4.2
419 เรตติ้ง (225 รีวิว)
ปิดอยู่จะเปิดในเวลา 18:30
บรรยากาศ La VIE Bistronomy
บรรยากาศ
[Wongnai User’s Choice] ร้านดี บริการเยี่ยม อาหารอร่อย บรรยากาศฟินเป็นร้านๆนึงที่เคยตั้งใจว่าจะไปทานอีกสักครั้งหลังจากที่เคยทานที่งาน Wongnai ที่จัดที่ Central World ครั้งที่แล้ว และวันนี้ก็ได้ดีล BRW2018 ในราคาสุดพิเศษเพียง 999++ เท่านั้นครับ สำหรับวันนี้ผมซื้อมา 2 set เพื่อที่จะได้ลองได้หลากหลายเมนู ตัวร้านจะอยู่ในโรงแรม VIE ชั้น 11 บนถนนพญาไท สามารถนั่งรถไฟฟ้ามาลงที่ BTS ราชเทวีและเดินมาไม่ไกลครับ หรือถ้าใครนำรถยนต์มาสามารถจอดได้ที่โรงแรมเลยครับ บรรยากาศร้านจะเป็นเหมือนในหนังฝรั่งเลยครับ เข้าไปจะมีเทียนไขจุดรอบๆร้าน เน้นแสงไฟจากเทียนเป็นหลักครับ จะถ่ายรูปค่อนข้างยากและมืดพอสมควร โต๊ะและเก้าอี้สไตล์ยุโรป นั่งสบาย มีเปียโนที่มีนักดนตีมาเล่นเป็นช่วงๆไปครับ เรียงรายไปด้วยรางวัลต่างๆที่ได้รับจากทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งร้านนี้ได้เชฟ Yuya Okuda จากโตเกียวมารังสรรค์เมนูให้กับห้องอาหารร้านนี้ครับ และที่สำคัญยังเพิ่งได้รับรางวัล Michelin Plate 2018 อีกด้วยครับ สำหรับเมนูอาหารที่ได้ชิมวันนี้ก็จะมี 1. Kagoshima Young Yellowtail Carpaccio: เมนู Signature ของทางร้านที่ภูมิใจนำเสนอ ปลาหางเหลืองจากคาโกชิม่าแบบดิบแล่บางๆ เสิร์ฟมาพร้อมกับ Salmon Role, Grapefruit, Oba Leaf ที่ทำเป็นเจลลี่และ Yusu Citrus มีบีบเลมอนมาให้เรียบร้อยแล้ว ตัวปลารสชาติดีมาก เนื้อหวานนุ่มอร่อย ได้ความเปรี้ยวจากเลมอนและส้มยูซูมาตัดเลี่ยน และมีการตกแต่งด้วยซอสเป็นจุดๆ ซึ่งแต่ละจุดจะมีรสชาติที่ต่างกัน ให้ความอร่อยที่ต่างกันอย่างลงตัว 2. Sauteed French Foie Gras: ฟัวร์กราเซียกำลังดี ขนาดชิ้นใหญ่พอสมควรเพื่อไม่ให้เลี่ยนจนเกินไป เสิร์ฟมาพร้อมกับ Piedmont Polanta เป็นอาหารขึ้นชื่อของอิตาลีที่คนทั่วไปน้อยมากที่จะรู้จัก ทำจากข้าวโพดออกมาเป็นรูปทรงเหมือนทาร์ต รสสัมผัสจะนุ่มๆ ในขณะที่ตัวทาร์ตเองก็มีทำซอสข้าวโพดอีก มาพร้อมกับองุ่นที่เอาไปเชื่อมหวาน (compote) ทานแล้วจะให้ความหวานคล้ายๆซอสแอปเปิ้ลที่ปกติใช้ทานคู่กับฟัวร์กราครับ รสชาติตัวฟัวร์กราเมื่อจิ้มกับซอสข้าวโพดอาจจะออกเลี่ยนหน่อยๆ แต่ถ้าทานด้วยกันทั้งหมดพร้อมกัน รสชาติกำลังดีเลยครับ ให้ความรู้สึกที่แปลกดี และด้านบนยังมีตาข่ายตกแต่ง ออกกรอบๆ ได้ Texture ที่ครบถ้วนดีครับ 3. Australian Black Angus Beef