ้นเคยกันดี รสชาติหวาน เค็ม กลมกล่อม โดยทางร้านจะมีหัวเชื้อเสิร์ฟมาให้ด้วย ถ้าใครชิมแล้วรสชาติยังเข้มข้นไม่พอ ก็สามารถเติมหัวเชื้อน้ำซุปลงไปเพิ่มได้นะ แต่ถ้าใครมากันหลาย ๆ คน อยากกินอะไรในเซ็ตแบบจุใจ หรืออยากกินหม้อไฟที่หน้าตาสุดว้าว ชุดหม้อไฟเกาหลี (269 บาท) ก็พร้อมเสิร์ฟ ในหม้อจะมีทั้งมาม่าเกาหลี เส้นหนึบเหนียว พร้อมกิมจิ ผักต่าง ๆ ปูอัด เต้าหู้ปลา และจะมีซอสโคชูจังที่เพิ่มรสชาติ และกลิ่นอายความเป็นเกาหลีอย่างครบถ้วน แต่ถ้าอยากสัมผัสความเป็นไทย ๆ ชุดหม้อไฟต้มยำน้ำข้นหมูสับ (219 บาท) ก็ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่ดีงามมาก ๆ ส่วนตัวน้าอ้วนแล้วประทับใจหม้อนี้เป็นพิเศษ เพราะรสชาติของความเป็นต้มยำแบบไทย ๆ ต้มยำน้ำข้นหอม มัน เปรี้ยว เค็ม เผ็ด กลิ่นสมุนไพรมาเต็ม ทั้งเห็ด ตะไคร้ พริก ใบมะกรูด ข่า หอมหัวใหญ่ เครื่องแกงต้มยำที่แอบซ่อนอยู่ข้างใน รวมไปถึงหมูสับ มาม่าเกาหลี และไข่ไก่ที่ท็อปอยู่ด้านบนด้วย จากที่ได้กลับมาชิมอีกครั้ง อย่างที่น้าอ้วนได้บอกในตอนต้นว่า สิ่งที่ทำให้ร้านนี้อยู่ได้มาถึง 15 ปี ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของคุณภาพ รวมไปถึงเรื่องของราคาที่ไม่ได้แพงจนเกินไป คนที่มากินแล้วรู้สึกประทับใจในรสชาติ และราคาที่จ่ายไป จึงทำให้เกิดความพึงพอใจ รวมไปถึงการบริการที่อบอุ่น เพราะร้านนี้ทำธุรกิจแบบครอบครัว เราก็จะเห็นคุณลุง คุณป้า มาช่วยบริการอยู่เป็นประจำ จึงทำให้ที่นี่เป็นร้านประจำของใครหลาย ๆ คนได้ไม่ยาก... อ่านต่อ
0 Like0 Comment
photo