4.5
29 เรตติ้ง (27 รีวิว)
ปิดอยู่จะเปิดในวันศุกร์ เวลา 18:00
REN by DHARA DHEVI
คงไม่มีที่ไหนในเชียงใหม่จะดีเท่าที่นี่แล้วบอกเลยว่าผ่านมาเกือบปี หลังจากล่าสุดที่แวะเวียนไปรีวิวที่สุดยอดร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ญี่ปุ่น ที่เรียกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งของเชียงใหม่ REN by Dhara Dhevi โรงแรงหรูที่สุดของเชียงใหม่ กว่าระยะเวลาเกือบปีที่ผ่านมา REN ถูกขนานนามว่าเป็นร้าน บุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่น ที่จองยากมาก เพราะบางคนต้องจองกันข้ามเดือนกว่าจะได้กิน และตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้นอยู่ แต่ก็อาจจะเบาบางลง แต่บอกเลยว่ายังเต็มทุกรอบ (นี่ถือเป็นโอกาสดีที่ใครอยากลองไปทาน แต่ขี้เกียจรอคอย)… ผ่านมาเกือบปี เห็นทางโรงแรมบอกว่าที่นี่มีอะไรเปลี่ยนไปค่อนข้างหลายอย่าง ดังนั้นจึงเป็นโอกาสดีที่น้าอ้วนจะต้องแวะเวียนมาอัพเดทกันซะที REN by Dhara Dhevi (REN แปลว่าดอกบัว) ตั้งอยู่บริเวณด้านใน Main Restaurant ของโรงแรมดาราเทวีเชียงใหม่ แต่เขาไม่ได้ให้บริการทุกวันนะจ๊ะ ในส่วนของบุฟเฟ่ต์จะมีเฉพาะวันศุกร์และเสาร์ ตั้งแต่เวลา 18:00 – 22:00 น. เท่านั้น แต่ถ้าเป็นวันธรรมดามื้อเย็น ที่ REN จะให้บริการอาหารญี่ปุ่นในรูปแบบของ a la carte นะจ๊ะ รักแบบไหน ชอบแบบไหนก็ลองเลือกกันได้เลย (แต่น้าอ้วนชอบบุฟเฟ่ต์มากกว่า ๕๕๕) สนนราคาเพียง 1,250++ บาท (เบ็ดเสร็จราคาประมาณ 1,470 บาท) รวมเครื่องดื่มทั้งน้ำเปล่า ชาเขียว น้ำผลไม้เช่น น้ำแตงโม น้ำส้ม และน้ำสัปปะรด โดยผลไม้ทุกชนิดเป็นแบบคั้นสด เมื่อได้เวลา 18:00 น. ประตูของห้องอาหารก็จะเปิดออก พร้อมต้อนรับลูกค้าทุกท่านที่เข้ามาใช้บริการ กลิ่นอายของความเป็นดาราเทวี กลิ่นอายของความหรูหราทั้งเรื่องสถาปัตยกรรมและการบริการในระดับ 5 ดาว บอกเลยว่าใครที่เข้ามาแล้วจะต้องรู้สึกถึงความเป็นราชาหรือลูกค้าระดับ VIP แน่นอน น้าอ้วนว่าเกือบ 80% ของลูกค้าทั้งที่มาถึงปุ๊บไลน์อาหารแรกที่จะต้องแวะเวียนไปดูก่อนก็คือ ไลน์ของปลาดิบ และข้าวปั้น เพราะไลน์อาหารนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่อลังการที่สุด เพราะปลาดิบที่ REN แห่งนี้บอกเลยว่าเป็นไลน์ซาซิมิ (ปลาดิบ) ที่มีจำนวนปลาให้เลือกทานเยอะที่สุดในเชียงใหม่ และไม่แน่ว่าอาจจะเยอะเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทยก็ว่าได้ โดยเชฟก้องวุฒิ (เชฟกระทะเหล็กประเทศไทย อาหารญี่ปุ่น) บอกเลยว่าเยอะสุดเท่าที่มีคือ 17 ชนิด ซึ่งล้วนแต่เป็นปลาที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นทั้งนั้น และขาปูอลาสก้าชิ้นใหญ่ๆ ทั้งหวานและชุ่มอย่างบอกไม่ถูก หรือจะเป็นหอยนางรมสดๆ ที่อิมพอร์ตกันมาอย่างเต็มอัตรา แต่ว่าเมนูหอยนางรมจะเป็นเมนู Special Day ซึ่งจะไม่เหมือนกันในแต่ละวัน แล้วแต่ว่าเชฟจะคิดและรังสรรค์เมนูตัวไหนมาให้ได้ชิมกันจ้าาาา (ขออนุญาตยืมภาพสวยๆ จากแฟนเพจ REN by Dhara Dhevi) รวมไปถึงข้าวปั้นหน้าต่างๆ ที่มีให้เลือกเยอะแยะมากมาย ทั้งข้าวปั้นแบบนิกิริ หรือข้าวปั้นแบบที่เป็นโรลล์ และมากิซูชิเชิญเลือกเอาไปชิมกันได้ตามอัธยาศัย นอกจากนั้นไลน์อาหารปรุงสุกก็ยังเป็นอีกหนึ่งไลน์ที่น่าสนใจมาก หากใครที่ได้แวะเวียนไปเดินดูรายการอาหารแล้วหละก็จะรู้ว่าแต่ละอย่างของที่นี่จะรู้สึกถึงความอลังการงานสร้างมาก ไม่ว่าจะเป็นหอยเชลล์อบเนย ปลาแซลมอนย่างซอสเทอริยากิ ไก่ย่างเทอริยากิ โอโคโนมิยากิ (พิซซ่าญี่ปุ่น) หอยนารมทอด ทงคัตสึ ปลาเงินทอด เท็มปุระ แกงกะหรี่ ซุปมิโสะ สลัดผักสดๆ ข้าวหน้าปลาไหลย่าง และอีกมากมาย ซึ่งอาหารแต่ละอย่างต้องบอกว่าสามารถเอามา Mix & Match เพราะเมื่อก่อนทางโรงแรมก็ทำอาหารแบบสำเร็จรูปพร้อมเสิร์ฟให้ลูกค้าเลย แต่เนื่องด้วยความชอบส่วนบุคคลของแต่ละท่านไม่เหมือนกัน บางคนไม่ชอบใส่อันนี้ บางคนไม่ชอบทานตัวนั้น ทางโรงแรมก็เลยจัดเป็นไลน์อาหารที่ลูกค้าสามารถที่จะเติมหรือตักกันได้เองตามความชอบตามอัธยาศัย นอกจากนั้นก็จะมีไลน์ของข้าวหน้าปลาดิบ ยำสาหร่ายวากาเมะ โซบะเย็น มะเขือม่วงย่างซอสมิโสะ ฯลฯ เลือกให้ตักกันตามต้องการเช่นเดียวกัน และถ้าหากแวะเวียนออกมาด้านนอก ก็จะเจอกับไลน์อาหารอีกไลน์หนึ่งที่จะต้องบอกว่าอาจจะต้องรอกันนิดหนึ่ง เพราะคิวยาวพอสมควรกันเลยทีเดียว (โดยเฉลี่ยพนักงานจะแจ้งลูกค้าว่าขอความกรุณารอประมาณ 15-20 นาที และจะเอาไปเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ) ไลน์อาหารนี้จะให้บริการทาโกยากิ , เทปันยากิ (สเต็กแบบญี่ปุ่น) และคุชิยากิ (อาหารเสียบไม้ย่าง) โดยทาโกยากิ สามารถสั่งได้เลยว่าต้องการกี่ลูก ถ้าพร้อมเสิร์ฟพนักงานก็จะเอาไปส่งให้ถึงโต๊ะเลยนะจ๊ะ คุชิยากิ หรืออาหารเสียบไม้ย่าง ลูกค้าสามารถไปเลือกตามเมนูที่แสดงไว้ในตู้ด้านหน้าได้เลย ซึ่งเท่าที่ดูแล้วจะมีอยู่ประมาณสิบกว่าเมนู ไม่ว่าจะเป็น พื้นท้องปลาแซลมอน, หมูสามชั้น, เบคอนพันหน่อไม้ฝรั่ง, หอยเชลล์ตัวใหญ่ๆ, เห็ดนางรมหลวง, เห็ดหอม, กุ้งลายเสือ และอีกมากมายที่น้าอ้วนสั่งมาไม่หมด ในส่วนของเทปันยากิก็จะมีให้เลือกอยู่ 3 ตัวด้วยกันคือ ไก่ หมู และเนื้อ ซึ่งแต่ละวัตถุดิบนี้ต้องบอกเลยว่าเป็นแบบชั้นยอด เนื้อก็เป็นแบบนำเข้าจากต่างประเทศ จึงทำให้ได้เนื้อที่นุ่มและเนื้อสัมผัสดีเยี่ยม เสิร์ฟกันมาแบบไซส์พอดี หากใครต้องการพิเศษก็สามารถแจ้งพนักงานได้เลย สุดท้ายน้าอ้วนพามาช้อปของหวาน ใครที่ทานอาหารกันจนเต็มที่แล้ว อย่าลืมเหลือพื้นที่ในกระเพาะจัดของหวานด้วยนะจ๊ะ บอกเลยว่าถ้าไม่ได้ปิดท้ายด้วยของหวานที่นี่ จะบอกเลยว่าพลาด … ของหวานตัวเด่นๆ ที่เชฟตั้งใจทำกันสุดฝีมือโดยในแต่ละวันของหวานก็จะหมุนเวียนเปลี่ยนไปเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซากจำเจ อย่างวันนี้น้าอ้วนเจอ ชีสเค้กญี่ปุ่น, เค้กชาเขียว, มาการองตัวเด่นอย่างมาการองมิโสะ ผลไม้ตามฤดูกาล และไอศครีมโฮมเมด หลายคนถ้าเห็นราคาของบุฟเฟ่ต์ที่นี่แล้วอาจจะบ่นว่าแพง เพราะว่าบุฟเฟ่ต์ที่นี่ราคา 1,250++ บาท (เบ็ดเสร็จก็เกือบๆ 1,500 บาท// ตัวเลขกลมๆ) ถึงแม้ในเชียงใหม่ก็เริ่มมีร้านอาหารญี่ปุ่นเกิดขึ้นมากมาย บางร้านก็ 399 , 499 , 699 หรือ 800 บาท น้าอ้วนเชื่อว่าคุณภาพที่เขามีก็เหมาะสมกับราคาที่ตั้งไว้ แต่ถ้าใครที่ชื่นชอบในการกินอาหารญี่ปุ่นโดยเฉพาะ อยากลองอาหารญี่ปุ่นที่ต้องบอกว่าชั้นยอด ฝีมือจากเชฟอาหารญี่ปุ่นที่เป็นระดับชั้นแนวหน้าของประเทศไทย โดยเชฟก้องวุฒิ (เชฟกระทะเหล็กประเทศไทย อาหารญี่ปุ่น) และได้มาลองปลาดิบเกือบ 20 ชนิดในครั้งเดียว ข้าวปั้นหน้าต่างๆ อีกเป็นสิบกว่าชนิด หอยเชลล์ตัวโตๆ ขาปูอลาก้าหวานชุ่ม และเมนูต่างๆ ที่วัตถุดิบระดับพรีเมียมแล้วหละก็ …. 1,500 บาทนี้บอกเลยว่าไม่แพง หากอยากให้รางวัลกับชีวิตสักครั้ง (หรือบ่อยๆ ครั้ง ๕๕๕๕)... อ่านต่อ
8 Likes0 Comment
photo