Chocolate Ville เกษตร-นวมินทร์
แซลมอนแซ่บ เมนูโปรดของคนแซ่บๆ
สวนอาหารของคนรักสนุก ถ่ายภาพ อิ่มอร่อยแต่ต้องรอนาน(ไม่นิดนึง)ไม่น่าเชื่อว่าสวนอาหารขนาดอภิมหาอลังการงานสร้างนี้จะคงความนิยมมาได้นานขนาดนี้ ครั้งแรกที่ Chocolate Ville เปิดใหม่เมื่อประมาณ 3-4 ปีที่แล้ว ยังแอบนึกสงสัยว่าร้านอาหารที่มีอาณาบริเวณกว้างขวางถึง 16 ไร่ อยู่ไกลแสนไกลถึงเกษตรนวมินทร์ กม.11 แถมมีที่นั่งไว้บริการลูกค้าหลายพันที่ ด้วยพนักงานที่รอให้บริการถึงหลายร้อยชีวิต จะสามารถบริหารธุรกิจให้คืนทุนได้ภายในกี่ปี่ แล้วคนไทยจะไม่หมดเห่อไปเสียก่อนเหรอ ณ ชั่วโมงนี้ Chocolate Ville ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า ยังแรงดีไม่มีตก แถมยังเป็นหนึ่งในร้านสุดยอดของคนวงในอีกด้วย ผู้คนต่างหลั่งไหลมาจากทุกสารทิศโดยเฉพาะในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่อมาถ่ายรูป ชมวิว แล้วกินอาหารกันอย่างอิ่มหนำสำราญกันทั้งครอบครัว การต่อคิวกลายเป็นวัฒนธรรมที่ผู้คนเริ่มรับได้ สำหรับคนที่อยากสัมผัสประสบการณ์การมาเที่ยวเล่นกินอาหารอยู่ในสวนสนุกตามคอนเซปต์ Dining in the Park “นานเท่าไหร่ก็จะรอ” <What to Eat> เมนูอาหารของร้าน Chocolate Ville นั้นมีครบแทบจะทุกสัญชาติ ทั้งไทย จีน ฝรั่ง (เยอรมัน, อิตาเลียน และฟิวชั่น) แต่จะเป็นอะไรบ้างนั้น ลองมาชมตัวอย่างความอร่อยที่ไช้ชวนชิมขอยกนิ้วให้ครับ สรุปโดยรวมแล้วเมนูที่แนะนำโดยไช้ชวนชิมคืออาหารฝรั่ง โดยเฉพาะเมนูเส้นพาสต้า เชฟปรุงอาหารออกมาได้รสชาติจัดจ้านมาก ไม่ว่าจะเป็น Olio Salmon, Seared Tuna หรือ Risotto Seafood อาหารฟิวชั่นที่รสชาติดีคือ Salmon แซ่บ ที่ถือว่าอร่อยอลังการผมยกให้ซี่โครงหมูบาร์บีคิว สิ่งที่ไม่ค่อยปลื้มคือ ขาหมูยักษ์ ไส้กรอกรวมมิตร และไก่ทอด เห็นสั่งกันจังแต่ก็เหลือกลับบ้านกันถ้วนหน้า เพราะกินไม่หมดหรือไม่ก็มันไม่อร่อยสมความคาดหวัง ส่วนหมี่ผัดกระเฉดนั้นน้ำราดยังคลุกได้ไม่เข้าที่กับเส้น (เมนูเด็ดจานนี้ต้องยกให้ครัวเจ๊ง้อครับ) ส่วนภาพเมนูอื่นๆ สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ Food Gallery ครับ สำหรับเมนูของหวานนั้นมีให้เลือกประมาณ 15 ชนิด ได้แก่ Black & White Chocolate Mousse, Vanilla Bean Panna Cotta, Hot & Crisp Banana Fritter, Chocolate Crepe Cake, Hot Brownie, Banana Crepe, Hazelnut Chocolate Cake, Caramel Custard, Creme Brulee, Banoffie Pie, Tiramisu, Cheese Cake, Chocolate Lava เมนูทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเมนูยอดนิยมของคนไทย แต่เมื่อลองสุ่มสั่งไปสัก 6 อย่าง ที่พอให้ผ่านและรับได้มีอยู่แค่ 2 อย่างเท่านั้นคือ Blueberry Cheese Cake