หลายๆ คน คงมีความฝันอยากทำธุรกิจของตัวเอง และหนึ่งในนั้นมักจะมี “คาเฟ่” เป็นธุรกิจยอดฮิตอันดับต้นๆ เสมอ สังเกตได้จากการมีคาเฟ่ผุดขึ้นราวดอกเห็ด แต่ก็มีหลายร้านที่ปิดตัวลง เนื่องจากผู้แข่งขันในตลาดนี้อีกจำนวนมาก เพราะปัจจุบันคาเฟ่ไม่ได้แข่งขันกันที่รสชาติเพียงอย่างเดียว แต่รวมไปถึงบรรยากาศของร้าน และรูปร่างหน้าตาของขนม
ในวันนี้เราจึงอยากพามารู้จักร้าน “Shiro Cafe” คาเฟ่โคราชสไตล์มินิมอลที่สามารถพาร้านขึ้นมาเป็นที่รู้จักและกลายเป็นคาเฟ่เจ้าดังโคราชในเวลาไม่นาน พวกเขามีเคล็ดลับในการบริหารธุรกิจคาเฟ่อย่างไรไปฟังกันเลย!
เมื่อความรักคือจุดเริ่มต้นในการทำคาเฟ่
“ผมรักการดื่มกาแฟ ผมรักการทำขนม ผมรักมันมากครับ” คุณแบงค์-สรรเพชญ นุศาสตร์สังข์ เจ้าของร้าน Shiro Cafe ตอบด้วยรอยยิ้มทันทีที่เราถามว่าทำไมถึงเปิดร้านคาเฟ่ หลังจากคุณแบงค์ตระเวนชิมกาแฟ ศึกษาการทำขนมและฝึกปรือฝีมืออยู่นาน
เพราะต้องการเลือกสรรแต่สิ่งที่ดีที่สุด จึงริเริ่มเปิด Shiro Cafe แถวบขส. เก่าโคราช แต่ด้วยสถานที่อันคับแคบและปัญหาอื่นๆ เปิดได้เพียงปีเดียว คุณแบงค์จึงตัดสินใจ ย้ายมาอยู่ที่ซอยพิบูลละเอียด 12 ตรงข้ามบุ่งตาหลัว ตัวร้านกว้างขวาง มีที่จอดรถที่สามารถรองรับได้มากถึง 20 คัน
สร้างความโดดเด่นด้วยความแตกต่าง
ด้วยบรรยากาศสบายๆ ภายในบ้านสีขาวสะอาดตา ท่ามกลางความร่มรื่นผ่อนคลายของสวนขนาดเล็กหน้าร้าน นับว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้ Shiro Cafe ดึงดูดลูกค้าที่ชื่นชอบการถ่ายรูปได้เป็นอย่างดี
เมื่อเข้ามาภายในร้าน ก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่เน้นการตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น ด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อนและม่านสีขาวบาง กรองแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาบริเวณร้าน เรียบง่ายแต่โมเดิร์น เพิ่มความละมุนให้กับร้านเป็นอย่างมาก
ส่วนเครื่องดื่มและเบเกอรี จะเน้นใช้วัตถุดิบที่ส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับเมล็ดกาแฟสุดพิเศษจากหลากหลายแหล่งมาให้คอกาแฟได้ลิ้มลองกันแบบไม่มีเบื่อ
จัดการร้านอย่างไร ให้ลูกค้าประทับใจ
ถ้าใครเคยไปร้าน Shiro Cafe จะทราบกันดีว่าร้านนี้มีลูกค้าเข้าออกอยู่ตลอดเวลา ยิ่งวันหยุดบางช่วงลูกค้าแน่นมากจนแทบไม่มีที่นั่ง คุณแบงค์จึงได้เพิ่มบริเวณที่นั่งข้างร้าน ใส่ไอเดียจัดออกมาในรูปแบบสวนหย่อมสไตล์ญี่ปุ่นสุดน่ารัก มีพื้นที่สำหรับคนที่อยากล้มวงนั่งพื้น ได้อารมณ์เหมือนมาปิคนิกในสวนหลังบ้าน และเลือกใช้ Wongnai POS เป็นตัวช่วยในการจัดการร้าน เพราะใช้ง่าย สามารถใส่รูปในเมนูได้ทันที ทำให้พนักงานกดสั่งเมนูได้ถูกต้องตามที่ลูกค้าต้องการ ลดปัญหาออเดอร์ตกหล่นหรือทำออเดอร์ผิด แถมยังลงลึกไปถึงรายละเอียดต่างๆ
