4.4
66 เรตติ้ง (43 รีวิว)
อาหารไทย฿฿฿฿฿
เปิดอยู่จนถึง 18:00
Wang Hinghoi
Thai Inspired Cuisine : Aqua themeFine dining ที่มีเอกลักษณ์พิเศษภายใต้ธีม "ธาตุแห่งชีวิต" ดิน น้ำ ลม ไฟ ด้วยบรรยากาศที่ให้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติแต่ยังมีกลิ่นอายของความเป็นเมือง ได้ชื่นชมกับหิ่งห้อยระยิบระยับ สวยงามตระการตาหลังรับประทานอาหาร เป็นความรู้สึกดีที่เกินบรรยาย ร้านเติมเต็มทุกประสาทสัมผัสทั้งรูป รส กลิ่น และเสียง เชื่อได้เลยว่า มื้อพิเศษนี้จะทำให้คุณประทับใจไม่รู้ลืม เน้นความรื่นรมย์ในทุกๆ presentation "เสพย์งานศิลป์บนจานอาหารและบันเทิงกระเพาะ" ร้านจะมีโครงการเป็นระยะเวลา 18 เดือนเท่านั้น ตามวงจรชีวิตของหิ่งห้อย ตอนนี้ดำเนินมาถึงธีมของ "น้ำ" โดยแต่ละธีมก็จะมีความโดดเด่นและแรงบันดาลใจของเชพแตกต่างกันในการรังสรรค์แต่ละเมนู รวมถึงกลิ่นของ diffuser ที่ใช้ภายในร้านด้วย เราได้มีโอกาสมาลองตั้งแต่ธีมดิน และ ธีมลม ต้องขอบอกว่า ธีมดิน ถูกใจมากที่สุดในทุกๆอย่าง ทั้งกลิ่น อาหาร และความประทับใจในครั้งแรก แต่คราวนี้เราจะมาพูดถึงธีมน้ำซึ่งน่าสนใจไม่แพ้กัน มาดูกันว่าความประทับใจในวันนี้ มีอะไรบ้าง **location** สนามกอล์ฟเก่า RCA มีที่จอดรถพอเพียง หากไม่ขับรถมา แนะนำนั่งรถไฟใต้ดิน ลงสถานี MRT เพชรบุรี ต่อรถแท็กซี่อีกเพียงไม่ถึง 10 นาทีเท่านั้น ระยะทางเพียง 1 - 2 กิโลเมตร **atmosphere** บรรยากาศดีเช่นเคย เริ่มด้วยการเดินผ่านสวนขนาดย่อมที่ตกแต่งด้วยไฟวิบวับ ผ่านกำแพงดินที่ทำจากดินหลายแหล่งของประเทศไทย ตกแต่งแบบเรียบง่าย แต่ยังให้ความรู้สึกหรูหรา เมื่อเดินมาพบกับประตู จะพบกับประตูที่มีไฟ LED เป็นรูปกระแสน้ำไหล ให้ความรู้สึกร่มเย็นอย่างมาก ภายในร้านค่อนข้างมืดเล็กน้อย ให้ความรู้สึกโรแมนติกเบาๆ ด้านนอกเป็นกระจกใสที่มองเห็นสวนตรงกลาง (สำหรับมุมชมหิ่งห้อย จะเป็นอีกห้องหนึ่งที่เป็นห้องกระจกมืดสนิท เพราะหิ่งห้อยกลัวแสงอื่นมารบกวนค่ะ ดังนั้นการถ่ายรูปห้ามใช้แฟลตเด็ดขาด) ตกแต่งอย่างหรูหรา เน้นไปทางโทนสีดำสนิท ให้ความรู้สึก contrast กับด้านนอกอย่างสิ้นเชิง **Service** บริการประทับใจอยู่เดิมในทุกครั้ง ชอบที่มีการเทรนพนักงานทุกคน ให้มีความรู้ในการอธิบายที่มาที่ไป และแรงบันดาลใจของอาหารต่างๆได้อย่างดีเยี่ยม