4.5
28 เรตติ้ง (20 รีวิว)
ปิดอยู่จะเปิดในเวลา 18:30
เมนูของร้าน Upstairs at Mikkeller
สัมผัสประสบการณ์อาหารสุดหรูในบรรยากาศผ่อนคลาย สบาย ๆ เป็นกันเองสัปดาห์ก่อนมีโอกาสได้ไปร่วมกิจกรรม Wongnai Chef Table ที่ร้าน Upstairs At Mikkeller ที่พึ่งได้รับรางวัลมิชลิน 1 ดาว ประจำปี 2018 ด้าน Innovations (1 Michelin Star คือร้านอาหารที่อร่อยมากเมื่อเทียบกับร้านประเภทเดียวกัน) บรรยากาศร้าน : ตัวร้านเป็นบ้าน 2 ชั้น ตกแต่งเรียบง่ายสไตล์โมเดิร์น ชั้นล่างจะเป็นร้าน Mikkeller Bangkok ที่ดังในเรื่องคราฟท์เบียร์ ชั้นบนจะเป็นร้าน Upstairs At Mikkeller รองรับลูกค้าได้ไม่เกิน 20 ที่ Chef Dan Bark เป็นเชฟชาวเกาหลี -อเมริกัน เคยเป็น Sous Chef จากร้าน Grace ที่ได้มิชลิน 3 ดาวในเมืองชิคาโก้ รูปแบบของอาหารมื้อนี้จะเป็นอาหารในรูปแบบ Progressive American 10-course tasting menu 3,300++ บ.โดยเมนูจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เปิดแค่มื้อเย็นวันพฤหัส-ศุกร์-เสาร์ ต้องจองล่วงหน้าเป็นเดือน ๆ โดยทั่วไปในการทานอาหารสไตล์นี้มักจะมีการจับคู่อาหารกับไวน์ต่าง ๆ แต่ที่ร้านนี้นำเบียร์มาแพรริ่งกับอาหาร ซึ่งแต่ละเมนูอาหาร เบียร์ที่จะนำมาจับคู่ก็จะแตกต่างกันออกไป Beer ที่เพื่อน ๆ ในโต๊ะสั่งมาลองกัน เราได้แต่ถ่ายรูปไม่ได้ชิมนะคะ รออ่านของคนอื่น 555 - Mikkeller - Whatever 240 บ. (มีเฉพาะที่ร้าน Mikkeller และ W เกาะสมุย) แอลกอฮอลล์ 4.5% กลิ่นหอมมะม่วง - To OI - Releaf Me 320 บ. เบียร์ที่มีส่วนผสมของใบมะกรูด แอลกอฮอลล์ 5.8% เห็นพี่แหม่มบอกแรงดี กลิ่นหอม - Mikkeller San Diego - Fruit Face แอลกอฮอลล์ 4.0% ออกแนวผลไม้ ๆ (แครนเบอรี่ , รูบาร์บ , ส้ม) - Acqua Panna เป็นน้ำแร่ที่ชาวต่างชาตินิยมกัน รสชาติใส ๆ เคลียร์ ๆ ไม่มีกลิ่นเหมือนน้ำเปล่านี่หล่ะ Progressive American 10-course tasting menu Amuse Bouche จะมี 2 เมนู - เมนูแรกเป็นเยลลี่เสาวรส และเสาวรสสด ท็อปด้วยวนิลาวิปครีม โรยหน้าด้วยกราโนล่า รสอมเปรี้ยวอมหวาน อร่อยชื่นใจ ทานแล้วกระตุ้นต่อมรับรสให้ตื่นตัว เตรียมพร้อมที่จะรับรสอาหารจานถัดไป - เมนูถัดมาเป็นข้าวเกรียบคีนัว มีความกรุบกรอบ ทานคู่กับเบคอนออมเล็ต ที่มีส่วนผสมของเบคอน , โฮลเกรนมัสตาร์ด , เมเปิ้ลไซรัป นำไปคลุกกับเบียร์เล็กน้อย เพื่อเพิ่มกลิ่นอโรม่า มีความหวานความเปรี้ยวผสมผสานกัน - IKURA - blueberry, hibiscus, thyme เมนูนี้จะได้ความเค็มจากไข่ปลาแซลมอน ความเปรี้ยวอมหวานจากบลูเบอรี่ และน้ำกระเจี๊ยบที่ทำมาเป็นเกล็ดน้ำแข็ง ,โยเกิร์ต เพิ่มความหอมด้วย thyme milk เมนูนี้แบบเซอร์ไพรส์มาก ไม่เคยคิดว่าไข่ปลาแซลมอนจะเข้ากับนมและบลูเบอรี่ได้ สำหรับเรากินแล้วว้าวนะคะ - CARROT - goats milk, pomelo, fennel สมเป็นจานแครอทจริง ๆ คือวัตถุดิบอย่างเดียวแต่นำไปทำกรรมวิธีหลาย ๆ อย่าง มีทั้งเบบี้แครอท , powder carrot , puree carrot และยังมีส่วนผสมของนมแพะ , funnel , ส้มโอ - Homemade Brioche ขนมปังบริยอช ซึ่งมีส่วนผสมของไข่และเนยจำนวนมาก ทำให้ขนมปังนุ้มนุ่ม ทานคู่กับ Olive oil Jam และเนย โรยด้วย black lava salt ที่มีรสเค็มเล็ก ๆ ละมุน ๆ ทานคู่กันจะเพิ่มกลิ่นเพิ่มอโรม่า - SEAFOOD BISQUE - papaya, guava, shimeji ใช้มะละกอผัดกับไวน์ขาว ทานคู่กับกุ้ง และเห็ดชิมิจิ เป็นจานซุปที่มีความเบา รสชาติกำลังดี ไม่เค็มจนเกินไป - CAULIFLOWER - curry, grape, hoja santa ดอกกะหล่ำขาว มีมะนาวแอบอยู่ด้านในเพิ่มความเปรี้ยวความหวาน เพิ่มความมันด้วย brown butter ตกแต่งด้วยเมอร์แรงค์ , องุ่น ,ลูกเกด , คีนัวซอสสีเหลืองมีความเผ็ดเล็ก ๆ เพราะเป็นซอสเครื่องแกง ซอสสีเขียวทำจากใบชะพลู - WAGYU BEEF - sherry, truffle, chive เนื้อวากิวย่างมาแบบ Medium rare สุกกำลังดี ทานคู่กับ truffle gastrique sauce และ truffle paste มีดอกกุยช่ายโรยอยู่ด้านบน และโรยรอบ ๆ ด้วยผงกุยช่าย (chive powder) เสิร์ฟคู่กับมันม่วงอบกรอบ เนื้อคือดี อร่อยนุ่ม truffle pasteได้รสและกลิ่นทรัฟเฟิลแบบเต็ม ๆ ส่วนคนที่ไม่ทานเนื้อทางร้านจะเปลี่ยนเป็น Hokkaido Scallop ให้ ซอสเหมือนกับจานเนื้อทุกอย่าง แต่เราว่าคงไม่ฟินเท่า อิอิ -TORTELLINI - coconut, cucumber, coriander แยกเสิร์ฟเป็นจานเกี๊ยวกับน้ำซุป น้ำซุปมาในเครื่องชงกาแฟ Syphon ถามเพื่อนที่มีเครื่องชงกาแฟแบบนี้ เค้าบอกว่าการใช้เครื่อง Syphon มันจะดึงเอากลิ่น และอโรม่าออกมา ต่างกับแบบต้มจะได้รสชาติเต็ม ๆ กว่า ตัวเกี๊ยวแป้งนุ่มดี ไส้น้อยไปหน่อย น้ำซุปดูจากส่วนผสมแล้วเป็นแนว ๆ ต้มยำ ต้มแซ่บแบบไทย ๆ ด้านล่างเกี๊ยวจะมีกะทิใส่มาด้วย พอไปผสม ๆ กัน ด้วยความที่น้ำซุปรสอ่อน ๆ รสชาติมันกึ่ง ๆ จะต้มยำก็ไม่ใช่ จะซุปใสแบบฝรั่งก็ไม่เชิง มาเจอกะทิข้น ๆ ด้านล่างอีก รู้สึกเมนูนี้ยังไม่สุด - DUCK - orange, olive, leek