4.2
121 เรตติ้ง (91 รีวิว)
เปิดอยู่จนถึง 23:00
JIM THOMPSON,A THAI RESTAURANT Rama 1
ข้าวแช่ชาววัง
ใส่ความเป็นไทยลงไปในอาหาร ข้าวแช่สูตรชาววังที่ได้ลองแล้วต้องบอกเลยว่า "เยี่ยม" ช่วยดับร้อนได้ดีในช่วงหน้าร้อนช่วงเทศกาลสงกรานต์ในช่วงร้อนๆแบบนี้ อาหารที่ทุกคนนึกถึงเวลาอยากทานดับร้อนก็คงจะหนีไม่พ้นเมนูไอศครีมหรือน้ำแข็งไสกันใช่ครับ หลายๆคนอาจจะลืมนึกถึงไปว่ามีเมนูของคาวอยู่เมนูนึงเช่นกันที่ทานแล้วช่วยดับร้อนได้ดีเลย นั่นก็คือเมนู "ข้าวแช่" นั่นเองครับ วันนี้ผมได้รับเชิญจากทีมงานวงในให้มาร่วมงาน Workshop & Tasting ข้าวแช่สูตรชาววังของ Thompson Restaurant & Wine Bar ร้านอาหารสุดหรูที่มีความเป็นไทยโบราณสุดๆใน Jim Thompson ครับ ต้องขอบคุณทางวงในแล้วก็ทางร้านด้วยครับ หลายๆคนเวลาพูดถึงข้าวแช่อาจจะรู้จักกันแค่ว่าเป็นเมนูข้าวที่นำน้ำอบมาใส่แล้วก็ทานกับเครื่องเคียงที่เป็นของทอดๆกันเท่านั้นใช่ไหมครับ (ผมรู้แค่นี้จริงๆก่อนมาทาน!!) วันนี้มาทานที่ร้านได้ความรู้เรื่องข้าวแช่เยอะขึ้นมากเลยครับ ก่อนอื่นต้องท้าวความก่อนว่า ข้าวแช่ในบ้านเรานี่ได้รับวัฒนธรรมมาจากชาวมอญครับ ที่เค้าทำข้าวแช่เพื่อถวายเทพีสงกรานต์ในช่วงฤดูร้อน เพราะเค้าเชื่อว่าเป็นวันที่เทพเจ้ากลับสู่สวงสวรรค์ โดยที่ชาวมอญนั้นเรียกข้าวแช่ว่า "เปิงดาร์ค" (คุณหยก ที่มีเชื้อสายพม่าเลยไม่เข้าใจคำนี้ ทีแรกผมนึกว่าเป็นมอญ ฮ่าๆ) แต่ก่อนข้าวแช่ในประเทศไทยนั้นจะทานกันเฉพาะในวังครับ เพราะในสมัยก่อนนั้นเค้าจะทำถวายรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 เท่านั้น หลังจากนั้นคนในวังที่เป็นคนทำข้าวแช่นั้นก็สืบทอดเมนูนี้กันต่อมารุ่นสู่รุ่นต่อมาจนเหลือเป็นข้าวแช่ให้เราได้ทานกันในยุคปัจจุบันนี้ครับ วันนี้สารภาพเลยว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ทานข้าวแช่ครับ รสชาติของข้าวแช่ของทางร้านนั้นอร่อยมาก ใช้วัตถุดิบที่ดีมาก ดูรู้เลยว่าพิถีพิถันในการทำมากๆ คุณภาพที่ออกมาจึงนอกจากจะมีรสชาติที่ดีแล้วยังให้คุณประโยชน์อีกด้วยครับ วันนี้ต้องขอบคุณทางร้านอีกครั้งจริงๆที่ยังคงสืบสานเมนูนี้ให้คนรุ่นหลังๆได้ทานกัน อร่อยประทับใจมากจริงๆครับ [การเดินทาง] ร้านนี้ตั้งอยู่ในพิพิธภัณท์บ้านจิม ทอมป์สัน ตรงสนามกีฬาแห่งชาติครับ ร้านนี้เดินทางได้ง่ายๆสะดวกสบายครับ ไม่ว่าจะขับรถมาเองก็สามารถนำรถเข้ามาจอดในพิพิธภัณท์ได้เลย หรือว่าจะนั่งรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีสนามกีฬาแห่งชาติแล้วเดินเข้ามาก็ได้ หน้าปากซอยนั้นมีรถ Free Shuttle Bus Service