เช่น ระดับความหวานที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ และทางร้านเองก็สามารถกรอกลงบิลได้ไม่มีตกหล่น น้องพนักงานในร้านที่ถูกแบ่งหน้าที่ให้ดูแลแต่ละสเตชันก็ไม่สับสน เพราะถูกความต้องการของลูกค้าจะถูกคีย์ลงบนใบออเดอร์ นับตั้งแต่น้องพนักงานที่ยืนประจำอยู่ที่เคาน์เตอร์เพื่อรอรับออเดอร์จากลูกค้าทุกท่าน
นอกจากนี้ จากการเปิดธุรกิจร้านกาแฟ ข้อมูลรายละเอียดในแต่ละออเดอร์มีความสำคัญอย่างมาก เพราะทุกรายละเอียดคือความใส่ใจต่อลูกค้า ในส่วนนี้ โปรแกรมร้านอาหาร Wongnai POS ก็ตอบโจทย์เช่นกัน คุณแบงค์ได้เล่าถึงประสบการณ์ตรงในฐานะเจ้าของร้านกาแฟว่า อดีตร้านของเขาเคยใช้ระบบ POS อื่นมาก่อน แต่ปัญหาที่มักพบบ่อยคือ เมื่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตหลุด ข้อมูลของออเดอร์จะหายไปทั้งหมด ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่มากสำหรับร้านกาแฟ ทางร้านต้องคอยทวนและถามซ้ำไปซ้ำมากับลูกค้า สร้างประสบการณ์ที่ไม่ดีกับลูกค้าในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
แต่พอหันมาใช้ระบบ Wongnai POS ปัญหาในส่วนนี้ก็หมดไป เพราะระบบ Wongnai POS สามารถใช้งานต่อได้แม้อินเทอร์เน็ตหลุด ข้อมูลที่เคยคีย์ไปก่อนหน้าจะยังคงค้างอยู่ การปิดยอดในแต่ละวันก็แม่นยำ เพราะไม่มีออเดอร์ใดตกหล่นไปจากระบบ
หากสนใจและอยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมคลิกได้เลย! >> ลงทะเบียนใช้งาน Wongnai POS
ฟีเจอร์ใน Wongnai POS ที่ชอบ
อีกหนึ่งฟีเจอร์ของระบบ Wongnai POS ที่ตอบโจทย์ร้านคาเฟ่กาแฟสไตล์มินิมอลและเป็นฟีเจอร์ที่คุณแบงค์ชอบ คือ “ฟีเจอร์การจัดวางผังโต๊ะ” เพราะหากดูจากสไตล์การจัดร้านและวางผังโต๊ะแล้ว จะพบว่าโต๊ะที่จัดวางได้ผ่านกระบวนการคิดถึงความลงตัวขององค์ประกอบร้าน ให้มีความสวยงาม สบายตา และแน่นอนว่าต้องถ่ายรูปออกมาสวยเหมือนยกร้านกาแฟสไตล์โตเกียวมาอยู่โคราช
แต่แน่นอนว่าปัญหาที่ตามจากการวางผังโต๊ะให้ลงตัวและสวยงาม คือ ปัญหาการเสิร์ฟเมนูที่อาจผิดพลาดได้หากไม่มีระบบช่วยในการจัดการ จะเห็นได้ว่าภายในร้านโต๊ะจะมีหลากหลายรูปแบบ แต่ละมุมก็จะสวยแตกต่างกันไป ทำให้ในหลาย ๆ ครั้งลูกค้ามักขอเปลี่ยนโต๊ะ น้องพนักงานจึงเสิร์ฟผิดโต๊ะบ่อยครั้ง
