SAKURA YAKINIKU SHABU SUSHI เซ็นทรัล พลาซ่า ลาดพร้าว
คานิโรล
อร่อย 2 แบบในร้านเดียว เพราะมีทั้งปิ้งย่างและชาบู กับเนื้อแกะนุ่มๆ และกุ้งแม่น้ำตัวโตพักนี้เป็นอะไรไม่รู้อยากกินแต่ปิ้งย่างๆ มองอะไรก็เห็นแต่คำว่า “ปิ้งย่าง” แปะอยู่ จนเพื่อนที่ทำงานบอกว่า อินเนอร์ปิ้งย่างแรงมาก ซึ่งโจทย์ในการกินปิ้งย่างของเรา หลักๆ เลยก็คือไม่กินเนื้อ ฉะนั้นต้องมีหมูให้เลือกหลายส่วน หลายชนิด และถ้ามีของที่ทดแทนเนื้อได้ อย่าง “เนื้อแกะ” ก็จะเจ๋งมากๆ ก็เลยมาลงตัวที่ร้าน “Sakura Yakiniku & Shabu” เพราะว่าที่นี่มี “เนื้อแกะ” ให้กินด้วย!!! บุฟเฟต์ของ “ซากุระ” มี 2 ราคาคือ 499++ บาท กับ 599++ และมันเจ๋งตรงที่กินได้ทั้งยากินิคุและชาบูในคราวเดียวกันเลย เพียงเพิ่มเงินอีก 50 บาท หรือถ้ากินชาบูแล้วจะขอเพิ่มน้ำ (หนึ่งหม้อมีให้ 2 น้ำ) ต้องเพิ่มเงินอีก 50 บาท **ระยะเวลาในการกิน 90 นาที** มาดูเมนูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง *แบบพรีเมียม ราคา 599 บาท++ ประกอบด้วย* - กุ้งแม่น้ำ (ถาดละ 200 บาท) - เนื้อแกะนิวซีแลนด์ (ถาดละ 200 บาท) - เนื้อน่องลายโคขุน (ถาดละ 120 บาท) - หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ (ถาดละ 160 บาท) - กุ้งเทมปุระ - แซลมอนนอร์เวย์ซาชิมิ - ข้าวปั้นหน้าแซลมอนนอร์เวย์ นอกจากนี้ยังสามารถสั่งเมนูต่างๆ ที่มีอยู่ในแบบธรรมดา 499 บาท ได้ด้วย *แบบธรรมดา ราคา 499 บาท++ ประกอบด้วย* - เนื้อสันคอออสเตรเลีย (ราคาถาดละ 100 บาท) - หมูดำคุโรบูตะ (ถาดละ 150 บาท) - เนื้อหนอกโคขุน (ราคา 100 บาท) - สันคอหมู (ถาดละ 100 บาท) - สะโพกไก่ (ถาดละ 40 บาท) - หมูสามชั้น (ถาดละ 100 บาท) - ปลาซาบะ (ถาดละ 80 บาท) - หมูนุ่มหมักน้ำมันงา (ถาดละ 90 บาท) - กุ้งแก้ว (ถาดละ 60 บาท) - เต้าหู้ปลา (ราคา 40 บาท) - ปลาไข่ (ถาดละ 60 บาท) - ปลาหมึกกล้วย (ถาดละ 80 บาท) - เบคอน (ถาดละ 50 บาท) - ไส้กรอกเวียนนา (ถาดละ 50 บาท) - ข้าวห่อสาหร่ายไส้รวม (ราคา 100 บาท) - ข้าวห่อสาหร่ายคลุกไข่กุ้ง (ราคา 120 บาท) - คานิโรล(ราคา 120 บาท) - ไข่ตุ๋น (ราคา 70 บาท) - แซลมอนยำตะไคร้ (ราคา 120 บาท) - ยำสาหร่าย (ราคา 80 บาท) - ผักยำ (ราคา 50 บาท) - กิมจิ (ราคา 120 