4.4
66 เรตติ้ง (34 รีวิว)
ปิดอยู่จะเปิดในเวลา 11:30
Baan Nakatani สุขุมวิท
ร้านเนื้อวากิวเทพๆที่สายเนื้อควรมาลองสวัสดีครับทุกคน หลังจากไปสิงตามกลุ่มตามเพจต่าง ๆ จนในที่สุดได้รู้จักร้านบุฟเฟต์เนื้อลับ ๆ ร้านหนึ่งที่สายเนื้อหลาย ๆ คนบอกว่าดีจนอยากจะขอไปลองซักครั้งเลยเป็นที่มาของรีวิวนี้ครับ ส่วนร้านอะไรแล้วมันลับยังไงตามมาชมกัน ก่อนอื่นต้องบอกว่าร้านนี้ไม่ใช่ร้านปิ้งย่างหรือชาบูแต่ขอเรียกว่าร้านเนื้อวากิวเพราะเค้าทำเมนูจากเนื้อสารพัดเมนูไม่ว่าจะเป็นยากินิกุ ชาบูชาบู สุกียากี้ สเต๊ก แฮมเบอร์เกอร์ สตูว์ แกงกะหรี่ เรียกว่าแทบทุกเมนูเนื้อเลยครับ เอาละเข้าเรื่องกันเลยเดี๋ยวจะยืดยาว ร้านที่เราพูดถึงวันนี้ก็คือ Baan Nakatani หรือบ้านนากาทานิ หลาย ๆ คนน่าจะไม่รู้จักหรือคุ้นชื่อส่วนนึงเพราะร้านไม่ใช่ร้านในกระแสแถมทำเลที่ตั้งก็หายากนิดนึงแต่เชื่อเถอะหากมาทานไม่ผิดหวัง ร้านจะตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 11 เข้ามาจนสุดซอยเลยครับหากขับรถมาต้องดูด้านข้างดี ๆ จะมีป้ายเล็ก ๆ ติดไว้ เลี้ยวเข้ามาอาจจะงง ๆ เพราะดูเหมือนบ้านคนมากกว่าร้านอาหาร (ฮ่า) ในร้านก็เป็นบ้านที่ดัดแปลงมาเป็นร้านอาหารครับ พอมาถึงพนักงานก็จะพาไปที่โต๊ะของเรา พร้อมนำเมนูมาให้ดูและแนะนำว่ามีอะไรบ้าง โดยที่ร้านก็ตามที่แจ้งครับมีสารพัดเมนูที่ทำจากเนื้อและทีเด็ดคงหนีไม่พ้นเนื้อมัตสึซากะ A4-A5 ที่เรียกได้ว่าเป็นเนื้อที่ดีระดับท็อป ๆ ของโลก ซึ่งราคาก็จะเปลี่ยนไปตามเกรดของเนื้อ สำหรับวันนี้เรามาทานเป็นบุฟเฟต์ครับโดยจะเป็นโปรโมชั่นของทางร้านมี 6 เรทราคาได้แก่ 999 (ส่วนเนื้อแดง) 1,380 (A1) 1,680 (A2) 1,980 (A3) 2,980 (A4) และ 3,500 (A5) ราคาไม่รวมเครื่องดื่ม สำหรับตรงนี้หากใครอยากรู้หรือไม่แน่ใจว่าเนื้อแต่ละแบบต่างกันอย่างไรสามารถขอให้พนักงานนำตัวอย่างเนื้อมาให้ดูได้ครับ ทำให้เราได้เห็นก่อนตัดสินใจว่าต้องการแบบไหน โดยวันนี้เราได้เลือกทานในราคา 1,680 บาทครับ สำหรับบุฟเฟต์เราสามารถเลือกว่าจะรับประทานแบบไหน โดยจะเลือกได้ 2 จาก 3 รายการนั่นคือปิ้งย่างยากินิกุ สุกียากี้ และชาบู ชาบู ส่วนผมของเลือกยากินิกุกับชาบู ชาบูเพราะชอบซดน้ำซุปครับ นอกจากเนื้อแล้วทางร้านยังมีอาหารว่างเรียกน้ำย่อยให้ทานก่อนเช่นสลัด ไส้กรอก แฮมพันแตงกวา (แอดชอบอันนี้แฮะ) ซักพักพนักงานก็นำเอาน้ำจิ้มต่าง ๆ และเนื้อมาเสิร์ฟพร้อมหม้อชาบูและเตามาตั้งและจัดการใส่ผักให้เราเป็นอันพร้อมทาน สำหรับชาบู ชาบูนั้นจะใช้เนื้อสไลด์บางทานกับซอสงาและซอสพอนสึ ในส่วนยากินิกุเนื้อจะหั่นมาหนากว่ามี 2 แบบคือหมักซอสกับเนื้อเปล่า ๆ และมีน้ำจิ้มของตัวเองต่างหาก (ในกรณีสุกียากี้จะเป็นไข่ดิบ) ตอนที่เนื้อมาเสิร์พพอเห็นลายแล้วใจสั่นเลยครับขนาดแค่ A2 แต่ลายเนื้อสวยงามมากที่สำคัญคือกลิ่นของเนื้อนั้นหอมชัดเจน ไม่รอช้าเอาเนื้อขึ้นย่างบนเตาเสียงของมันในเนื้อพอโดนความร้อนดังซู่ ๆ เลยครับ (ฮ่า) ย่างให้พอสุกได้ทีลองทานคำแรกแบบไม่จิ้มอะไรเลยก็สัมผัสรสและกลิ่นของเนื้อที่ดีมาก ๆ เรียกว่าดีกว่าหลาย ๆ ที่เคยทานมาแบบต่างมาก ๆ ต่อมาลองทานเนื้อหมักดูบ้าง เรียนตามตรงว่าปรกติผมเป็นคนไม่ชอบทานเนื้อหมัก แต่พอได้ทานของที่นี่ถือว่าประทับใจมากน้ำซอสรสดีเนื้อย่างแล้วทานแบบไม่จิ้มซอสยังอร่อย หลังจากทานยากินิกุไปแล้วขอลองชาบูบ้างลองเอาเนื้อสไลด์ไปจุ่มในน้ำแค่พอสุกมาทาน เพียงแค่ใส่ปากก็ได้รสและกลิ่นเนื้อที่หอมละมุน ตัวเนื้อแทบละลายในปากโดยที่ไม่ต้องเคี้ยว (ไม่อยากคิดว่า A5 จะดีแค่ไหน) ไม่ว่าจะเป็นยากินิกุหรือชาบู ชาบูก็ต้องบอกว่าสุโค่ยยยยยยยมาก ๆ ครับ นอกจากเรื่องอาหารที่อร่อยแล้ว การบริการที่นี่ก็ดีเยี่ยมไม่แพ้กันพนักงานคอยดูแลตักฟองในหม้อชาบู เปลี่ยนตะแกรงให้ตลอดโดยไม่ต้องเสียเวลาเรียก พอของจะหมดพนักงานจะคอยมาถามว่าจะเพิ่มอะไรไหม ตัวเราก็กินอย่างเดียวสบาย ๆ ที่สำคัญบุฟเฟต์ไม่จำกัดเวลาอีกด้วย หากจะมีข้อเสียสำหรับบางท่าน (แต่สำหรับผมไม่นับว่าเป็นข้อเสีย) ก็คงจะเป็นอาหารในบุฟเฟต์ที่อาจจะไม่หลากหลาย แต่ถ้าคุณเป็นสายเนื้อตัวจริงก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด เป็นอันจบเรียบร้อยสำหรับอาหารมื้อนี้ ราคาอาจจะดูแรงแต่สิ่งที่คุณได้รับถือว่าคุ้มค่าครับ นอกจากบุฟเฟต์แล้วทางร้านยังมีบริการเมนูอลาคาร์ทอีกด้วยเผื่อใครไม่ได้ทานเยอะ มาถึงตรงนี้ก็ต้องบอกว่าใครที่เป็นสายเนื้อแล้วไม่อยากให้พลาดร้านนี้ครับ ของเค้าดีจริง... อ่านต่อ
0 Like0 Comment
photo