อกเป็ดที่นำไป sous vide ให้นุ่ม ด้านล่างเป็นมันฝรั่งบดเนื้อเนียนละมุน ตามมาด้วยขาเป็ดกงฟี เพิ่มความกรอบด้วยหนังเป็ด ซอสเป็น black olive เพิ่มรสชาติด้วย leek gel เป็ด 3 แบบทานคู่กับส้ม 3 สไตล์ ส้มสด , ซอสส้ม และ marmalade จานนี้เป็นอีกจานที่ชอบนะคะ ปกติไม่ค่อยชอบกินเป็ดเท่าไหร่ แต่จานนี้เราชอบอกเป็ดมาก นุ่มจริง ๆ - APPLE เป็นเมนูล้างปากก่อนเข้าสู่เมนูขนมด้านในเป็นน้ำแอปเปิ้ล เคลือบด้วยไวท์ช็อคโกแลต แต่งด้วยคาราเมล และใบโคลเวอร์เมนูนี้ต้องปิดปากให้สนิทก่อนเคี้ยว เพราะน้ำแอปเปิ้ลจะแตกโพละอยู่ในปาก - LONGAN - mulberry, pistachio, rice ลำไยซอร์เบต์ (langan sorbet)และลิ้นจี่สดหวาน ๆ มีความเปรี้ยวหวานจาก mulberry & mulberry sorbet เพิ่มความกรุบกรอบด้วย rice cracker, pistachio cracker & tuiile มีความหนุบหนับเคี้ยวเพลินจากโมจิลำไย ผสานด้วยความหอมจากนมข้าวคั่ว (rice milk) เป็นจานที่ผสมผสานหลาย ๆ อย่างเข้าด้วยกันอย่างลงตัวดีค่ะ - CHOCOLATE - banana, cranberry, yogurt ใช้ดาร์คช็อคโกแลต 40% (peru chocolate)ใส่ใบไทม์ลงไปด้วยแล้วบีบเป็นเส้น ๆ ตกแต่งด้วยช็อคโกแลตเมอแรงค์ แท่งตรงกลางเป็น banana tube เย็น ๆ ด้านในเป็นโยเกิร์ตผสมรัม ทานคู่กับกล้วยหอม , เค้กกล้วย , แครนเบอรี่ชีท และแครนเบอรี่แยม กล้วยกับช็อคเข้ากันอยู่แล้ว จานนี้เราชอบค่า - Last bites ซึ่งมีขนมชิ้นเล็ก ๆ 4 ชนิด อันได้แก่ Cookie , Brownie , Jelly , Chocolate Truffle จบคอร์สทั้งหมดนี่อิ่มใช่ย่อยนะคะรู้ตัวอีกทีก็จะ 4 ทุ่มแล้ว คือเวลาผ่านไปไวมาก ตอนท้ายเชฟและภรรยาคุณเฟย์มาคุยด้วยนิดหน่อย น่ารักทั้งคู่เลยค่ะ อาหารในรูปแบบ Progressive American ของเชฟแดน เป็นการนำเอาความแตกต่างและหลากหลายของวัฒนธรรมจากประเทศต่าง ๆ มาสร้างสรรค์เป็นเมนูอาหาร โดยใช้วัตถุดิบจากหลากหลายจังหวัด และหลากหลายประเทศ ทั้งสวยงาม รสชาติดี เข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ ที่สำคัญกลิ่นของวัตถุดิบแต่ละตัวชัดมาก 10 จานนี้เป็นได้ทั้งอาหารและงานศิลปะ มีความหลากหลายในทุก ๆ จาน ได้ความแปลกใหม่ และประทับใจ ต้องขอบคุณทางเว็บ Wongnai ที่พาไปเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ในครั้งนี้ด้วยค่ะ พิกัดร้าน : อยู่ในซ.เอกมัย 10 แยก 2 มีที่จอดรถหน้าบ้านเล็กน้อย ทางที่ดีเดินทางด้วยรถสาธารณะจะดีกว่าค่ะ... อ่านต่อ
10 Likes0 Comment
photo