4.1
25 เรตติ้ง (21 รีวิว)
เปิดอยู่จนถึง 23:00
เมนูของร้าน Urbani Truffle Bar & Restaurant Bangkok
Fine Dining บนตึกสูง กับวิวระฟ้าสุดสายตา และอาหารธีม Truffle สุดครีเอทUrbani Tartufi (หรือ Urbani Truffles) - บริษัทผู้ผลิต Truffles รายใหญ่จากแคว้น Umbria ในอิตาลีนี้เป็นธุรกิจเก่าแก่ที่ดูแลกันมาในครอบครัวถึง 5 ชั่วคน ปัจจุบันนอกจากจะเป็นแบรนด์ชั้นแนวหน้าที่ครองส่วนแบ่งตลาด Truffles ถึงกว่า 70% แล้ว ยังมีทั้งธุรกิจท่องเที่ยวและ Truffle Museum รวมถึงเปิดร้านอาหารและ Stores ในเครือ Urbani มากมายหลายสาขาทั่วโลก รวมถึงร้าน Urbani Truffle Bar & Restaurant ที่เพิ่งเปิดตัวในกรุงเทพฯเป็นครั้งแรกนี้ด้วย เมื่อได้การบริหารของ Mr. Roberto Ugolini แห่ง Watermark Group - เจ้าของร้านอาหารหลายแห่งทั้งในกรุงเทพฯและภูเก็ต ผนวกกับฝีมือรังสรรค์หลากหลายเมนูอาหารของ Executive Chef Gonzalo Ruiz ผู้ย้ายมาจากห้องอาหาร Sirocco ของโรงแรม Le Bua แล้ว ก็นับเป็นการรวมตัวกันของวัตถุดิบชั้นเลิศและเชฟมากฝีมือที่น่าจับตามองทีเดียวค่ะ ****- Concept-**** ถ้าดูจาก Profile ของร้านแล้ว ก็ไม่แปลกใจที่อาหารจะเน้นวัตถุดิบราคาสูงอย่างเห็ด Truffle เป็นธีมหลัก ความน่าสนใจจึงอยู่ที่การได้เห็นการผสมผสาน Truffle ลงในอาหารต่างๆ ทั้งสารพัดจานของคาวตลอดไปจนถึงของหวานในแบบที่หาทานที่อื่นๆได้ยาก โดยอาหารในส่วนของ Restaurant นั้นจะเป็นแนว Italian Fine Dining แต่บางเมนูก็จะมีอาหารญี่ปุ่นแทรกมาบ้าง มีการใช้วัตถุดิบอย่าง Chutoro, Botan Ebi และเนื้อ Hida-gyu ที่นำเข้าจากญี่ปุ่น เช่นเดียวกับเมนูอาหารอิตาเลียนที่ก็ import วัตถุดิบและเครื่องปรุงส่วนใหญ่มาจากอิตาลีนั่นเอง สำหรับในส่วนของ Bar นั้นทราบมาว่ากำลังเตรียมจะเปิดเป็นแบบ Raw Bar ซึ่งเน้นของสดและอาหารญี่ปุ่น โดยไม่ลืมที่จะใส่ Truffles ร่วมเป็นองค์ประกอบ ซึ่งเชฟจะทำการปรุงอาหารภายในเคาน์เตอร์บาร์ให้เห็นได้ชัดเจนคล้ายการทานอาหารแบบ Chef’s Table ทั้งแปลกใหม่และน่าสนุกมากเลยล่ะค่ะ ****- การเดินทาง / บรรยากาศ-**** ร้านตั้งอยู่ที่ชั้น 39 อาคาร Sathorn Square ถ้ามาทาง BTS ให้ออกที่สถานีช่องนนทรี จะมีทางเชื่อมเข้าสู่ชั้น 3 ของตัวอาคารได้เลย Reception ของร้านจะตั้งเป็นเคาน์เตอร์อยู่บริเวณหน้าโถงลิฟต์ชั้น 1 เนื่องจากเป็นอาคารสำนักงานซึ่งต้องมีบัตรผ่านของพนักงานสำหรับเข้าลิฟต์เพื่อรักษาความปลอดภัย ลูกค้าที่จะมาทานอาหารจึงต้องมาติดต่อที่เคาน์เตอร์นี้ก่อนเพื่อให้พนักงานของร้านเป็นผู้พาขึ้นไปที่ร้านนะคะ สำหรับบรรยากาศร้านนี่ถึงกับต้องว้าวเลยกับวิวมุมสูงของกรุงเทพฯที่เห็นได้เต็มๆตาแบบ Floor to ceiling รอบทิศ การตกแต่งใช้สีโทนขรึมเข้ม ดูเรียบหรู Ultra – chic แบ่งโซนระหว่าง Bar และ Restaurant ค่อนข้างชัดเจน บริเวณครัวเปิดโล่ง มองเห็นทีมเชฟกำลังทำงานกันได้ตลอด แถมยังมีในส่วนของชั้นวาง Products ในเครือ Urbani Truffles ที่สามารถซื้อกลับบ้านได้อีกต่างหาก ดูแล้วน่าจะถูกใจสาย cooking มากมายเลยล่ะ ****-เมนูของทางร้าน-**** สำหรับตอนนี้ซึ่งเป็นช่วง Soft – Opening เมนูอาหารในส่วนของ Bar และ Drink Menu จึงยังไม่เรียบร้อยดี แต่พนักงานสามารถนำเสนอเมนูที่พร้อมเสิร์ฟในแต่ละวันให้เลือกสั่งได้ ซึ่งนอกจาก Cocktails และ Mocktails แล้ว ยังมีไวน์นำเข้าอีกกว่า 300 Labels ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ขวดละ 1,200 บาทขึ้นไปค่ะ ในส่วนของ Restaurant นั้นเน้นเมนูอาหารแบบเป็นคอร์ส แต่ถ้าใครอยากสั่งแบบเป็นจานๆก็มีเมนู A la carte ซึ่งก็นำอาหารจากในคอร์สต่างๆนั่นล่ะมาคิดราคาแยกเป็นจานๆ แน่นอนว่าเทียบราคาแล้วสั่งเป็นคอร์สย่อมคุ้มกว่า มีให้เลือกตามนี้ค่ะ ● Lunch Menu 590++ Bht – เป็นอาหาร 3 คอร์ส คือ Salad – Pasta - Dessert ไม่รวมเครื่องดื่มค่ะ แอบมองตอนเชฟเตรียมอาหารเลยได้เห็นว่าพาสต้าที่นี่ใช้เส้นสดนวดแป้ง-รีดเส้นกันจานต่อจานเลยด้วยนะ น่าลองทีเดียว ● Lunch Menu 790++ Bht – อาหาร 3 คอร์ส มี Salad – Meat and Fish-Dessert มีชา-กาแฟรวมอยู่ด้วย ● Five Course Signature Menu 3,900 ++ Bht – เซ็ทนี้มี Amuse Bouche และ Chandon อีก 1 แก้วให้ด้วย ● Seven Course Signature Menu 5,500++Bht - มี Amuse Bouche และ Chandon อีก 1 แก้วให้ด้วยเช่นกัน ● Vegetarian Set 3,900++ Bht – เซ็ทนี้ในแต่ละคอร์สจะกำหนดอาหารมาเลย ไม่ได้มีช้อยส์ให้เลือกคอร์สละ 2-3 เมนูอย่างเซ็ทอื่นๆ แต่ก็มี Amuse Bouche และ Chandon อีก 1 แก้วให้เหมือนกันค่ะ นอกจากเปิดเป็นร้านอาหารแล้วทางร้านยังรับจัด Event ด้วย โดยรองรับได้ถึง 120 คน ในส่วนนี้เมนูก็คงแล้วแต่จะตกลงกัน และยังสามารถจัดร่วมกับร้านใน Floor เดียวกันคือ KOI และ The Club ได้ ใครสนใจก็ลองติดต่อดูนะคะ ****-เมนูที่ได้ลอง-**** เนื่องจากมื้อนี้ได้รับเชิญจากทางร้าน อาหารที่ได้ลองจึงไม่ใช่การสั่งเป็นเซ็ทใดเซ็ทหนึ่งครบทั้งเซ็ท แต่เป็นการนำตัวอย่างอาหารบางจานจากในเซ็ท Five Course Signature Menu และของหวานจากทั้ง Five และ Seven Course Signature Menu มาให้ลองเพื่อรีวิวไว้เป็นข้อมูลให้คนที่สนใจจะไปที่ร้านได้อ่านก่อนพอเป็นไอเดีย โดยทุกจานสามารถสั่งแบบ A La carte ได้ด้วยค่ะ ● Bread (Complimentary) – ขนมปังโฮมเมดที่ทางร้านทำเอง เสิร์ฟห่อผ้ามาอย่างดี