4.1
166 เรตติ้ง (133 รีวิว)
ปิดอยู่จะเปิดในเวลา 06:00
Scalini โรงแรมฮิลตัน สุขุมวิท กรุงเทพฯ
เมนูพิเศษวันคริสต์มาส จุกจริง แต่ไม่ประทับใจเนื่องในโอกาสวันพิเศษอย่างวันคริสต์มาสทั้งที ก็ต้องเลือกร้านอาหารดีๆ สักวันดูบ้าง โดยปีนี้ได้ voucher มาจากทางวงในของร้าน Scalini ถึง 1000 บาท ก็เลยลองจะไปทานร้านนี้ดู ซึ่งในวันคริสต์มาสเอง ทางห้องอาหารก็มีจัดโปรโมชั่นชุด Christmas Dinner ในราคา 4590 บาท แต่ลดเหลือเพียง 3765 บาท สำหรับ 2 ท่าน เพียงแต่ว่าหากมาทานมากกว่านั้นก็น่าจะได้เช่นกันครับ โดยแนะนำว่าน่าจะต้องถึง 4 ท่านด้วยกันถึงจะทานหมดครับ โดยในชุดนี้ยังไม่รวมเครื่องดื่ม ซึ่งจะคิดเป็นบุฟเฟ่เครื่องดื่มรายหัวตั้งแต่ 299 จนถึง 1699 All you can Drink ครับ สำหรับตำแหน่งร้านอยู่ในโรงแรม Hilton Sukhumwit ซอยสุขุมวิท 24 ข้างเอ็มโพเรียมเลยครับ ตัวห้องอาหารจะอยู่ที่ชั้น 2 สามารถเดินเข้ามาจากด้านหน้าของโรงแรมได้เลย หรือจะขับรถมาจอดที่ชั้นใต้ดินของโรงแรมก็ได้เช่นกัน แต่อาจจะไม่เหมาะกับรถคันใหญ่สักเท่าไร ด้วยช่องทางขาเข้าที่ค่อนข้างแคบพอสมควรเลยทีเดียว ตัวร้านในวันนี้จะพิเศษหน่อยตรงที่มีตกแต่งเป็นธีมคริสต์มาสพร้อมกับมุมถ่ายรูปที่เยอะมากๆ เช่นกัน เหมาะกับการเฉลิมฉลองกับเพื่อนฝูงหรือครอบครัวทั้งหมดครับ เริ่มต้นด้วยเซ็ต Greeting ที่จะมีอยู่ด้วยกัน 3 เมนูย่อยๆ เป็นลักษณะ Sharing ครับ - Fresh Baked house made Focacia ขนมปัง Appetizer ใน 4 รูปแบบ ทั้งวงกลม รูปถุงเท้า หมวกสามเหลี่ยม และแบบถักเปีย เสิร์ฟพร้อมกับซัลซ่าและเพรสโต้ แต่เหมือนจะลืมให้น้ำมันมะกอกมาและมีขนมปังบางชิ้นเป็นแบบแข็งครับ โดยรวมก็ถือว่าใช้ได้ครับ แต่ไม่ควรทานเยอะจนเกินไปครับ - Amuse-buche เป็นหอยนางรม Fine de Claire ที่เติมโปรเซคโก้ที่ทำออกมาเป็นโฟมและท็อปด้วยคาร์เวียร์ และไข่ปลาแซลมอน รู้สึกอย่างนึงว่าตัวหอยมันหายไปไหนหรือหอยตัวเล็กก็ไม่แน่ใจ แต่พอชิมแล้วยังมีความเป็นหอยนางรมที่ไม่คาวมากครับ และยังมีความอูมามิจากไข่ปลาทั้งสองด้วยครับ - Antipasto เป็นเซ็ต Sharing ที่มีความหลากหลายมากที่สุด ตั้งแต่ Cold Cut sหรือ Italian antipasto และชีสถึง 3 ชิ้นที่มีบลูชีสเป็น 1 ในนั้น, Aranci con