ต้องขอบคุณที่ดูแลพวกเราอย่างดีทุกครั้งที่ได้มาสัมผัสประสบการณ์ **Menu** ในธีมน้ำ จะมีสอง course ให้เลือก โดยมีเซ็ทราคา3290++ [aquatic dream set menu] ซึ่งวันนี้เราได้รับประทานเซ็ทนี้ และอีกเซ็ทนึง ราคาจะเบากว่า แต่อิ่มเช่นกัน ได้แก่ Blue plannet set 2590++ โดยทั้งสองเซ็ทจะมี cocktail paring +550 THB ต่อเมนู มาเริ่มต้นความน่าตื่นเต้นของวันนี้กัน ด้วยความที่เราพยายามไม่อ่านรีวิวอื่นใดมาก่อน เพื่อทำให้ surprise ในทุกเมนูที่จะมาเสิร์ฟ #AMUSE BOUCHE# อามุสบุช หรืออาหารรับประทานเล่นพอดีคำ ในเซ็ทประกอบด้วยสามอย่าง ด้วยความที่คาดหวังว่าเมนูธีมน้ำ จะออกแนวเย็น สดชื่น เบาๆ แต่ผิดคาดจ้า เมนูค่อนข้างมีความเผ็ดร้อน ขึ้นๆลงๆ ด้วยทางร้านให้คอนเซปต์ว่าพยายามทำให้รู้สึกเหมือนกับเป็นคลื่นทะเล มีความแปรปรวน และหลากหลาย แล้วแต่คนจะตีโจทย์ (ในใจเราคิดเล่นๆว่า เมนูอาจจะรสจัดเพื่อให้อยากดื่มน้ำเยอะๆ ฮ่าๆ) ทางร้านจะเสิร์ฟขนมปังกับสตรอเบอรี่แจมมาให้ก่อน โดยครั้งนี้ขนมปังนุ่มๆร้อนๆนั้นมีความพิเศษ ตรงที่ใช้สีฟ้า สวยงาม ให้เหมาะกับธีมน้ำนั่นเอง ต่อมา มาที่เมนูแรกเลย 1.Stone and ripple ในตอนแรกมองว่าจานสวยดี เป็นวงกลมล้อมอาหารอยู่ จนตอนเสิร์ฟ เขาบอกว่า จานนี้เสมือนว่าเรา โยนก้อนหินลงน้ำ แล้วคลื่นกระเพื่อมออกเป็นวงกลมต่อเนื่อง ถึงได้บรรลุ เพราะให้ฟีลนั้นจริงๆ สวยงามดี จานนี้เป็นมันฝรั่ง ท็อปด้วยเบคอนกรอบ ด้านในเป็นซอสน้ำพริกอ่อง มีความเผ็ดและชาลิ้นน้อยๆ ช่วยเรียกน้ำย่อยและกระตุ้นต่อมรับรส 2.Log of life สายบัวสองสาย เสิร์ฟมาแบบเย็น ปรุงรสแบบแกงกะทิสายบัวปลาทู ส่วนอีกตัวเป็นแกงส้ม โรยด้วยไข่ปลา มีผงสีน้ำตาลซึ่งทำด้วยปลาแมคเคอเรล ตัวนี้คำค่อนข้างเล็ก ปรุงรสออกมาได้เหมือนดี แต่ว่าเราไม่ค่อยชอบทานแกงไทยแบบเย็น เลยอาจทำให้ไม่ถูกใจมากนัก ชอบตรงที่แต่ละวัตถุดิบ มีที่มาจากแหล่งน้ำซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบชั้นยอดของประเทศไทย 3.Spicy coral ให้ความรู้สึกเหมือนนำปะการัง มาวางไว้บนแก้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของใต้ทะเล ตัวนี้ฟีลลิงเหมือนรับประทานแคบหมูแบบไทยๆกับครีมซอสรสเผ็ด หน้าตาสวยงาม รสชาติกลางๆพอให้นำไปสู่เมนูถัดไปได้เรื่อยๆ #APPETIZER# ถัดมาเป็นจานที่หนักกว่าจานแรกๆขึ้นมาอีกนิดหน่อย เป็นจานเรียกน้ำย่อยที่เริ่มมีเนื้อหนังให้เคี้ยวและคลายหิวได้ดีจากช่วงแรก