4.7
14 เรตติ้ง (9 รีวิว)
เปิดอยู่จนถึง 23:00
เมนูของร้าน La Pizza Chiang Mai
พิซซ่าอิตาเลียนถาดยักษ์ทรงเหลี่ยมเมื่อพูดถึงพิซซ่าแน่นอนว่าเราต้องคิดถึงต้นตำรับอย่างประเทศอิตาลีแน่นอน แต่ว่าการที่เราจะบินไปอิตาลีเพื่อกินพิซซ่านั้นมันก็ดูจะเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองเงินเกินไป แต่ในวันนี้ผมได้ยกเอาเมืองฟลอเรนซ์มาจากประเทศอิตาลี มาไว้ที่ One Nimman เชียงใหม่ ภายในร้านพิซซ่าเชียงใหม่ที่มีชื่อว่า “La Pizza” เพื่อให้คนเชียงใหม่ทุกคนได้ลิ้มลองกับรสชาติของพิซซ่าแบบต้นตำรับแท้ ๆ ร้าน La Pizza เชียงใหม่ ที่ผมกำลังพูดถึงนี้ ก็เป็นร้านขนาดกลาง ๆ ที่ตั้งอยู่ในโครงการ One Nimman เชียงใหม่ โดยบรรยากาศที่ร้านนั้นเป็นการจำลองบรรยากาศที่ทำให้เรารู้สึกราวกับว่า ได้นั่งกินอาหารอยู่ที่เมืองฟลอเรนซ์ประเทศอิตาลีเลยจริง ๆ เอาเป็นว่าถ้ามานั่งจิบกาแฟสไตล์อิตาลี ที่ใช้เมล็ดไทยซึ่งผ่านการคั่วในแบบอิตาลีเพื่อใช้ที่ร้านนี้เท่านั้น ในตอนเช้า ๆ พร้อมกินอะไรแบบกรุบกริบ ๆ ก็ทำเอาลืมตัวไปเลยว่า เห้ย! นี่เรายังนั่งอยู่ในเชียงใหม่อยู่นะ ไม่ได้อยู่อิตาลี 555 โดยเมนูที่ผมเลือกมารีวิวให้เพื่อน ๆ ในวันนี้ก็จะมีทั้งเมนูของกินเล่นและเมนูจัดหนัก ถ้าพร้อมแล้วเราก็ไปเริ่มต้นจานแรกกันเลยลูกพี่! Deep Fried Arancini with Arborio Saffron Rice with Boar Ragu (150 บาท) จานนี้กินเพลินมากจริง ๆ คุณ เพราะนี่คือรีซอตโต้ที่ถูกปั้นเป็นก้อนกลมสอดไส้ด้วยเนื้อหมูป่าบด ก่อนจะนำไปคลุกกับแป้งขนมปังและทอดให้กรอบเหลืองทั่วทั้งชิ้น เวลาที่กัดเข้าไปก็จะรู้สึกถึงความหอมของกลิ่นชีสที่พวยพุ่งออกมาจากด้านใน นอกจากนี้ด้านบนก็ยังมีชีสทอด และมะเขือเทศรสเปรี้ยวอมหวานคอยช่วยตัดเลี่ยนให้กินไปพร้อม ๆ กัน Buffalo Bocconcini Wrapped in San Daniele Ham (270 บาท) เชื่อว่าจะมีคนไทยหลายคนคงจะไม่คุ้นกันอย่างแน่นอน แต่ผมอยากแนะนำให้ลองกินกันดู โดยเจ้าก้อนกลม ๆ ที่เราเห็นวางอยู่บนจานนั้นก็คือ มอสซาเรลล่าชีสที่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วย ซาน ดานิเอเล แฮม ที่พอเอาเข้าปากแล้วเคี้ยวก็จะรู้สึกได้ถึงความสดชื่นจากรสชาติเค็มมันและอมเปรี้ยวนิดหน่อยจากบัลซามิกที่ใส่ลงไป เรียกว่านี่คืออาหารที่สามารถบุกกระเพาะที่นอนหลับอยู่ให้ตื่นขึ้นมาหิวได้โดยทันที ถ้าใครชอบกินปลาเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยผมก็ขอแนะนำ Albacore Tuna Tartare with White Truffle Oil (280 บาท) เพราะที่ร้านเลือกใช้เนื้อปลาทูน่าสดคุณภาพดี จึงทำให้ทาทาร์จานนี้มีรสชาติหวานฉ่ำจากเนื้อปลาและไม่มีกลิ่นคาว และเมื่อเราเทไข่แดงนกกระทาลงไป ตามด้วยบีบเลมอนและคลุกเคล้าให้เข้ากัน เราก็จะได้เนื้อปลาทูน่าที่มีทั้งความหวานมัน และมีกลิ่นหอมของเฮิร์ปผสมอยู่อย่างเข้ากัน สองเมนูต่อไปนั้นจะเป็นเมนูอาหารอิตาเลียนที่ผมชื่นชอบมาก ๆ และอยากจะแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักกัน ซึ่งนั่นก็คือ Cold Cut Mix Platter (300 บาท) ซึ่งเป็น “Antipasti” หรือ อาหารเรียกน้ำย่อย ที่มีอยู่ในทุก ๆ ร้านอาหารอิตาเลียน โดยสิ่งที่วางเรียงอยู่บนจานนั้นก็คือเหล่าแฮมดิบ ที่ทำมาจากเนื้อส่วนต่าง ๆ ซึ่งเราสามารถสังเกตได้จากชื่อเรียกของมันอย่าง “Speck” ชื่อส่วนขาหลังด้านนอกของหมู “Mortadella” ชื่อแฮมที่ทำมาจากเนื้อหมูบดซึ่งถูกทำให้สุกแล้ว อะไรประมาณนี้ โดยรสชาติส่วนมากจะเค็ม ๆ มัน ๆ ส่วน Cheese Platter (300 บาท) ก็จะเป็นจานที่รวมเอาชีสชนิดต่าง ๆ มารวมกันไว้ในจานเดียว ซึ่งจุดเด่นของเมนูนี้ก็ คือทำให้เราสามารถมีความสุขไปกับรสชาติของหลากชีสสลับกันไปมาได้เรื่อย ๆ อย่างในชุดนี้ก็จะมี Taleggio, Truffle Caciotta, Pecorino, Chillie Pecorino, Gorgonzola ซึ่งมีเอกลักษณ์รสชาติแตกต่างกันออกไป โดยภายในชุดนี้ก็จะมีแยมหอมแดง และน้ำผึ้งที่เสิร์ฟมาเพื่อช่วยตัดเลี่ยนด้วย เอาเป็นว่าถ้าใครที่ชอบกินชีสหรือเป็น Cheese Lover ตัวจริง จะต้องชื่นชอบเมนูนี้อย่างแน่นอนครับ สำหรับจานหลักจานแรกแน่นอนว่าจะต้องเป็นพระเอกของร้านอยากพิซซ่าแน่นอน โดยพิซซ่าของที่ร้านนี้นั้นจะมีความแตกต่างจากร้านอื่น ๆ ในเชียงใหม่ หรืออาจจะทั้งประเทศเลยก็ได้ เพราะที่ร้านนี้ได้เลือกใช้ Sourdough หรือ ขนมปังเปรี้ยว และ Bio Flour มาเป็นวัตถุดิบหลักในการทำพิซซ่า จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าตัวแป้งที่อบออกมานั้นจะมีทั้งความนุ่มเหนียว และรสชาติที่ไม่เหมือนใครที่ไหน โดยพิซซ่าของที่ร้านนี้ก็จะมีทั้งหมด 8 หน้าด้วยกัน Pamadoro , Margherita , Sausage , Prasciutta , Spicy Salame , 4 Cheeses & Spinach , Cappa , Ricca , Martadella ดูเราก็สามารถเลือกได้ว่าจะกินพิซซ่าเป็นชิ้น ในราคาเริ่มต้นที่ชิ้นละ 45 บาท หรือจะเอาให้อิ่มแบบจุใจเต็มถาดไม้ ในราคาเริ่มต้นเบาๆเพียง 300 บาท / ถาด เท่านั้น เอาเป็นว่าใครที่ชอบกินพิซซ่า หรือยังไม่เคยกินพิซซ่าสไตล์นี้ ต้องไม่พลาดที่จะแวะมาที่ร้าน La Pizza เชียงใหม่ อย่างเด็ดขาด Roasted Pork belly with Potatoes (240 บาท) จานนี้จะเป็นหมูกรอบสไตล์อิตาเลียนที่ต่างจากหมูกรอบไทยแบบสิ้นเชิงเลย! เพราะหมูกรอบที่เราเห็นนั้นจะได้มาจากการเอาหมูที่หมักกับเครื่องเทศต่าง ๆ ไปอบในอุณหภูมิต่ำโดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง จึงทำให้เนื้อหมูนั้นมีน้ำหวานในเนื้อแบบฉ่ำ ๆ ชนิดที่ว่ากับปุ๊บก็พลันแตกทะลักออกมาเต็มปาก ตามด้วยสัมผัสที่กรุบกรอบของหนังหมูที่ร่อนบางอยู่ด้านบนราวกับหนังเป็ดปักกิ่ง นี่พูดเลยว่าจานนี้สั่งมาจานเดียวไม่พอกินแน่นอน! Albacore Seared Tuna in Anchovies Sauce and Wild Salad (300 บาท) สเต๊กเนื้อปลาทูน่าที่ใช้การ Seared หรือ ย่างบนกระทะ ที่ทำให้เนื้อรอบ ๆ สุกแต่ว่าด้านในยังคงความดิบอยู่ด้วย และราดด้วยแอนโชวีซอสรสเข้มข้น จึงทำให้เราได้สัมผัสกับเนื้อปลาทูน่าใน 2 แบบ 2 สไตล์ไปพร้อม ๆ กันในคำเดียว! ขอส่งท้ายการรีวิวร้านพิซซ่าเชียงใหม่วันนี้ด้วยเมนู Australian Organic Beef Tenderloin Wrapped in Serrano Ham and Wild Pepper Sauce & Roasted Potatoes (680 บาท) ที่คนรักเนื้อจะต้องร้องว้าว เพราะสิ่งที่ Serrano Ham ห่อหุ้มไว้อยู่นั้นก็คือเนื้อวัวแบบเพียว ๆ ซึ่งการที่ต้องห่อด้วยแฮมก่อนที่จะนำไปย่างบนกระทะนั้น ก็เพื่อให้เนื้อวัวได้ซึมซับเอารสชาติเค็มและความหอมมันจะขายบ้านที่อยู่ในแฮมเข้าไป จนได้สเต็กเนื้อที่มีรสชาติร้ายกาจ ถึงขนาดที่ว่าสามารถพาเอาบีฟเลิฟเวอร์อย่างผมขึ้นสวรรค์ได้ตั้งแต่คำแรกที่เข้าปาก หลังจากที่ได้ลองกินมาหลาย ๆ เมนูแล้ว ผมก็พอจะสรุปได้ว่าที่ร้าน La Pizza เชียงใหม่ ก็เป็นอีกหนึ่งร้านที่ดีมาก ๆ ในเชียงใหม่ ไม่ว่าจะด้วยเรื่องของความใส่ใจ อย่างที่บอกไปว่าวัตถุดิบในตัวก็สั่งให้บินตรงมาส่งจากอิตาลี เพื่อให้ลูกค้าที่เชียงใหม่นั้นได้รับรู้ถึงรสชาติที่เป็นแบบอิตาเลียนแท้ ๆ (นี่รู้เพราะว่าเคยไปกินที่อิตาลีมาก่อนจริง ๆ นะ) เอาเป็นว่าเธอไม่อยากพลาดแล้วเสียโอกาสไปก็ลองแวะไปใช้บริการร้านพิซซ่าเชียงใหม่ร้านนี้กันดูนะ เชื่อว่าหลายคนจะต้องเดินออกจากร้านมาด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขเหมือนกับผมอยากแน่นอนครับ... อ่านต่อ
0 Like0 Comment
photo