Rib-eye: สั่งแบบ Medium Rare ไปแต่ทางร้านทำออกมาจะค่อนไปทาง Rare มากกว่า เนื้อนุ่มอร่อย เคี้ยวง่ายแทบทั้งชิ้นครับ เสิร์ฟมาพร้อมกับ Puree 3 แบบเล็กๆ ที่รสชาติต่างกัน เห็ดเผ็ดหั่นเป็นชิ้นเล็กๆพร้อมผัก และซอสชะเอมเทศ (Licorice) ที่ infuse กับน้ำสต๊อกเนื้อวัว เป็นจานนึงที่ผสมสผานหลายอย่างเข้าด้วยกัน และให้รสชาติที่น่าสนใจมาก รวมทั้งตกแต่งจานได้น่าสนใจ 4. Snow Fish: สุดยอดเมนูของทางร้านอีก 1 รายการที่อยากแนะนำให้ทาน ตัวปลาจะหั่นแนวขวางมา ไร้กระดูกแน่นอน เนื้อแน่นนุ่มอร่อยกำลังดี ราดด้วยโฟมที่นำเห็ดไปต้มในน้ำจนเปื่อย ทานคู่กับ Baby Spinach และซอสขาว Noily Prat Veloute และยังมีผักมาช่วยตัดเลี่ยนเพิ่มด้วยครับ จานนี้ถ้าให้ดีขึ้นอีก ควรจะทำให้หนังกรอบและทานได้ครับ(โรยเกลือมาเค็มมาก) ไม่ใช่เสียดายแต่น่าจะใช้ได้ทุกส่วนจะดีมาก 5. Chef’s Sugnature “Mont Blanc Chestnut Mille-feuille”: เมนูขนม Signature ของทางร้าน ใส่มาจานใหญ่มาก แต่ปริมาณขนมกระจุกอยู่บริเวณกลางจาน เสิร์ฟมาพร้อมกับผลไม้นานาชนิดที่ส่วนใหญ่ใช้เพิ่มความเปรี้ยว ตัวมองบลังทำได้ดีกรอบและนุ่มจากครีม หวานกำลังดีไม่เลี่ยน แต่ถ้าทานแล้วรู้สึกเลี่ยนให้ทานผลไม้สำหรับตัดเลี่ยนได้ดีครับ 6. Chocolate Fondant Tonka Beam Ice Cream: ช็อกโกแลตฟองดู พร้อมกับไอศกรีม 1 ลูกและผมไม้อีกประปรายหลากชนิด ตัวช็อกโกแลตเข้มข้นและยังเหลวได้กำลังดี เอาผลไม้มาจิ้มทานเป็น Fondant อร่อยดีครับ ส่วนไอศกรีมรสชาติดี หวานใช้ได้ครับ 7. Vergin Mojito: เป็นเครื่องดื่มที่ต้องสั่งเพิ่ม ไม่ได้รวมอยู่ในรายการครับ รสชาติเปรี้ยวสดชื่น ได้ความหอมจาก Peppermint ออกหวานและซ่ากำลังดีครับ 8. Lychee Smash: ม็อกเทลอีกรายการของทางร้าน รสชาติจะไม่ค่อยต่างจาก Vergin Mojito มาก แต่จะเน้นไปที่รสลิ้นจี่มากกว่าครับ ความซ่าและความเปรี้ยวคล้ายคลึงกัน สำหรับโดยภาพรวมแล้ว รสชาติอาหารถือว่าดีประทับใจ ไม่ต้องพูดเยอะ แต่ต้องไปลองอย่างเดียว การบริการดีเยี่ยม พนักงาน service ดีมาก และไม่ยืนรบกวนเราเลยครับ ส่วนบรรยากาศดีมากครับ เงียบสงบ เหมาะแก่การดินเนอร์เป็นที่สุดครับ และที่ดีที่สุดของร้านนี้คงจะเป็นเรื่องของการไม่คิด service charge และ VAT เพิ่มแล้ว (บวกอยู่ในอาหารเรียบร้อยตั้งแต่แรก) ดังนั้นค่าน้ำร้านนี้อาจจะโหดหน่อยๆ เพราะอย่างน้ำเปล่าเองก็ขวดละ 230 บาทเข้าไปแล้วนั่นเอง ถ้าสั่ง mocktail อาจจะคุ้มกว่าเยอะครับ... อ่านต่อ
4 Likes0 Comment
photo