ประกอบไปด้วยสามเมนู 1. TAKO PICASSO จานนี้ให้สิบเต็มไปเลย มาดูที่มาที่ไปกันก่อน TAKO หมายถึงปลาหมึก ในภาษาญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเมนูจากท้องทะเล เข้ากับธีมน้ำได้ดี ต่อมา Picasso ศิลปินอัจฉริยะชาวสเปน ซึ่งจานนี้ต้องการโชว์ว่าปลาหมึกทำตัวเป็นจิตรกร ฉีดพ่นหมึกสีดำลงทั่วบนจาน ซึ่งบนจานทำจากหมึกของปลากหมึกจริงๆ ตกแต่งสวยงามมาก เมนูนี้ปรุงแบบปลาส้มแบบไทย นำไป souvide จนปลาหมึกนุ่มมากๆ เคี้ยวง่าย ไม่เหนียวและคาวเลย ไส้ด้านในเป็นข้าวหมักผสมเกลือและกุ้ง รสชาติยอดเยี่ยม ไม่มีกลิ่นเลย รับประทานคู่กันคือยอดเยี่ยม เข้ากันได้ดี มีรสชาติเต็มๆคำ 2.E-Sarn Lakeside Amaebi shrimp แล่บางๆ ด้านบนเป็นส้มตำบีทรูท ติดรสขมเล็กน้อย แต่ก็มีความเปรี้ยว เพิ่มความสดชื่น เชฟที่นีชอบเสิร์ฟใบบัวบกในทุกเมนู อาจจะเพื่อเหตุผลด้านสุขภาพ ไม่ก็ความสวยงามในการตกแต่ง เรายังแซวกับทางร้านขำๆว่าทำไมใช้บ่อยมาก กลายเป็น signature ที่นอกเหนือจากพวกดอกไม้ทานได้สวยๆ ส่วนด้านข้างเป็นไข่นกกระทาแดงเค็มนำไปหมักและขูดเป็นฝอยๆ ให้รสชาติเค็มๆและมัน จานนี้เหมือนรับประทานเบาๆไม่มีรสสัมผัสมากนัก ไม่เหมาะกับคนไม่ชอบทานดิบ 3.Bitter honey ฟังก็รู้ว่าขมอมหวาน เมนูนี้ไม่เหมาะกับคนทานขมไม่เก่ง แต่ด้วยความที่มันมีรสชาติขมของสะเดา มันกลับมีความหวานของน้ำผึ้งมาช่วยตัด ให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่และสดชื่นดี เสิร์ฟมาใน portion เล็กๆ ให้ความรู้สึก เหมือนข้าวตอกกรอบๆที่มีความหวานของรวงผึ้ง รับประทานกับกานพลู ซึ่งมีความหอมแต่รสขม ตามด้วยสะเดาที่นำไปทำให้มีรสชาติหวานมากขึ้น เป็นรสชาติสลับซับซ้อนที่สดชื่นแปลกดี แต่อาจไม่เหมาะกับทุกคน ##SOUP/ SALAD## 1. LANNA LAKE เมนูนี้เอาใจไปสิบสิบสิบ เป็นเมนูที่ทุกคนยืนยันเป็นเสียงเดียวว่ารสชาติเยี่ยม เบสของตัวนี้เป็นซุปข้าวซอย แบบสไตล์เหนือๆ ผสมกับซุปฟักทอง ออกมาเป็นข้าวซอยฟักทอง โดยตัวเส้นไม่ได้ใช้แป้งตามปกติ แต่นำปลาหมึกมาซอยเป็นเส้นๆ ใช้แทน ซึ่งปลาหมึกเหนียวนุ่มรสชาติเยี่ยม ตัวซุปก็ข้นถูกใจมากๆ เสิร์ฟมาร้อนๆเทให้ดูตรงหน้า presentation งดงามโดนใจ ด้านบนมีกระเทียมดอง เอามาตัดเลี่ยน ถูกใจสุดๆ ด้านบน on top ด้วยวัตถุดิบคุณภาพดี seabass ,pork tenderloin เนื้อนุ่ม รสเยี่ยม 