3.9
56 เรตติ้ง (54 รีวิว)
ปิดอยู่จะเปิดในวันศุกร์ เวลา 11:00
C.A.M.P - Creative And Meeting Place MAYA
สาวเหนือเซาะกิ๋น*U*คาเฟ่ติวหนังสือเด็กเรียนนั่งแช่ 24 ชม.ที่ CAMP @ MAYA เชียงใหม่สาวเหนือกลับมารุงรังอีกรอบแล้วเน้อ รีวิวร้านนี่เหมือนเป็นร้าน To Fast To Sleep แถวสามย่านเมืองบางกอก ที่อิฉันบังเอิญได้ไปดูงาน (ขนาดนั้น!) เมื่อสองสามปีก่อน ซึ่งเป็นร้านคาเฟ่ 24 ชม. สำหรับเน้นกลุ่มนักเรียน คนทำงานชีวิตนกฮูก ที่กลางคืนไม่รู้จักหลับจักนอนรังตัวเอง ต้องถ่อสังขารมาติวหนังสือตอนดึกๆ ที่คาเฟ่ บ้างก็เป็นนกฮูกโดดเดี่ยว บ้างก็เป็นนกฮูกมาทั้งก๊ก บางทีเห็นนอนสลบคาโต๊ะไปเลยก็มี(กล้านอนในที่ที่ไม่ใช่ห้องหับตัวเองได้ยังไงนิ) แต่ร้านลักษณะนี่ได้รับความนิยมมากในขณะนั้น ชนิดหาโต๊ะนั่งไม่ได้เลย ใครใคร่อยากนั่งนานจนรากงอกแผ่กิ่งก้านใบก็ตามสบาย(ตราบใดที่ทั่นยังจ่ายค่าอาหารเกิน 100 แน่นอน) เรียกว่าเป็นร้านที่ช่วยตอบโจทย์แก้ปัญหานักเรียนชอบไปนั่งติวหนังสือ(หรือขายประกัน หรือสอนขาย MLM) ตามร้าน fastfood จนเป็นปัญหาระดับชาติมาแล้ว...ซึ่งปัญหาที่บางกอกเกิดฉันใด เชียงใหม่ก็เกิดฉันนั้น แต่ตอนนั้นยังแทบไม่มีร้านไหนกล้าทำ เพราะนั้นหมายความว่าต้องมีศักยภาพในการแบกค่าไฟบานแน่นอน เพราะเป็นร้านเปิด 24 ชม. แต่ในที่สุด กรุงเทพมีอะไร เชียงใหม่ก็ต้องมีบ้าง...กรุงเทพมี To Fast To Sleep เชียงใหม่ก็มีร้าน CAMP บนชั้น 5 ห้างสรรพสินค้า MAYA สี่แยกรินคำ ที่จะไปย่านนิมมานฯ นั้นแล สถานที่ตั้งของร้านคงหาไม่ยาก ก็คือห้างสรรพสินค้า MAYA (เมญ่า) ที่สี่แยกรินคำนั้นเลย ร้านอยู่บนชั้น 5 นั้นแล กดลิฟท์แก้วขึ้นมาโลด ร้าน CAMP เป็นร้านที่ก่อตั้งจากบริษัท AIS เพื่อให้เป็นแหล่งศูนย์รวมวัยรุ่นเด็กเรียนมาติวหนังสือ ทำการบ้าน ประชุม แถมกินข้าวในร้านเลยเสร็จสรรพ (แต่ถึงขั้นนอนไหมนี่ ไม่เคยไปร้านตอนดึกแฮะ เลยไม่ได้ไปสังเกตการณ์) กลุ่มรองลงมาก็เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย มาเช่าใช้ห้องประชุม นอกนั้นก็จะเป็นกลุ่มย่อยเช่นคนทำงาน ที่นี่มีทั้งอาหาร ปลั๊กไฟ wifi พร้อม นั่งกันจนรากงอกกันไปข้างนึง เปิดตลอด 24 ชม. ใครดูรีวิวรี่แล้วจะโลนไปร้านเลยก็ยังได้ ด้านนอกร้านฝั่งขวา ก็มีที่นั่งสำหรับรอได้ ไม่จำกัดว่าต้องเป็นลูกค้าของร้าน ก็จะมีคนมาดูหนังที่ SF บางคนหาที่นั่งไม่ได้บ้าง เข้ามาภายในร้าน จะเห็นการตกแต่งนั้นใช้วัสดุที่เป็นไม้ ตัดกับฉากพลาสติกสีดำ ทำให้เป็นการตกแต่งแบบผสมแบบธรรมชาติและโมเดิร์น เน้นด้านบนเพดานที่ไม่เล่นแท็คเจอร์สามเหลี่ยม ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ร้านเมืองนอก โซนที่นั่งด้านติดกระจก ก็เป็นเคาน์เตอร์บาร์เดี่ยว สำหรับลูกค้ามาคนเดียว มีปลั๊กคอมไว้เสียบเล่นโน๊ตบุคพร้อม ข้อเสียคือเป็นมุมติดกระจกทางเข้าหน้าร้าน คนย่อมเดินผ่านไปผ่านมา (แต่ถ้าท่านไม่สนใจสายตานั้นก็อีกเรื่อง) เก้าอี้และขนาดโต๊ะแคบ วางโน๊คบุคกับกาแฟยังพอได้ แต่ถ้าวางมากกว่านั้นต้องไปโต๊ะอื่นที่กว้างกว่าดีกว่า (ก็เข้าใจอยู่ว่าถ้าทำให้นั่งสบายเกินไป รากจะงอกเกิน) บริเวณด้านหน้าเป็นเคาน์เตอร์สั่งอาหาร ที่นี่ไม่ได้จำกัดราคาอาหารว่าคุณต้องสั่งราคาเท่าไหร่ขึ้นไป น้ำเปล่าขวดเดียวก็นั่งได้แล้ว วิธีสั่งอาหารก็คือ ไปสั่งที่เคาน์เตอร์ก่อนนั้นแหละค่ะ เมื่อสั่งอาหารและจ่ายตังค์แล้ว พนักงานจะให้สลิปพร้อมเบอร์รับอาหารมาด้วย ซึ่งถ้าอาหารเสร็จแล้ว จะมีเบอร์ปรากฎขึ้นบนหน้าจอมอมิเตอร์แบบนี้ และจะมีสลิปรหัส wifi ด้วย แต่ใช้เล่นได้แค่ 2 ชม./เมนู ก็ต้อง...มาซื้ออาหารเพิ่มเพื่อรับรหัสใหม่นะจ๊ะ (ตรงนี่แหละ ที่ป้องกันพวกซื้อแต่น้ำขวดอันเดียว แช่นั่งมันทั้งคืน...ยังไม่แน่ใจว่าตรงนี้ร้าน To Fast To Sleep มีระบบจัดการแบบนี้หรือยัง) ใครรอสั่งอาหาร ควรนั่งรอมารับไปเลยนะค่ะ เพราะที่นี่ไม่มีพนักงานไปเสิร์ฟถึงโต๊ะ จุดที่น่ารักอย่างนึงคือ จุดรับอาหาร(เฉพาะอาหารตามสั่ง ถ้าเครื่องดื่มรับที่หน้าเคาน์เตอร์จ่ายเงินเลย) ซึ่งอยู่ด้านในสุดใกล้เคาน์เตอร์สั่งอาหาร ทำเป็นผนังชั้นวางของ...