4.4
29 เรตติ้ง (21 รีวิว)
กำลังจะปิดจนถึง 23:00
Dine In The Dark
ปิดตา เปิดใจ! ทานอาหารในความมืด @ Dine in The Darkเมื่อวันก่อนเราได้มีโอกาสลิ้มลองประสบการณ์การทานอาหารที่ Dine in The Dark ซึ่งจบมื้อด้วยความอิ่มเอม เปรมปรีดิ์หัวใจสุดๆ เลยอยากจะมาแชร์กับทุกคนค่ะ:) แค่ชื่อก็ฟังดูน่าสนใจแล้วใช่ไหมล่ะคะ? ทำไมต้องทานในความมืด? จะมองเห็นเหรอ? หากอยากรู้คำตอบก็ตามมาทานด้วยกันเลยดีกว่าค่า Dine in The Dark ตั้งอยู่ในส่วนของห้องอาหาร BarSu (บาร์สุ) ชั้น G โรงแรม Sheraton Grande Sukhumvit สามารถเดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS สถานีอโศก และรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีสุขุมวิท ก่อนมาต้องสำรองที่นั่งล่วงหน้าด้วยนะคะ สามารถจองออนไลน์ทางเว็บไซต์ของทางห้องอาหาร https://www.sheratongrandesukhumvit.com/en/store/dineinthedark ช่วงนี้มีโปรโมชันส่วนลดอีกถึง 20% ด้วยล่ะ! เรามาค่อนข้างตรงเวลาค่ะ ซึ่ง Dine in The Dark เปิดบริการเวลา 18.30 น. เมื่อมาถึงแล้วทาง Dine in The Dark จะให้เราเลือกประเภทอาหารก่อนเข้า แต่เราจะไม่สามารถรู้ได้ว่าเมนูนั้นๆ คืออะไร ทั้ง Asian, Western, Vegetarian และ Surprise แน่นอนว่าเราเลือก Surprise ค่ะ 5555 แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะได้ทานอะไรที่ไม่ชอบนะคะ เพราะเราแจ้งอาหารที่เราแพ้ หรือไม่ทานล่วงหน้าได้ค่ะ ขั้นตอนต่อไปคือการเตรียมตัวก่อนเข้าห้องอาหาร พนักงานจะให้เราฝากสิ่งของมีค่าทั้งหมด รวมทั้งโทรศัพท์ นาฬิกาข้อมือ และทุกอย่างที่เรืองแสงได้ลงไปในกล่องสีดำ หลังจากนั้นก็จะมีผ้ากันเปื้อนสีดำให้ใส่ไว้เตรียมก่อนเข้าไปในห้อง Dine in The Dark เมื่อใส่ผ้ากันเปื้อนเสร็จแล้ว ก็จะมีพนักงานที่เป็นผู้พิการทางสายตาออกมาแนะนำตัวค่ะ ซึ่งเขาจะแนะนำว่าเป็น “ไกด์” คอยช่วยนำทางและช่วยเหลือทุกคนในตลอดมื้ออาหารสุดพิเศษนี้ เมื่อแนะนำตัวจบแล้ว ไกด์ก็จะให้ทุกคนเกาะไหล่เรียงกันเป็นรถไฟ แล้วเปิดประตูเข้าห้อง Dine in The Dark สู่ความมืด ขอบอกว่ามืดแบบมืดสนิทจริงๆ หลับตาหรือลืมตาก็มีค่าเท่ากันค่ะ แรกๆ อาจจะยังกลัวๆ แต่พออยู่ไปพักหนึ่งก็จะเริ่มชินไปเอง Tips : To Dine in The Dark 1) เข้ามานั่งโต๊ะเรียบร้อยแล้ว สามารถรู้ตำแหน่งเพื่อนร่วมโต๊ะด้วยเสียงแค่นั้นจริงๆ ค่ะ ไกด์ก็จะมาแนะนำการหยิบจับมีดส้อม และการเทน้ำลงแก้วในความมืด เวลาจะหยิบอะไรบนโต๊ะ สามารถรู้ตำแหน่งสิ่งของนั้นๆ ด้วยวิธีการกวาดมืดไปบนโต๊ะอย่างช้าๆ เวลาเทน้ำไม่ให้หกก็ต้องใช้วิธีจับอุณหภูมิที่แก้ว เสียงรินน้ำ หรือใช้วิธีเอานิ้วจุ่มลงไปบนปากแก้ว แล้วเทน้ำจนกว่านิ้วจะสัมผัสกับน้ำ 2) อาหารเป็น 4-course set คือ appetizer, soup, main และ dessert 3) ก่อนที่แต่ละจานจะมาเสิร์ฟ ไกด์ก็จะคอยดูแลเสิร์ฟให้ทีละคน พร้อมคอยแนะนำวิธีทานจานต่างๆ ซึ่งส่วนนี้แหละค่ะ ที่เป็นความพิเศษของ Dine in The Dark เราจะไม่สามารถรู้เลยว่า อาหารแต่ละจานคืออะไร และประกอบด้วยอะไรบ้าง หากอยากรู้เราจะต้องใช้ประสาทสัมผัสที่เหลือนั่นคือ การดมกลิ่น การใช้นิ้วสัมผัสตัวอาหาร และการลิ้มรสค่ะ แต่ละคำที่เราได้ลองชิม จึงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ และตื่นใจ ว่าเอ๊ะ ที่เราเพิ่งกินไปคืออะไรกันนะ? ใช่อันนี้หรือเปล่า? 4) แน่นอนว่าทางไกด์ก็จะยังไม่เฉลยว่าคืออะไร ปล่อยให้บนโต๊ะพูดคุยและเดากันไปเรื่อยๆ ค่ะ 555 บางจานนี้ ลุ้นที่สุดก็ตอนตักเข้าปากนี่ล่ะค่ะ ว่าจะทำหกจากช้อนก่อนเข้าปากไหม ผ้ากันเปื้อนมีประโยชน์จริงๆ ค่ะ และยิ่งประทับใจมากยิ่งขึ้น เพราะรสชาติอาหารของที่ Dine in The Dark ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ! แต่ละจานปรุงออกมาอย่างยอดเยี่ยม ยิ่งมีความประทับใจ ความประหลาดใจ และความสนุกสนาน ทำให้อาหารจานนั้นๆ ยิ่งมีอรรถรสเพิ่มไปอีกจริงๆ โดยที่ทางพนักงานจะเฉลยเมนูทุกจานเมื่อออกจากห้อง Dine in The Dark ไปแล้วค่ะ ถึงแม้ระหว่างมื้ออาหารจะมีความทุลักทุเลบ้าง แต่ขอบอกว่าประทับใจไม่น้อยเลยจริงๆ เหมือนกับเราได้ลองประสบการณ์ได้สวมบทเป็นผู้พิการทางสายตาชั่วคราว ทำให้ได้ข้อคิดและความรู้สึกแปลกใหม่กลับไปไม่น้อยเลยค่ะ การที่ร่างกายเราชัตดาวน์ระบบสัมผัสอย่างหนึ่งไป ส่วนอื่นก็จะพัฒนาได้ดีขึ้นมาทดแทนกันจริงๆ หลังจากออกจาก Dine in The Dark แล้ว เห็นว่าทางห้องอาหารยังมีดนตรีสดให้ฟังในช่วงประมาณ 21.30 น. ค่ะ เลยขอนั่งดริงก์ต่อในโซน BarSu (บาร์สุ) อีกนิด ทางร้านยังมีโปรโมชันเอาใจสายดริงก์ Fab Five Cocktail (500 Baht Net) และ Grapes Five (1,000 Baht Net) ซึ่งโปรโมชันนี้ง่ายมากๆ ค่ะ เหมือนได้คูปองมาห้าใบ แล้วเราก็เอาคูปองไปเลือกเป็นเครื่องดื่มหรือ house snack จะเลือกเป็นเครื่องดื่มทั้งหมดก็ได้เช่นกัน โดยสองตัวนี้จะต่างกันที่ Fab Five จะเป็น cocktail และ เบียร์ ส่วน Grapes Five จะเป็น house wine ซึ่งเราสามารถซื้อคูปองนี้ได้ถึงเวลาเที่ยงคืน แต่ใช้ได้จนถึงเวลาห้องอาหารปิดเลย สั่งอาหารทานเล่นมาทานแกล้มหลายอย่าง ประทับใจมากทีเดียวค่ะ ทั้ง Calamari (250 บาท) ปลากหมึกทอดกรอบ เคี้ยวเพลิน และ Chicken Skewer (250 บาท) ไก่หมักรสชาติกลมกล่อม เสียบไม้หยิบทานสะดวก เสิร์ฟคู่กับมะเขือเทศซัลซา Oysters (6 ตัว 650 บาท) ทางร้านใช้เป็นพันธุ์จากอเมริกา ทานสดๆ แกล้มไวน์ก็ชวนฟินไม่ใช่น้อย หรือจะเป็นจานเบาๆ อย่าง Nicoise Seasonal Salad (390 บาท) ผักสดๆ คลุกเคล้าน้ำสลัดรสเด็ด แถมด้วย yellow fin tuna สดๆ ชิ้นโต แต่ถ้าใครอยากทานจานหลัก ทาง BarSu (บาร์สุ) ก็พร้อมเสิร์ฟค่ะ ขอแนะนำจานนี้เลย Lamb Shank (350 บาท) เนื้อแกะนำมาปรุงสไตล์เอเชียน เนื้อเปื่อยนุ่มกำลังดี แถมไม่มีกลิ่นคาวแกะ ส่วนของแกงรสชาติคล้ายๆ แกงเขียวหวาน เข้ากันดีอย่างไม่น่าเชื่อค่ะ จบมื้อนี้ไปด้วยความประทับใจทั้งในส่วนของ Dine in The Dark และ BarSu (บาร์สุ) ค่ะ ใครสนใจสามารถมาลองได้ที่ห้องอาหาร Barsu ชั้น G โรงแรม Sheraton Grande Sukhumvit สามารถโทรมาสำรองที่นั่งได้ที่ 02-649-8358 หรือจองออนไลน์ผ่านทาง เว็บไซต์ ได้เลยค่ะ... อ่านต่อ
0 Like0 Comment
photo