2. Kong Kang หรือโกงกาง มีที่มาจากอาจาดที่เรารับประทานคู่กับอาหารว่างหลายอย่างของไทย โดยใช้แอปเปิ้ลเขียวมาปรุงเป็นอาจาดแทน ตัวถั่วใช้พิชตาชิโอเคี้ยวง่าย รสชาติโอเค (ตัวนี้เหมือนน้ำตาลยังละลายไม่หมด มีส่วนของกรุบๆมาให้เคี่ยวเล่นอีกเล็กน้อย) รสชาติเปรี้ยวหวานสดชื่นมากๆตัวนี้ ##MAIN## ก่อนเสิร์ฟ ทางร้านให้เราล้างปากด้วยซอร์เบต์แตงโมสตรอเบอรี่ เปรี้ยวหวานสดชื่นแบบที่คาดหวัง main course ในเซ็ทนี้มาสามเมนูค่ะ ซึ่งโชคดีเราได้ลองทั้งสามเมนูเลย 1. Golden cliff ให้บรรยากาศของจาน เสนอในรูปแบบหน้าผาสีทอง ที่มองเห็นพระอาทิตย์กำลังตกดินลับขอบทะเล ตัวจานก็ตกแต่งให้ความรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ ปลา black cod ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับปลาหิมะ เนื้อขาวสวย cooked มาดีมากๆ หนังกรอบ เนื้อแน่นและหวานสด เสิร์ฟกับข้าวขมิ้น ที่เรียงเหมือนเป็นแสงสีทอง ตัวข้าวเรียงเม็ดสวย ไม่เค็มขัด แต่เมื่อรับประทานคู่กับ Mushroom black garlic jam ค่อนข้างผิดหวังเล็กน้อย หากไม่มีแจมตัวนี้อาจจะโอเคกว่า แจมค่อนข้างเค็มมาก แย่งซีนข้าวกับปลาไปเลย กลิ่นน้ำปลาค่อนข้างแรง 2.Eclipse ทางเชฟต้องการสื่อถึงสุริยคราส ช่วงเวลาที่ไม่เห็นแสงใดๆ จานจึงตกแต่งออกสีมืดทึบ เมนูนี้ประกอบด้วย Australian lamp ปรุงมาในระดับ medium rare ซึ่งเป็นระดับที่เชฟแนะนำว่ากำลังดี เสิร์ฟคู่ข้าวหุงน้ำอัญชัน ลาบมะเขือยาวและลูกเกด คลุกเคล้ากับเฟต้าชีสและซอสจากน้ำมันในเนื้อแกะ ค่อนข้างหอมและนุ่ม ตัวแกะ cooked มาได้พอดี เนื้อนุ่ม แต่มีกลิ่นสาปติดเล็กน้อย ไม่มากจนรับประทานยาก ข้าวสีสวยงามดี รับประทานกับเฟต้าชีสให้รสชาตินัวๆ มาตัดความเลี่ยนของตัวแกะกับซอส แถมช่วยชูรสกัน ตัวซอสทำมาเค็มเกินไปอีกแล้ว แต่ทานกับข้าว ก็ช่วยเบรครสเค็มพอได้ 3. Lavagyu สำหรับเมนูนี้ต้องบวกอีก 600 THB เป็นเมนูที่ใช้ชื่อตรงๆ คือลาวา มิกซ์กับวากิว ตัวซอสมีสีที่สลับซับซ้อนคล้ายกับลาวาที่ปะทุออกมา สวยงามมากเลยค่ะตอนเทลงไปบนเนื้อใหม่ๆ ซึ่งเนื้อที่ใช้ก็คือวากิวนั่นเอง เป็นส่วน Stip loin ด้านข้างเสิร์ฟกับลิ้นวัวและเอ็นแก้ว โดยทั้งหมดในจานมีเนื้อสามแบบ ตัวสเต็ก marinated ในน้ำต้มแซ่บบบไทย ระดับความสุกคือ medium rare ตามแบบที่เชฟแนะนำอีกแล้ว ที่เหลือคือลิ้นวัวและเอ็นแก้วซึ่งเสิร์ฟกับลาบผักชีฝรั่ง ทับทิมและเฟต้าชีส ซอสที่ใช้ทำเป็นลาวา ก็เป็นต้มแซ่บและกะทิ ผสมกับออกมาเป็นลาวาภูเขาไฟ ตัวร้อนปรุงออกมาได้ความสุกพอดีสุดๆ สีแดงตรงกลางอมชมพูดีงาม เนื้อนุ่มมาก ทานเปล่าๆคืออร่อย ซอสสีส้ันสวย แต่พอทานร่วมกัน เค็มมากค่ะ ต้องขอบอกว่าเมนูวันนี้รสเค็มจัดไปเล็กน้อย แถมตัวนี้ไม่มีข้าวแกล้มด้วย ส่วนลิ้นวัวกับเอ็นแก้ว รสชาติดี ละมุนลิ้นค่ะ (ส่วนตัว เคยมารับประทานที่นี่เองมาก่อน ก็ไม่พบว่ามีเมนูไหนเค็มนะคะ อาจจะเป็นความผิดพลาดของวันนี้ แต่เมนูอื่นๆในเซ็ทก็ไม่มีตัวไหนเค็ม ยกเว้น main course ซึ่งได้ feedback กับทางร้านแล้วค่ะ เราเชื่อแน่นอนว่าต้องดีขึ้น) ##COCKTAIL## ชอบความคงอยู่ในธีมของเมนูคอกเทลมาก โดยยึดหลักตามเมนูแม่น้ำเจ้าพระยาของไทย สีสายแม่น้ำมารวมตัวกัน กลายเป็นแมน้ำเจ้าพระยา " ปิง วัง ยม น่าน " ทางร้านใส่ใจรายละเอียดของแต่ละแม่น้ำ ว่าผ่านจังหวัดใดของประเทศไทยบ้าง และในจังหวัดนั้นๆ มีของดีอะไรเป็น highlight ทำให้ความน่าสนใจของแต่ละแก้วมันดูสนุกขึ้น เพราะได้ทราบที่มาที่ไป 1. ปิง ชอบตัวนี้เกือบที่สุด เมนูนี้เป็นน้ำลำไยผสมเหล้ามาลิบู ด้านล่างเป็นดรายไอซ์ใส่มะลิลอย หอมกลิ่นควันทะลิมากๆ มีการเสิร์ฟที่สวยงามและอลังการ เสิร์ฟคู่กับใบชะพลูที่มีลำไยแห้งรสหวานหอมอร่อย กับข้าวซอยตัดตามแบบภาคเหนือ มีความหอมเหล้ามะพร้าวและหวานสดชื่น (ตัวนี้หวานเด่น ไม่มีเปรี้ยว) 2. วัง น้ำลิ้นจี่กุหลาบสตรอเบอรี่ผสมกับสุราแสงโสม มิกซ์กันมาได้อย่างลงตัว ด้านบนเป็นโฟมไข่ขาว เหมือนรับประทานน้ำผลไม้เปรี้ยวอมหวาน ทานคู่กับน้ำอุทัยทิพย์ สีชมพูเช่นกัน จะมีการตัดรสชาติกันเบาๆ ส่วนตัวชอบแค่ตัวคอกเทล จริงๆไม่ต้องมีอุทัยทิพย์ก็ยังรู้สึกว่าอร่อยดี ตัวนี้กลิ่นแอลกอฮอล์ไม่แรงค่ะ 3.ยม น้ำส้มสีทอง ของดี จ.น่าน ผสมกับอัลมอนด์และ Tennessee Whiskey รวบรวมของดีตามแหล่งที่ไหลผ่าน ตัวนี้รสชาติแรงๆค่ะ กลิ่นแอลกอฮอล์พุ่ง อร่อยดีค่ะ แต่คนดื่มไม่เก่ง ไม่แนะนำนะ ตัวนี้เสิร์ฟกับฝอยทอง ส่วนตัวคิดว่าดื่มเปล่าๆดีกว่า ไม่ค่อยเข้ากัน ฝอยทองเฉยๆ หวานไปด้วยซ้ำ 4.น่าน เป็นเมนูที่ชอบมากที่สุดเลยในบรรดาคอกเทลเซ็ทนี้ ตัวนี้เด็ดในความซับซ้อนของรสชาติ มีส่วนประกอบความเปรี้ยวเค็มเผ็ด ใช่ค่ะ คอกเทลเค็มเผ็ด ฟังไม่ผิดหรอก เพราะมีส่วนผสมของเกลือสินเทา จากบ่อเกลือของจ.