แต่ให้สังเกตตรงป้ายสีดำด้านขวา จะมีช่องเล็กๆ ซ่อนอยู่ นั้นคือช่องส่งอาหาร ซึ่งด้านหลังเป็นครัวซ่อนอยู่นั่นเองค่ะ เป็นการออกแบบตกแต่งภายในที่ไอเดียเก๋มากๆ (ตอนแรกอิฉันเกือบหาไม่เจอว่าให้ไปรับอาหารที่ไหนหว่า 555) แต่บริเวณช่องนี่ จะไม่มีพนักงานมาดูแลรอลูกค้ามารับอาหารนะค่ะ วางแล้วก็วางเลย เพราะต้องรีบไปทำอาหารให้ลูกค้าท่านอื่นต่อ ดังนั้นใครสั่งอาหารไว้ ควรรอรับแล้วค่อยไปหาโต๊ะเลยจะดีกว่า ต้องรับผิดชอบอาหารของท่านเองด้วย (เช่นเดียวกับสัมภาระที่เอาของมาค่ะ ทางร้านจะไม่รับผิดชอบกรณีของถูกขโมยสูญหายนะค่ะ คุณต้องรับผิดชอบเอง เพราะขนาดความกว้างของร้านใหญ่มาก และไม่ต้องการให้พนักงานเดินไปรบกวนลูกค้าส่วนใหญ่ที่เน้นมานั่งทำงานมากกว่ามากินข้าว) ปกติบริเวณที่เหมาะในการรับประทานอาหารคือบริเวณใกล้เคาน์เตอร์สั่งอาหารนี่แหละค่ะ เป็นส่วน CANTEEN เพราะมีขนาดโต๊ะกว้างกว่า และความสูงอยู่ในระดับพอดีในการรับประทานอาหารได้สะดวก มากกว่าโต๊ะด้านในสุด ที่จะเน้นลูกค้านั่งทำงานกับเครื่องดื่ม...แต่ใครจะนำอาหารไปกินด้วย ก็ไม่ว่ากัน ห้องประชุมเป็นส่วนที่ไม่อนุญาตให้เข้าไปใช้ได้ ยกเว้นต้องสั่งอาหารตั้งแต่ราคารวมกัน 200 บาทขึ้นไป (รายละเอียดอื่นๆ สอบถามทางร้านเพิ่มเติมค่ะ) ห้องประชุมที่สุดยอดสุด จะเป็นชั้นล่างที่ติดกระจกชมวิวนี่แหละ ส่วนชั้นลอยจะไม่มีกระจกชมวิวแบบนี้จร้า ในกรณีหาโต๊ะไม่เจอ...มะเป็นไร เพราะมีเก้าอี้แบบนั่งเดี่ยว(ซ้าย) เป็นรูปสามเหลี่ยมมีเบาะดำอยู่รอบข้าง คล้ายแกนพีระมิด แถมมีเตาเสียบปลั๊กพร้อม เรียกว่าจะนั่งทำงานแบบเดี่ยวๆหันหลังชนกันก็ยังได้ เรียกว่าใช้พื้นที่และการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ได้คุ้มจริงๆ ชี้แจงก่อนว่า อิฉันไปกินมาสองวันนะค่ะ ไม่ได้ไปรีวิวทีเดียวแล้วสั่งหมด เมนูเบสิกแรกๆ ทานเล่นๆก็เฟรนฟรายส์ (60 บาท) อันนี้รสชาติก็ไม่ต่างกับเฟรนฟรายทั่วไป ต่างกันแค่ทอดมาร้อนๆ เนื้อแน่นแข็งไม่เหี่ยวคอพับคออ่อนเหมือนเฟรนฟรายร้านแฟรนไชส์ในห้าง(ห้างนี่มีเฟรนฟรายขายที่เดียวคือร้าน KFC งับ) ไม่มีมาทำเป็นสต็อกเยอะๆแบบร้านแฟรนไชส์ แถมใส่ตะกร้ามาอีก ปริมาณเยอะดีเลยนะ ราดหน้าหมู (65) บาท ไข่ดาว (10 บาท) ไข่ดาวน้ำมันเยิ้มไปหน่อย ส่วนราดหน้าน้ำไม่หนืดเหนียว เกือบใส ร้อนได้ที่(ร้อนชนิดฟองอากาศปุดๆเลย) เส้น ผักและเนื้อใช้ได้ รสชาติกลมกล่อม ไม่เค็มไม่จืดจนเกินไป ปริมาณโอเค แต่ก็ยังไม่เลิศขนาดชวนติดใจ ข้าวไข่พระอาทิตย์ (50 บาท) เห็นว่าเป็นเมนูเด่นแนะนำของที่นี่...มันเป็นข้าวสวยผสมไข่ แล้วเจียวออกมาเป็นข้าวไข่นี่แหละค่ะ แต่รสชาติ...จืดสนิทศิษย์ส่ายหน้ามากๆ ขนาดเอาซอสมะเขือเทศใส่ไม่ยั้ง ยังไม่ทำให้รสชาติอร่อยขึ้นมาเลย แถมกินไปมันเหมือนกินข้าวทอดชุบไข่มากกว่า...เมนูนี่ไม่ผ่านสำหรับอิฉันค่ะ ทนกินได้แค่ครึ่งจานเท่านั้น คิดว่าร้านควรเปลี่ยนเป็นข้าวไข่เจียวจะดีกว่าค่ะ เอาข้าวไปผสมไข่แล้วทอด มันบ่เวิร์ดอ่ะ และเพราะทนกินเมนูนี่ไม่ไหว มันบ่อิ่ม เลยยอมสั่ง สเต็กหมูคุโรบูตะซอสเห็ด (95 บาท) มากินล้างแค้น...พบว่า ล้างแค้นสำเร็จแระ ซอสเป็นซอสเห็ดแชมปิญอง ที่มีชิ้นเห็ดผสมด้วย ไม่ใช่แค่ปั่นๆเห็ดเป็นซอสอย่างเดียว รสชาติเผ็ดหอมนิดหน่อย ราดลงบนสเต็กหมูที่ทำร้อนๆ หนังเหนียวติดกระดูกไปนิด แต่ก็ย่างสุกได้ที่ รสชาติกลมกล่อมหายเฟลจากข้าวไข่ทอดได้ชะงักเลย...ถ้าเทียบเมนูข้าวทั้งหมด ให้ราดหน้ากับสเต็กนี่แหละค่ะ ลำสุดในร้านนี่แระ เมนูของหวานล้างปากเป็น ช็อกลาวา เสิร์ฟวิปปิ้งครีมกับไอศกรีมวานิลา อันนี้รสชาติอร่อยดี ช็อกลาวาทำร้อนๆ ตัดออกมาซอสช็อกโกแลตเยิ้มตามสูตร (แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะถ่ายแล้วไม่สวยตอนตัดชิ้นช็อกลาวา) เครื่องดื่มเป็น ไวท์ช็อกโกแลตโอรีโอ้ เฟรบเป้ (95 บาท) นอกจากปั่นโอรีโอ้ให้ละเอียดกับไวท์ช็อกโกแลตแล้ว ยังมีโอรีโอ้หนึ่งชิ้นโป๊ะหน้าให้อีก ปั่นละเอียดมีน้ำหน่อย ทำให้เนื้อเฟรบเป้ไม่แห้งมาก รสชาติหวานกลางๆ ที่สำคัญแก้วใหญ่สะใจดี ลองเปลี่ยนเป็นเครื่องดื่มผลไม้แบบหวานๆ อย่างลิ้นจี่เยลลี่ปั่น รสชาติหวานเปรี้ยวกำลังพอดี ปริมาณเยอะแต่น้ำน้อยกว่าไวท์ช็อกโกแลต แต่มีดีตรงมีเยลลี่รสเดียวกันอยู่ตรงก้นแก้ว สรุป ให้คะแนนอาหารที่นี่อยู่ในระดับกลางๆ คือกินได้บางเมนูค่ะ ตัวชูโรงคงเป็นที่เครื่องดื่ม เน้นตามประสากลุ่มคนที่เข้ามาติวหนังสือ ประชุม คนวัยเรียนและทำงาน จึงเน้นตัวเครื่องดื่มมากกว่าเน้นตัวอาหาร การบริการระดับดีค่ะ ก็คือเป็นคาเฟ่ของเหล่านกฮูกในร่างคนวัยเรียนวัยทำงาน... อ่านต่อ
0 Like0 Comment
photo