ragu ที่หน้าตาเหมือนชีสบอลที่เรารู้จัก แต่ให้ความกรอบที่ละมุนรวมทั้งไส้ด้านในที่ออกนิ่มๆ แต่มีรสชาติที่ดีเช่นกัน ยังมีหมึกย่างที่เสิร์ฟมาในถ้วย มีความนุ่มโดยรู้สึกได้ถึงความสดใหม่ที่หาไม่ได้จากที่อื่น สุดท้ายที่นำไก่งวงมาทำเป็น Roulade ชิ้นเล็กๆ เสิร์ฟพร้อมกับผักและบีบมะนาวก่อนทาน เนื้อนุ่มมากและได้ความเฟรชๆ จากซอสศรีราชาผสมกับน้ำผึ้งที่ซ่อนอยู่ใน Roulade อีกทีครับ จริงๆ แค่เซ็ตนี้ก็อิ่มมากแล้วครับ ชุดที่สองเป็น Zuppa หรือ ซุปนั้นเอง มีด้วยกัน 2 เมนูคือ - Roasted wild mushroom soup ซุปที่ดูเหมือนเบาๆ แต่จริงๆ หนักมาก รสชาติและกลิ่นเห็ดทรัฟเฟิลเด่นที่สุดในจาน มีความครีมมี่มากกว่าอีกจาน รวมทั้งเลี่ยนก็หนักเช่นกัน มีเห็ดค่อนข้างหลายตัวเลยทีเดียว รสชาติก็หนักเค็มมากจากตัวเนยที่ใส่เข้าไปครับ แต่สิ่งที่ชอบคือขนมปังที่ใส่เข้ามา นุ่มและเข้ากับซุปมากๆ ครับ - Creamy rustic lobster bisque ซุปเปลือกกุ้งล็อบสเตอร์ใส่เนื้อกุ้งนิดหน่อย เสิร์ฟมาในชามใบโต กลิ่นและรสทำออกมาได้ดี มีความเป็นกลิ่นเปลือกกุ้งที่ผ่านการเผามาสูงมากๆ แต่ก็ไมได้รู้สึกเหม็นแต่อย่างใด รสชาติออกครีมมี่ผสมกับสมุนไพรเพื่อดับกลิ่นคาวได้ดี ติดเค็มพอสมควรครับ และมาถึงจานหลักที่แม้จะเป็น Sharing แต่มีอยู่ด้วยกันถึง 3 เมนูแบบจุกๆ - Bistecca (500 grams) ทางร้านใช้เนื้อออสเตรเลียส่วนซี่โครงที่ผ่านการ Dryed Aged ถึง 270 วัน ผ่านการย่างบนเตาไฟ เสิร์ฟพร้อมกับสลัดผักใส่บัลซามิก ซอสเกรวี่และมัสสตาร์ดสด ยังมีมะเขือเผาทานตัดเลี่ยนเช่นกัน เนื้อมีความเหนียวพอสมควรเลย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเสิร์ฟตอนที่ยังร้อนๆ และเนื้อยังดูดน้ำกลับเข้าไปไม่เต็มที่ถึงแม้จะดู Medium Rare มากก็ตาม และอีกส่วนหนึ่งหั่นหนาเกินไปและไม่ได้ตัดส่วนพังผืดออกครับ อันนี้แอบเสียดายเพราะหน้าตาดูแพงสุดในมื้อนี้เลย - Wild Cod Fish ปลาค็อดแปซิฟิกหรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อปลาหิมะ ผ่านการ Poach กับใบโรสแมรี่และกระเทียมและ infuse oil ทานคู่กับผักโขม ฟักทองย่าง และหอยแมลงภู่ จานนี้ตกแต่งได้น่าทานมากๆ ดูมีสีสันที่สุดในวันนี้ครับ เนื้อปลาดี มีความหอม