เมื่อใช้ระบบ Wongnai POS ปัญหาส่วนนี้ก็หายไป เพราะระบบ Wongnai POS สามารถเซตระบบให้พิมพ์ใบออเดอร์ได้ทั้งในรูปแบบหมายเลขโต๊ะ และ รูปแบบลำดับคิว ทำให้ง่ายต่อการเสิร์ฟ และลูกค้าเองก็ไม่ต้องเสียเวลากับการรับออเดอร์ผิด ป้องกันและแก้ปัญหาโต๊ะซ้ำ โต๊ะเต็ม แต่ละโต๊ะมีลูกค้ากี่คนและสั่งอะไรบ้าง
ยิ่งไปกว่านั้น ระบบ Wongnai POS สามารถเช็กได้ทุกอย่าง และสามารถรู้ได้ว่าช่วงไหนมีลูกค้าเข้ามาเยอะ ทำให้วางแผนถึงจำนวนพนักงานที่ต้องใช้ จำนวนสต๊อกสินค้าในแต่ละวัน
ตัวอย่างเช่น ชีสเค้กที่ต้องผลิตสดใหม่ทุกวัน ไม่เสิร์ฟขนมค้างคืนเพราะรสชาติจะเปลี่ยน ในวันธรรมดาจึงต้องทำวันละ 2 ก้อน แต่ถ้าเป็นวันหยุดต้องเพิ่มเป็น 3-4 ก้อน ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า เมื่อเข้ามาก็ไม่มีผิดหวังที่ต้องพลาดขนมหรือเครื่องดื่มที่อยากกิน รวมไปถึงการสรุปยอดรายวันแบบ Real-time รู้ว่าแต่ละวันเงินเข้าออกเท่าไรได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องเข้าร้าน
คำแนะนำสำหรับคนที่อยากเปิดคาเฟ่
คุณแบงค์กล่าวว่ามีใจรักอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องมองภาพรวมอื่น ๆ ให้กว้าง สำรวจความพร้อมในเรื่องของทุนทรัพย์เพราะต้องหมดไปกับค่าตกแต่งร้าน เพื่อมอบความผ่อนคลายและประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ศึกษาให้มากไม่ว่าจะเป็นการหาความรู้จากหนังสือ เว็บไซต์ หรือแม้แต่คนที่เคยมีประสบการณ์ ทำเลที่ตั้งตอบโจทย์กับกลุ่มลูกค้าไหม
สำคัญที่สุดคือต้องวางแผน อย่าคิดแค่ว่าชงกาแฟอร่อย ร้านสวย ทำเลดีก็น่าจะขายได้ เพราะธุรกิจคาเฟ่มีปัญหาอีกร้อยแปดไม่ว่าจะเป็นยอดขายที่ต้องการ การหาวัตถุดิบทำขนมหรือจัดร้านยังไงให้ถูกใจลูกค้า มันจำเป็นมากที่จะต้องมีผู้ช่วยหรือระบบที่สามารถจัดการร้านโดยเฉพาะระบบ Wongnai POS ซึ่งตอบโจทย์ร้านคาเฟ่กาแฟอย่างมาก ลองสำรวจตัวเองว่ามีครบหรือยัง หลังจากนั้นก็เริ่มลงมือทำได้เลย
สำหรับผู้ประกอบการร้านกาแฟท่านใด สนใจอยากจะมีตัวช่วยดี ๆ อย่างระบบจัดการร้าน Wongnai POS เทคโนโลยีที่ช่วยให้ร้านของคุณทำงานได้สะดวก สามารถใช้งานได้ในร้านหลากหลายรูปแบบ ให้คุณลงทุนไม่ต้องเยอะ ก็สามารถมีระบบการจัดการร้านที่ครอบคลุมในทุกๆ ด้าน รวมถึงมีระบบ CRM ให้คุณสามารถสร้างบัตรสะสมแต้มออนไลน์อย่าง Wongnai Reward Card ได้เอง! สนใจสมัครและศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Wongnai POS คลิกที่นี่ได้เลย!
ติดตามบทสัมภาษณ์เกี่ยวกับ Wongnai POS เพิ่มเติม