บาท) - ซุปมิโสะ (ราคา 50 บาท) (ถ้าเป็นคนกินน้อย กินบุฟเฟต์แล้วกลัวกินได้นิดเดียว แล้วจะไม่คุ้ม ก็สามารถสั่งเป็น a la carte ได้ด้วย ราคาต่อถาดก็ไม่แพงเลย) เครื่องดื่มและของหวานของทั้ง 2 ราคา จะมีไอศกรีมชาเขียวถั่วแดงให้คนละ 1 ถ้วย ส่วนเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์มีให้เลือก 4 อย่าง คือ ชาเขียวเย็น/ร้อน, ชามะนาว, น้ำอัดลม (est) และพันช์ ถ้าต้องการจะสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็มีให้เลือกหลายอย่างเหมือนกัน เช่น สาเกร้อน, สาเกสด, สาเกเย็น, เบียร์สิงห์ และเบียร์ไฮเนเก้น แต่ราคาจะไม่รวมอยู่ในบุฟเฟต์ ต้องจ่ายเพิ่มต่างหาก *ชุดผัก, เครื่องเคียงและไซด์ดิชต่างๆ* ชุดผักสุขภาพยากินิคุ (ชุดละ 70 บาท) ส่วนชุดผักสุขภาพชาบู (ชุดละ 100 บาท) เห็ดของซากุระมีให้เลือกเยอะดี มีทั้งเห็ดออรินจิ เห็ดภูฏาน เห็ดหอม และเห็ดเข็มทอง เวลาเอาเห็ดไปย่างไฟแล้วอร่อยสุดๆ ส่วนกิมจิของที่นี่ เป็นกิมจิที่ทางร้านทำเอง เลยมีรสชาติเฉพาะตัว และกลิ่นไม่ฉุนแบบกิมจิทั่วไป ในชุดบุฟเฟต์เราสามารถสั่งไซด์ดิชต่างๆ มากินควบคู่กับปิ้งย่างไปด้วยได้ ขอแนะนำว่า “แซลมอนยำตะไคร้” อร่อยมากๆ แซลมอนหั่นเต๋า ยำๆ มาแบบรสชาติจัดจ้านสไตล์ไทยๆ เลย เอาไว้กินเรียกน้ำย่อยได้ดี หรือถ้าจะสั่งเป็นซาชิมิ ซูชิก็มีให้เลือกหลายแบบเหมือนกัน ทั้งซูชิแซลมอน ซูชิไข่หวาน ซูชิปูอัด แบบที่อลังการขึ้นมาอีกหน่อยก็เป็นซูชิโรล แต้ถ้าไม่อยากตัดกำลังในการกินปิ้งย่าง-ชาบู ก็ให้สั่งมากินแต่น้อย *น้ำซุปชาบู* น้ำซุปชาบูของ “ซากุระ” มีให้เลือกถึง 5 ชนิด คือ น้ำซุปปลาโอแห้ง น้ำซุปต้มยำ น้ำซุปราเมง น้ำซุปสุกี้ และน้ำซุปกระดูกหมู ซึ่งสามารถขอเปลี่ยนน้ำได้เรื่อยๆ ตลอดระยะเวลาที่กิน ที่ได้ลองคือน้ำซุปต้มยำกับน้ำซุปปลาแห้ง รสชาติเข้มข้นมากๆ น้ำซุปต้มยำจะหอมกลิ่นเครื่องเทศต้มยำสุดๆ แต่แม้ว่ารสชาติน้ำซุปจะเข้มข้นขนาดไหน พอซุปเดือดไปเรื่อยๆ กลับไม่ได้เค็มเกินไปแบบบางร้านที่เคยเจอมา ที่พอน้ำงวดเข้าหน่อย ก็เค็มปี๋เลย สมกับที่เค้าบอกว่าที่นี่ไม่ใส่ผงชูรส *น้ำจิ้ม* ชอบน้ำจิ้มยากินิคุของที่นี่มาก เพราะรสชาติเข้มข้นชัดเจน จิ้มกับเนื้อย่างต่างๆ แล้วช่วยเสริมรสชาติให้เนื้ออร่อยขึ้นอีกเท่าตัว