น่าน ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีถนนสวยงาม เคยไปมาครั้งหนึ่ง ค่อนข้างประทับใจ เกลือที่นี่จะเค็มตอนปลาย และไม่เค็มแหลม นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของพริกและมะนาว ใช้เหล้าแสงโสมเช่นกัน กับเหล้าอีกตัวหนึ่ง ซึ่งเราฟังไม่ทัน ผสมออกมาแล้วกลมกล่อมและดื่มได้เพลินๆ รับประทานคู่กับพริกอบแห้ง แปลกไปอีกแบบนึง 4 ตัวนี้ ดื่มเสร็จก็จะง่วงๆมึนๆแล้วหล่ะค่ะ มาปิดท้ายกันด้วยของหวานชิคๆ ##Dessert## กำลังจะปิดท้ายมื้อนี้อย่างสวยงาม ต้องบอกว่าขนมหวานของเซ็ทก็เป็นอีกตัวที่สร้างความประทับใจได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ด้วย presentation เจ๋งๆและสวยงามตื่นตาตื่นใจ แถมรสชาติใช้ได้และแปลกใหม่ 1. Blue plannet ตัวนี้ให้ความรู้สึกเหมือนโลกหรือแผ่นดินกำลังลอยอยู่ท่ามกลาง ocean สีฟ้าสวยงาม ตอนเสิร์ฟคืองดงามมาก โมจิไส้งาดำบดเคี้ยวหนึบ ด้านนอกเคลือบคล้ายๆไวท์ช็อคโกแลตที่ทำเป็นลายสีฟ้า คล้ายลูกโลก สวยมากเลย ด้านหลังมีครีมสดรสกลมกล่อมมากๆ อร่อยละมุน อยากทานอีกเรื่อยๆ โรยกับผง cinnamon nutmeg และตบท้ายด้วย egg nog อัญชันสีฟ้าสวยงามมากค่ะ ซดเพลินขั้นสุด ไม่อยากให้หมดเลย จานนี้ 2. Rose Iceberg เป็นผลไม้สดได้แก่เมล่อน แก้วมังกร โกจิเบอรี่ วางบนว่านหางจระเข้หรือ Aloe vera เนื้อใสๆละมุน ให้ความเย็นสดชื่น ราดกับซอสใสๆ vanila french rose ตอนเสิร์ฟจะมีควันพวยพุ่งเบาๆ ดูน่ารัก ตัวนี้เหมือนเป็นเมนูเบาๆ เพื่อให้ล้างปากและสบายท้อง ไม่หนักจนเกินไป **Price** ราคาเซ็ทที่แจ้งไปตอนแรก ยังไม่รวม VAT, service charge ค่ะ ราคาค่อนข้างสูง ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่ม แต่ถือว่าคุ้มค่าในบรรยากาศและเหมาะจะพาคนพิเศษมาอย่างมาก ในช่วงนี้มีโปรโมชัน voucher ราคา 1590 บาทต่อท่าน โดยเป็นเซ็ทเล็ก แต่ก็ได้ดื่มด่ำบรรยากาศดีๆเช่นกัน เพราะหลังรับประทานเสร็จ ยังมีอาหารตา เป็นห้องชมหิ่งห้อย และห้องศิลปะ "ธาตะวารี" ซึ่งมีงานภาพถ่ายและนิทรรศการศิลปะมาโชว์ผลงานเลิศๆให้เราชมอีกตบท้ายค่ำคืนที่สวยงาม สำหรับเดือนพฤษภาคม จะเริ่มธีมไฟ ปิดท้ายก่อนที่โครงการวังหิ่งห้อย จะพัฒนาไปในรูปแบบไหนอีกนั้น คงต้องรอชมกันไปเรื่อยๆค่ะ แต่ไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน... อ่านต่อ
3 Likes0 Comment
photo