ครีมชีสหอมหวานและลงตัว อีกจานคือ Tiramisu ถึงแม้จะไม่ใกล้เคียงกับของต้นตำรับแต่ก็ถือว่าอร่อยกว่าอีกหลายจาน ส่วนรสชาติที่ไม่ผ่านด่านความอร่อยของไช้ชวนชิมคือ Brownie ซึ่งอบมาได้แข็งโป๊กไม่เหลือความชุ่มชื้นในเนื้อเค้กเลยแม้แต่น้อย ส่วนเมนูเครปเค้กทั้งหลายก็แผ่นหนากระด้างไม่หอมละมุนเท่าที่ควร และ Chocolate Lava ที่หลายคนชื่นชอบน้ำกลับไม่แตกเยิ้มเวลาโดนมีดจิ้ม เนื้อเค้กก็ยังไม่ค่อยโอเท่าไหร่นะ ขาดแต่ Honey Toast ที่ยังไม่กล้าสั่งมาทานกลัวผิดหวัง <Overall Rating> คะแนนโดยรวมของร้าน Chocolate Ville คือ 4 ดาวครึ่ง หรือจากคะแนนเต็ม 10 ไช้ชวนชิมให้ไป 8 คะแนน เพราะทึ่งในความสามารถในการบริหารร้านให้คงความนิยม มีกระบวนการในการทำงานที่มีประสิทธิภาพ สร้างบรรยากาศให้ผู้คนสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับการกิน อาหารถึงแม้จะไม่อร่อยที่สุดในสามโลก แต่ส่วนใหญ่ก็ถือว่าผ่านเกณฑ์ที่พอรับได้อยู่ คุณภาพวัตถุดิบ (8/10) จัดไว้ใช้ได้ ยกเว้นอาหารแช่แข็งบางประเภท รสชาติอาหาร (8/10) อย่างที่บอกชอบอาหารที่ออกมาจากครัวฝรั่งโดยเฉพาะ บรรยากาศร้าน (9/10) ลงทุนมากกับการตกแต่งประดับประดาสถานที่ให้มีมุมถ่ายรูปจะแทบทุกจุด แถมช่วงเทศกาลยังมี Hightlight หรือ Gimmick แสงสีเสียงที่หอประภาคารอีกด้วย การบริการ (7/10) แม้จะต้องต่อคิวนาน แต่บริหารจัดการคิวได้ดีพอสมควร พนักงานแต่ละคนทำงานมือเป็นระวิง คงต้องมีผิดพลาดบ้างอะไรบ้าง ถ้าเห็นอาหารไม่ยอมออกมาสักที แนะนำให้แจ้งพนักงาน เพราะอาหารตกหล่นระหว่างทางก็เป็นไปได้ <Take me there> ที่อยู่: วิ่งมาทางเกษตรนวมินทร์ กม. 11 ตัดตรงผ่านแยกนวมินทร์ (ถนนตัดใหม่) ขับตรงไปเรื่อยๆ ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือ เมื่อเห็นกังหันลม เห็นรถจอดเต็ม 2 ข้างทาง แสดงว่าคุณถึงแล้วครับ (พิกัด GPS : N13 48.621 E100 39.830) สำรองที่นั่ง: สามารถจองได้บน Facebook ที่ Tap “Reservation” หรือติดต่อ (083) 077-3738 และ (081) 921-2016 ที่ร้านจะเปิดให้จองเพียงแค่ 40% (แนะนำให้จอง 1-2 วันล่วงหน้าสำหรับวันธรรมดา และ 1-2 อาทิตย์ล่วงหน้าสำหรับวันเสาร์อาทิตย์) ที่นั่งอีกประมาณ 60% สำหรับลูกค้า Walk-in ซึ่งต้องใช้เวลายืนรอต่อคิวประมาณหนึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง แนะนำให้ไปรับบัตรคิวแต่เนิ่นๆ คุณจะได้ก้อนโดนัทซึ่งจะมีสัญญาณแจ้งเตือนเมื่อถึงคิวของคุณ เวลาทำการ: เปิดตั้งแต่ 4 โมงเย็นจนถึงเที่ยงคืน ถ้าไปแต่หัววันก็จะได้ถ่ายภาพก่อนพระอาทิตย์ตกดิน และไม่ต้องลำบากในการหาที่จอดรถและยืนรอนาน แต่ถ้าไปตอนหัวค่ำ นอกจากจะหาที่จอดรถไม่ได้แล้ว อาจต้องหงุดหงิดกับการยืนรอจนโมโหหิว... อ่านต่อ
7 Likes0 Comment
photo