ส่วนน้ำจิ้มชาบู มีให้เลือกสองแบบ คือน้ำจิ้มชาบูแดง และซอสพอนสึที่ใส่น้ำเลมอนลงไปด้วย ส่วนตัวขอบพอนสึมากกว่า เพราะมันยังเหลือรสของน้ำซุปไว้บนเนื้อหมูด้วย และที่สำคัญเค้าบอกว่าไม่ใส่ผงชูรสด้วยนะเออ ซึ่งกินแล้วมันก็รู้ได้ไม่ยากนะ เพราะถ้าใส่ผงชูรสมา รสชาติจะติดหวานๆ แล้วก็จะทำให้เราคอแห้ง หิวน้ำ แต่ของที่นี่ไม่เป็นเช่นนั้น *จุดเด่น* นอกจากจะเจ๋งตรงที่มี “เนื้อแกะ” แล้ว ยังเด็ดตรงที่มี “กุ้งแม่น้ำ” ตัวโตๆ ให้กินแบบไม่อั้นด้วย สอบถามได้ความว่า กุ้งที่นี่จะมาแบบเป็นๆ พอจะเสิร์ฟให้เรา ถึงทำให้กุ้งตาย ด้วยเหตุนี้เนื้อกุ้งเลยสดมาก เนื้อเด้งมันไหลเยิ้มเลยทีเดียว เวลาเอากุ้งไปย่างจะหอมมากๆ นึกถึงกุ้งเผาอยุธยาเลย ส่วนปลาแซลมอนก็เป็นแซลมอนนอร์เวย์ทั้งตัวที่นำเข้ามาแบบแช่เย็น แล้วจึงค่อยนำมาหั่นที่ร้าน เนื้อเลยแน่นและสดกว่าปลาแซลมอนแช่แข็งที่หั่นแยกชิ้นส่วนมาแล้ว ซึ่งแบบนั้นจะทำให้สูญเสียความชุ่มฉ่ำของเนื้อปลาไปหลายเปอร์เซนต์เลยทีเดียว ส่วนเนื้อหมูก็ชิ้นหนาพอสมควร เค้าสไลซ์มาได้ขนาดที่พอดีกับการย่างไฟแรงๆ เลย และหมูของที่นี่ใช้หมู S-Pure ด้วย(ที่บ้านแพร์ใช้หมูนี้ทำกับข้าว) เนื้อเลยเหนียวนุ่ม เพราะไม่มีพวกสารเร่งเนื้อแดง และไม่ใช้เคมีภัณฑ์ในการเลี้ยงหมูซึ่งจะทำให้เนื้อหมูมันนุ่มแบบเละๆ ย่างแล้วไม่อร่อย ด้านเนื้อวัว (ซึ่งไม่ได้กินเอง แต่เพื่อนกิน) อย่างเช่นเนื้อสันคอออสเตรเลีย จะเป็นเนื้อที่มาจากวัวที่กินหญ้าเป็นอาหารเท่านั้น ไม่ใช่วัวที่ถูกเลี้ยงด้วยหัวอาหารที่มีเคมีภัณฑ์ปะปน ซึ่งพอเพื่อนกินแล้ว ก็บอกว่าชอบมาก เนื้อนุ่มนวลชวนเคี้ยว ส่วนเรามาฟินกับเนื้อแกะดีกว่า ซึ่งเพื่อนที่ไปด้วย มีเคล็ดลับในการย่างเนื้อแกะให้หอมอร่อย โดยตอนที่ย่างเพื่อนเค้าจะรอจนเนื้อแกะเริ่มสุก แล้วก็เอาคีมมาผัดๆ คลุกๆ เนื้อบนตะแกรง ให้เนื้อมันโดนเปลวไฟแบบรัวๆ เร็วๆ สักพักก็เอาขึ้น เนื้อแกะก็เลยสุกกำลังดี หอมน่ากิน และไม่เหนียวเลย จิ้มกับน้ำจิ้มรสเข้มข้นแล้วฟินสุดๆ ถ้าให้มองหาร้านปิ้งย่าง+ชาบู แบบมาที่เดียว อร่อยได้สองแบบ แล้วก็เป็นร้านในห้าง เดินทางสะดวก ราคากำลังดี ไม่ถูกไม่แพงเกินไป เหมาะสมกับคุณภาพของอาหาร ก็ลองมาที่ “ซากุระ”... อ่านต่อ
6 Likes0 Comment
photo