ให้บริการอยู่ทุกๆ 15 นาที เข้ามาส่งให้ถึงด้านในซอยเลยครับ [บรรยากาศ/การบริการ] ร้านนี้เป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในพิพิธภัณท์ที่มีความเป็นไทยสูงมากๆ บรรยากาศในร้านจึงตกแต่งได้ไทยมากๆด้วยเช่นกันครับ ความจริงรู้สึกได้ถึงความเป็นไทยตั้งแต่เข้ามาในโซนพิพิธภัณท์แล้ว แน่นอนว่าลูกค้าคือทาร์เกตฝรั่งทีมาเที่ยวบ้านเราแน่ๆ ร้านนี้ผมดูบรรยากาศแล้วค่อนข้างกว้างขวางครับ สวยงามน่านั่งครับ พนักงานในร้านแต่งตัวชุดไทยสวยงามทุกท่านครับ การบริการของทางพนักงานที่มาบริการพวกผมนั้นก็ทำได้ดีเลยครับ มารยาทงามอย่างไทยแท้ทุกคน เชื่อว่าถ้ามาทานกับทางร้านโดยตรงนั้นการบริการก็น่าจะดีเยี่ยมไม่แพ้กันเช่นกัน [รสชาติอาหาร/ความคุ้มค่า] กลับมาว่ากันเรื่องข้าวแช่กันต่อครับ หลายๆคนอาจจะเคยทานข้าวแช่มาแล้วจากหลายๆที่ แต่ความแตกต่างของข้าวแช่ของทางร้านนี้ที่เป็นจุดเด่นเลยก็คือ - ข้าวแช่ของทางร้านมีสองสีครับ คือแบบธรรมดาและอัญชัน ทางร้านใช้ข้าวหอมมะลิ 100% โดยที่ข้าวหอมมะลิของทางร้านนั้นป็นข้าวหอมมะลิที่ดีที่สุดในโลกจากทุ่งกุลารองไห้ในประเทศไทยเรานั่นเองครับ เพราะพื้นดินบนทุ่งกุลาร้องไห้นั้นเพราะหน้าดินนั้นจะมีผิวเกลืออยู่ด้วย ในดินนั้นก็เป็นดินเหนียวที่มีเกลือแกลงอยู่ด้วย สภาพจึงเหมาะแก่การปลูกข้าว ข้าวที่ออกมาจึงดีมีคุณภาพและรสชาติอร่อยครับ - ทางร้านนำมาซาวข้าวถึง 7 ครั้งด้วยน้ำบริสุทธิ์เพื่อล้างยางข้าวออก โดยที่การซาวน้ำถึง 7 ครั้งเนี่ยทำให้ข้าวนั้นขาวขึ้น หุงแล้วน่าทานมากขึ้น - ทางร้านจะหุงข้าวให้สุกในระดับนึงครับ (คือยังไม่ใช่ในระดับที่พร้อมทานได้เลย) โดยที่ทางร้านจะเทน้ำออกแล้วนำข้าวนั้นไปห่อผ้าขาวบาง แล้วก็นึ่งต่อเพื่อให้ข้าวสุก โดยที่ข้าวอัญชันนั้นก็จะใส่สารธรรมชาติเท่านั้นลงไปในขั้นตอนการนึ่งครับ - น้ำอบที่ทางร้านนำมาใช้นั้น เป็นน้ำลอยดอกมะลิที่เก็บมาตอนรุ่งเช้าเท่านั้น ทางร้านจะใช้น้ำต้มสุกแล้วปล่อยให้เย็น หลังจากนั้นจะใส่ดอกมะลิแล้วก็ลอยอบควันเทียนทิ้งไว้คืนนึงเพื่อให้มีกลิ่นหอมอบอวลครับ ข้าวแช่ของทางร้านนั้นจะเสิร์ฟมาให้ทานพร้อมกับเครื่องเคียงมากมาย ดังต่อไปนี้ครับ 1) ลูกกะปิ - ลูกกะปิของทางร้านนั้นพิเศษตรงที่ใช้ปลาสองชนิดครับ คือปลาช่อนนึ่งกับปลาดุกย่างมาผสมกัน (ร้านอื่นจะใช้ปลาชนิดเดียว) ส่วนเนื้อกะปินั้นใช้จากระยองเป็นกะปิที่มีรางวัลการันตีจากระยองเลยว่าดีที่สุดแล้ว รสชาติโดยรวมจึงออกมาอร่อยมากๆครับ 2) พริกหยวกสอดไส้กุ้งและไก่สับ ห่อมาด้วยไข่ม้วนอีกชั้นนึง - รสชาติอร่อยเลยครับ หอมพริกหยวก เผ็ดนิดๆ ไข่ของทางร้านนั้นเป็นไข่ที่ผ่านการกรองมาอย่างดีครับ 3) หัวหอมสอดไส้ปลาแห้ง - ทางร้านใช้เนื้อปลาแดดเดียวคุณภาพดี อร่อยมากครับ รสชาติจะออกเค็มๆนิดๆ 4) ไก่สับผสมเนื้อปลาเค็มทอด - เนื้อไก่กับปลาเค็มเข้ากันได้ดีมากครับ อร่อยแบบเค็มๆนิดๆอีกแล้ว 5) หมูฝอยหวาน - สำหรับคนไม่ทานหมูก็สามารถขอเปลี่ยนเป็นเนื้อเค็มได้ครับ 6) หัวไชโป๊วผัดหวาน - ทางร้านใช้หัวผักกาดที่ดีที่สุดมาทำครับ โดยจะนำไปผัดกับไข่และใส่น้ำผึ้งจากสุรินทร์แทนน้ำตาล อร่อยแตกต่างจากร้านอื่นมากจริงๆครับ 6) ผักสมุนไพร - ประกอบด้วย แตงกวา แครอท กระชาย มะม่วงดิบ ดอกพริก ผักปรัง ทุกอย่างถูกแกะสลักมาสวยงามทานได้ทันทีครับ วิธีการทานข้าวแช่เนี่ยทางเชฟบอกว่าให้ทานเครื่องเคียงแต่ละอย่างเข้าไปเพื่อรับรู้รสชาติก่อนที่จะทานข้าวแช่ครับ เครื่องเคียงทุกเมนูจึงมีรสชาติค่อนข้างจัด (เค็มนำ หวานนำ) เพราะรสชาติของข้าวนั้นจะช่วยมาดับรสตรงนี้ให้อ่อนลง ทางเชฟบอกว่าการใส่เครื่องเคียงลงไปในข้าวแช่นั้นเป็นการทานที่ผิดนะครับ ทางร้านเสิร์ฟข้าวแช่มาให้ผมเป็นเซตสวยงาม ก่อนทานก็แค่เติมน้ำอบลงไปในข้าวแช่แล้วก็เริ่มทานได้เลย รสชาติโดยรวมแล้ววันนี้ผมชอบมากครับ ทานแล้วรู้สึกได้ถึงความยอดเยี่ยมของวัตถุดิบจริงๆ ข้าวแช่รสชาติดี ผมอาจจะไม่ชอบรสชาติน้ำอบควันเทียนสักเท่าไร แต่ว่าก็ถือว่าทานกับเครื่องเคียงได้เข้ากันดีครับ นอกจากนี้แล้วทางร้านยังมีของหวานปิดท้ายด้วยมะม่วงลอยแก้ว ที่เป็นมะม่วงสไลด์เสิร์ฟมาในน้ำเชื่อมและน้ำแข็งไส รสชาติหวานอร่อย มะม่วงกรอบ ชอบมากๆเช่นกันครับ วันนี้ทางวงในและทางร้านยังมีกิจกรรมให้สมาชิกวงในได้ลองทำเมนูไข่ม้วนเพื่อนำไปห่อพริกหยวกสอดไส้อีกด้วย ทำไม่ยากเลยครับมีเชฟมาสอนให้ทำดูทุกขั้นตอน ทุกคนดูสนุกสนานในการทำมาก แล้วก็มีการเอาไปเปรียบเทียบกับของเชฟอีกด้วย ซึ่งหน้าตาบอกเลยว่าแค่เห็นก็รู้ว่าอันไหนเชฟทำอันไหนเราทำเอง ฮ่าๆ หน้าร้อนแบบนี้ใครที่สนใจเมนูนี้สามารถมาทานได้เลยที่ร้านครับตลอดช่วงเดือนเมษายนนี้เลย ทั้งเซตที่ผมได้ทานวันนี้นั้นราคาอยู่ที่ 320 บาทเท่านั้นเอง ถือว่าไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับคุณภาพและความอร่อยของมัน ใครที่สะดวกมาทานก็สามารถทานได้ที่ Jim Thompson ทั้งสองสาขาครับ แต่ถ้าใครไม่สะดวกมาลองแวะ Central Food Hall ที่ชั้น G เซ็นทรัลชิดลมช่วงวันที่ 8-21 เมษายนนี้ก็ได้ครับ ทางร้านจะไปเปิดขายแบบ take away นำกลับมาทานได้ที่บ้าน ซึ่งก็อร่อยไม่แพ้กันอย่างแน่นอน ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ... อ่านต่อ
66 Likes0 Comment
photo