4.0
100 เรตติ้ง (81 รีวิว)
ปิดอยู่จะเปิดในเวลา 11:30
Tsu Japanese Restaurant โรงแรม เจ ดับลิว แมริออท
อีกหนึ่งร้านอาหารญี่ปุ่นในรร.ที่สุดยอดเพราะเชฟเลยค่ะมาทำรีวิวนี้แบบงงๆ เพราะจำได้ว่าทำไปแล้ว แต่ไหงรีวิวหาย ให้น้องตูนเช็คให้ก็บอกว่า ไม่มีในระบบค่ะ เอาเป็นว่าทำใหม่แล้วกันนะคะ ถ้าใครคุ้นๆ ว่าอ่านแล้ว ก็โปรดรับรู้ไว้ด้วยเจ้าค่ะว่า...มันหายไปแล้ว 555 รีวิวนี้จะเปลี่ยนบรรยากาศพาไปรับประทานอาหารญี่ปุ่นกันบ้างนะคะ โดยเป็นห้องอาหารญี่ปุ่น Tsu ของโรงแรม JW Marriot Bangkokค่ะ โดยครั้งนี้ที่ไปห้องอาหารสึแห่งนี้ ก็เนื่องด้วยมีเชฟคนใหม่มาค่ะ นั่นก็คือ เชฟยูคิโอะ ทาเคดะ นั่นเองค่ะ ซึ่งเชฟเองเคยได้คัดเลือกให้เป็นเชฟห้องอาหารระดับมิชลิน 2 ดาว อย่างห้องอาหารญี่ปุ่นอูมุ (Umu) ที่ลอนดอน (เนื่องจากได้ไปกินอาหารฝีมือเชฟที่ดูไบแล้วชอบ เลยชวนไปทำค่ะ) และเชฟยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังห้องอาหารญี่ปุ่นชื่อดังอย่าง “คัตสึ” ซึ่งเป็นห้องอาหารที่ขึ้นชื่อเรื่องการสร้างสรรค์ เมนูซูชิโรล และเทปันยากิของโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท ฮ่องกงอีกด้วยนะคะ เรียกว่าอิมพอร์ตกันมาจากต่างประเทศเลยทีเดียวค่ะ มาเริ่มงานที่นี่เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมานี่เองนะคะ นอกจากนั้นเชฟท่านนี้มีไลเซนส์สำหรับการทำอาหารจากปลาปักเป้าด้วยนะคะ (ท่านใดเป็นแฟนอาหารญี่ปุ่นน่าจะทราบเนาะคะว่า ปลาปักเป้าเป็นปลามีพิษ เชฟที่จะทำอาหารจากปลาปักเป้าได้ ต้องมีไลเซนส์อนุญาตค่ะ เพื่อความปลอดภัยของคนกินนะฮับ) ซึ่งเชฟตัดสินใจจะเป็นเชฟมาตั้งแต่อายุ 15 (เอิ่ม...ตอนนั้นข้าพเจ้ายังไม่รู้ชะตาชีวิตตัวเองเลยฮ่ะ) และที่สำคัญ เชฟท่านนี้ไม่ทำอาหารจากวัตถุดิบแช่แข็งค่ะ เพราะฉะนั้นบอกได้เลยว่า...แตกต่างกว่าการกินอาหารญี่ปุ่นหลายๆ ที่แน่นวลลลลลล เป็นการถ่ายรูปกับเชฟที่ทุกคนพร้อมใจกันยกนิ้วให้แบบตรงตามความหมายของการยกนิ้วเลยจริงๆ ค่ะ ห้องอาหาร Tsu จะอยู่ชั้นใต้ดินลงไปจากล็อบบี้นะคะ ลงไปก็จะเจอชื่อของห้องอาหารทั้งสองห้องอาหารฉายขึ้นผนังสลับกันไปค่ะ การตกแต่งบางส่วนภายในห้องอาหารค่ะ เราชอบคลื่นที่เป็นสัญลักษณ์ของที่นี่มากเลยอ้ะ สวยยยยยย เซ็ตอัพบนโต๊ะเราค่ะ เราชอบชุดฟอร์มของพนักงานที่นี่มากเลยยยย เก๋อ้ะ หลังจากได้ทักทายกับเชฟแล้ว เชฟก็ขอตัวไปดูแลการเตรียมอาหารค่ะ เชฟค่อนข้างขี้อายและคุยไม่เก่งมากนะคะ แต่ก็มาแนะนำอาหารแต่ละจานและคอยถามว่าอาหารเป็นยังไงตลอดค่ะ โดยเมนูที่เราได้กินกันวันนี้เป็นเมนูที่เชฟรังสรรค์มาใหม่ทั้งหมดนะคะ ยังไม่ได้ใส่ลงไปในเมนูของทางห้องอาหารค่ะ แต่จะมีจำหน่ายในอนาคตนะคะ เริ่มกันที่จานแรกนะคะกับ Homemade White Sesame Tofu ค่ะ ตัวนี้เป็นเต้าหู้งาขาวที่เชฟจะทำคืนต่อคืนค่ะ ใช้เวลากวน 30 นาทีแบบไม่หยุด เทกซเจอร์แตกต่างไปจากเต้าหู้อื่นๆ มากกกกกก แน่นหนึบกว่าเต้าหู้ทั่วไปเยอะเลย หอมงามากๆ ไข่หอยเม่นก็สดแบบที่หากินในไทยอย่างนี้ได้ยากมาก วาซาบิทำให้รสชาติจัดจ้านขึ้นมาอีกนิดค่ะ เราแนะนำให้กินทั้งแบบแนมวาซาบิและไม่แนมนะคะ ได้รสชาติอร่อยที่แตกต่างกันไปค่ะ เป็นจานเปิดตัวที่ว้าวและสร้าง First Impression ให้เชฟมากค่ะ จานต่อมาค่ะกับ Fresh Honmaguro Tasting from Nagasaki เมนูนี้ควรเริ่มกินจากซ้ายไปขวานะคะ เป็นอากามิ (ส่วนหลัง) ชูโทโร (ตรงกลางด้านข้าง) และโอโทโร (ส่วนท้อง) ของปลาทูน่าค่ะ เริ่มต้นกันด้วยอากามินะคะ เป็นเนื้อปลาส่วนที่ไขมันน้อยที่สุด แต่จะเห็นว่ามีเจลาตินรองชิ้นปลาอยู่ด้วยนะคะ เป็นเจลาตินที่ทำมาจากน้ำสต็อกปลาแห้ง ซึ่งช่วยสร้างความชุ่มฉ่ำมากขึ้นให้กับคำนี้ค่ะ เป็นการผสมผสานที่ดีงามมากเลยอ้ะ ต่อไปเป็นชูโทโรค่ะ ตัวนี้จะมีมันในปริมาณกลางๆ เมื่อเทียบกับอีกสองชิ้นนะคะ ตัวใบไม้และดอกไม้กินได้ แต่เราไม่ได้กินนะคะ 555 ถ้าเทียบกับอีกสองคำ เราชอบอีกสองคำมากกว่าค่ะ ชิ้นสุดท้ายกับโอโทโร ซึ่งปกติจะนิ่มฉ่ำไปด้วยไขมันอยู่แล้ว แต่จะเห็นว่าเชฟเลือกที่จะทำตาข่ายด้วยงาดำทอด ซึ่งช่วยสร้างเทกซเจอร์เพิ่มให้กับคำนี้ค่ะ ทำให้ได้ทั้งความฉ่ำของเนื้อปลา แต่มีเทกซเจอร์ให้เคี้ยวจากแผ่นงาดำด้วย เป็นการผสมผสานที่ดีค่ะ ต่อไปกับ Grilled Miso Marinated Silver Cod Fish ค่ะ ตัวนี้ปลาหอมมาก กลิ่นเด่นและพุ่งตั้งแต่เอามาวางเลยค่ะ เนื้อปลากริลล์มาดี ไม่แข็งกระด้าง ยังมีความนุ่มอยู่ ไซด์ดิชนี่คือดีย์ย์ย์ เป็นเรดดิชผสมวีนิกา ตัวมะเขือเทศเทกซเจอร์แน่นและมีกลิ่นส้ม (เชฟมาเฉลยทีหลังตอนเราถามว่าเขามีหมักไวน์ขาวกับผิวเลมอนค่ะ) ซึ่งช่วยเฟรชปากเป็นระยะ เมนูนี้ต้องกินตอนร้อนๆ นะคะ และต่อให้ไม่ชอบกินมะเขือเทศ ก็ต้องกินไซด์ดิชค่ะ เพราะมันไม่เหมือนมะเขือเทศที่เคยๆ กินเลย การันตี กินครบทั้งสองอย่างแล้วจะได้รสชาติอย่างเต็มที่เลยค่ะ Snow Crab and Naruto Seaweed Salad. Tosazu Vinegar Sauce menu นี้เทกซเจอร์ดีมาก แตงกวาสไลซ์บาง และสาหร่ายอุ้มวินีกาได้ดี กรอบมาก มีกลิ่นหอมของงาและปลาแห้ง วีนิกาสองอย่างรสชาติเปรี้ยวอมหวาน โดยรวมทั้งรสชาติและเทกซเจอร์ดีมากค่ะ กินแล้วสดชื่นมาก เป็นจานเบรคก่อนเข้าจานหนักๆ ต่อไปนะคะ ต่อไปเป็น A5 Miyazaki Rip Eye Beef Stone Grill with Miso Sauce เป็นส่วนของเนื้อที่เชฟเลือกมาเพราะยังมีความ chewy อยู่ แต่นุ่มและมีมันแทรกด้วยนะคะ มิโสะรสชาติเข้มข้นมว้ากกกกก และมีพริกช่วยตัดรสด้วยค่ะ ถ้าไม่มีพริกมาช่วยผสานรส เราว่ามิโสะจะรสเข้มไป แต่พอกินพริกไปด้วย ก็ทำให้รสชาติลงตัวขึ้นค่ะ เพราะฉะนั้นแนะนำให้กินด้วยนะคะ คือเรียกว่า ในแต่ละเมนู ถ้าเชฟใส่อะไรมา กรุณากินทุกอย่างเถอะค่ะ 555 เขฟเค้าคิดมาดีแล้ว (แล้วทำไมหล่อนไม่กินดอกไม้กับใบไม้กับชูโทโรยะ??) ต่อกันด้วย Fresh Eel Grilled Kabayaki ค่ะ เมนูปลาไหลเป็นเมนูเก่งเมนูหนึ่งของเชฟเลยนะคะ มาพร้อมผักดองและซุปค่ะ ปลาไหลรสชุ่มมาก มีรสของความเป็นธรรมชาติอยู่ค่อนข้างสูง ซึ่งแตกต่างจากปลาไหลย่างร้านอื่นๆ ที่จะถูกกลบรสด้วยซอสนะคะ เชฟใช้ปลาสดด้วยค่ะ ไม่ใช่ปลาแช่แข็ง เพื่อให้คนกินได้รับรสชาติของปลาไหลแบบเต็มๆ นะคะ ส่วนตัวผักดอง ตัวไชเท้ารสจะจัดกว่าแตงกวา แตงกวาจะออกแนวชื่นๆ มากกว่านะคะ เป็นผักแกล้มที่ดีค่ะ ซุปให้มาชามใหญ่มากค่ะ น้ำซุปรสจะเบาๆ หน่อยนะคะ ปิดท้ายกันด้วยขนมหวานแบบเทรดิชั่นญี่ปุ่นเลยนะคะกับ Yomoki Oyaki ตัวแป้งหนึบหนับแบบญี่ปุ่นแท้ๆ เลยค่ะ เคี้ยวมันฟันมาก ไส้ถั่วแดงไม่หวานจัด ซึ่งอร่อยเลยค่ะ สารภาพว่ากินแล้วนึกถึง Oshino Hakkai เลย 555 (เวลาไปที่นี่เราชอบกินเจ้านี่ค่ะ) หลังจากอิ่มอร่อย (มาก) แล้ว ก็ไปที่ล็อบบี้กันค่ะ ได้เห็นตัวดิสเพลย์ห้องพักที่โรงแรมกำลังรีโนเวทอยู่นะคะ น่าพักเชียวแหละ สรุปสำหรับที่นี่นะคะ เป็นอีกมื้อหนึ่งที่ประทับใจมาก จนกล่าวขอบคุณพีอาร์เลยว่าขอบคุณที่ชวนมาค่ะ เพราะเป็นมื้อที่อร่อยมาก เชฟฝีมือดีมากเลยค่ะ หลายจานนี่เข้าขั้นว้าวเลยแหละ และเชฟยังมีวิธีการรังสรรค์อาหารที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนและถูกจริตเราทั้งรสชาติและเทกซเจอร์ด้วยค่ะ ทำให้เราประทับใจกับการกินอาหารฝีมือเชฟมากๆ ค่ะ... อ่านต่อ
2 Likes0 Comment
photo