ไม่แห้งและยังรู้สึกได้ถึงไขมันปลาที่แทรกอยู่ในเนื้อ หนังทำออกมาได้กรอบกำลังดี ผักก็ทานตัดเลี่ยนได้เช่นกัน และหอยเป็นเพียงอย่างเดียวที่ไม่ได้ชิมเนื่องจากเริ่มอิ่ม - BBQ Magret De Canard เป็นริซอตโต้ที่ผัดกับเห็ดทรัฟเฟิล, scamorza cheese, บัลซามิก ท๊อปด้วยอกเป็ดซูวีแบบเนื้อยังมีความแดงๆ อยู่ และสตรอเบอร์รี่ที่ผ่านการเชื่อมหวาน รสชาติดี ตัวริซอตโต้กลิ่นหอมมาก ข้าวสุกแบบ al dente กรุบๆ มันๆ เนื้อเป็ดค่อนข้างดี ถึงแม้จะเหนียวนิดๆ ก็ตาม และสตรอเบอรี่สำหรับตัดเลี่ยนซึ่งออกหวานๆเปรี้ยวๆ เช่นกัน และปิดท้ายด้วยขนมหวาน ซึ่งมีให้เลือก 3 เมนู แต่เราจะได้เลือกได้เพียง 2 อย่าง ก็จะมี - Celebration จะเป็นมูสที่ทำจากถั่วพิสตาชิโอและมีเชอร์รี่ซ่อนอยู่อีกที และช็อกโกแลตเพื่อทานตัดเลี่ยนกัน โดยเสิร์ฟมาเป็นแก้วแบบคว่ำเพื่อทดสอบว่าเซ็ตตัวจริงๆ และด้านนอกมีวิปปิ้งครีม สตรอเบอร์รี่และวอลนัทเพื่อทานตัดเลี่ยนกัน ส่วนตัวชอบมูสเพราะรู้สึกมันๆ และไม่หวานดีครับ รวมทั้งของตกแต่งต่างๆเอง ก็สามารถทานได้และตัดเลี่ยนกันและกันได้ดีทีเดียว - Gelato โดยเลือกเป็นไอศกรีมวานิลลาที่เสิร์ฟมาบนถาด Dry ice เพื่อความสวยงาม มีผลไม้ไว้ให้ทานตัดเลี่ยนและมีซิการ์ที่ด้านในสอดไส้ครีมยูซุ ตัดความขมขอช็อกโกแลตได้เป็นอย่างดี เรื่องขนมหวานไว้ใจร้านนี้ได้ครับ รสชาติอาหารโดยรวม ถ้าเป็นจานรองๆ ทำออกมาได้ดีเกือบทั้งหมดครับ แต่จานหลักไม่ประทับใจโดยเฉพาะตัวเนื้อ Dry Aged ครับ ซึ่งอาจจะต้องไปปรับปรุงการย่างให้ดีกว่านี้อีกพอสมควรครับ ส่วนการบริการอาจจะล่าช้าพอสมควร ถึงแม้ว่าแขกที่มาทานที่ร้านจะไม่เยอะก็ตาม ส่วนบรรยากาศดี เพียงแต่ที่นั่งติดกับกระจกจะมีการติดไฟสีเหลืองไว้ด้วยครับ ทำให้ถ่ายรูปอาหารออกมาแล้วสีเหลืองไปหมดครับ ส่วน Voucher ที่ได้จากวงใน ก็ใช้จ่ายกับส่วนของค่าเครื่องดื่มไปจนหมดครับ 💚 สามารถตามติดชีวิตการกินของเป็ดน้อยต่อได้ที่ 💚 👇🏻👇🏻 🍭Fan Page : https://www.facebook.com/PednoiiPakin 🍭IG : PednoiiPakin || pednoii_ahha *กรณีต้องการนำรูปไปใช้งานให้ขออนุญาตและให้เครดิตทุกครั้ง มิฉะนั้นจะถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์และแจ้งความทุกกรณี... อ่านต่อ
4 Likes0 Comment
photo