เนื้อขนมปังดีใช้ได้เลย โดยเฉพาะชิ้นที่เป็น Baguette นี่ถูกใจเป็นพิเศษ แต่แอบแปลกใจที่ไม่มีเนยหรือ Balsamic / น้ำมันมะกอก มาให้เลย ไม่แน่ใจว่าลืมหรือตั้งใจโชว์รสแท้ของขนมปังที่อุตส่าห์อบเอง ซึ่งถ้าใครอยากได้ก็คงขอได้นะคะ ● Truffle Foie Gras Terrine – จานนี้เป็น Homemade Truffle Foie Gras Terrine เนื้อละเอียดนุ่มนวล ผิวนอกเคล้าถั่ว Pistachio กรุบกรอบ เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมรส Pistachio ที่เนื้อเนียน ครีมมี่มากๆ ตัดรสด้วยซอสเบอร์รี่และ Balsamic Vinegar ที่ทำออกมาได้เก๋ไก๋ในรูปเจลลี่เม็ดจิ๋วเคี้ยวหนุบ เวลาทานให้ป้าย Foie Gras กับไอศกรีมลงบนขนมปังกรอบที่เสิร์ฟมาให้พร้อมกัน รสชาติดีใช้ได้เลย ● Pear and Truffle Salad – สลัด Baby Spinach ใส่ชิ้น Pear confit หวานๆและส้มสด ทีเด็ดคือฝาน Black Truffle สดๆกรอบๆมาให้ถึง 3 แผ่นโตๆ น้ำสลัด Vinaigrette ผสม Lemon Oil รสอ่อนๆไม่จี๊ดมาก เห็นได้ชัดว่าตั้งใจชูรสชาติวัตถุดิบสดใหม่และ Truffle หอมๆให้โดดเด่น ถือว่าเป็นจานที่บาลานซ์รสชาติได้ดีมากค่ะ ● Pan-Roasted Sea Bass – ใช้ Spanish Seabass ชิ้นย่อมๆ จี่หนังปลาได้กรอบกริ๊บ เนื้อปลานุ่มละมุน และไม่อมน้ำมันแม้แต่น้อย เสิร์ฟพร้อมฟักทองอบชุปอัลมอนด์ฝานบางที่วางมาบนชิ้น Chorizo ทอด ให้รสเปรี้ยวจัดจ้านช่วยชูรสหวานอ่อนๆของฟักทองได้ดี มี Pumpkin puree ป้ายไว้ข้างๆ เพิ่มความสดชื่นด้วย Tomato Confit ปั่นผสมกับขิงญี่ปุ่น และไม่ลืมมีมูส Truffle ทำเป็นฟองโฟมนุ่มๆไว้ให้ด้วย เป็นจานที่มีส่วนประกอบเยอะ ใช้ทานสลับเสริมรส-ตัดรสกันได้สนุกทีเดียว ● Slow Cooked Lamb Tenderloin – จานนี้คือดีงามแบบฟินทะลุชาร์ตเลย อร่อยน้ำตาจิไหล เนื้อแกะส่วน Tenderloin ล้วนๆไม่มีมันติดซักนิด แต่ Sous Vide มาจนละมุน ได้ความนุ่มอร่อยที่ไม่มีความเลี่ยนปนและไม่มีกลิ่นสาบเลยแม้แต่น้อย โรย Herb Crust ชูรสมาบางๆ เสิร์ฟพร้อม Sun dried tomato, Baby Carrots และกระเทียมอบ มี Truffle Relish เนื้อเนียนป้ายไว้ด้านล่าง ท็อปด้วยชิ้น Black Truffle สดๆที่พนักงานมาฝานใส่ให้ที่โต๊ะ พร้อมกับเทน้ำเกรวี่ให้ด้วย ชิมแล้วคือบอกเลยว่าเป็นน้ำเกรวี่ที่รสชาติเป๊ะมาก กลมกล่อม ละมุน เข้ากับทุกองค์ประกอบในจานได้อย่างลงตัว ปลื้มปริ่มสุดๆค่ะ ● White Truffle Tiramisu – เป็นเมนู Tiramisu ที่ตีความออกมาได้ล้ำที่สุดที่เคยกินมา ครีมชีส Mascarpone ที่อัดแน่นด้วยรสชาติของ Truffle นั้นสอดไส้ไว้ใน White Chocolate Dome ที่ถูกทำให้แข็งด้วย Liquid Nitrogen ทานพร้อม Berry Crumble และ Lady Finger นุ่มๆที่หั่นเป็นชิ้นๆวางไว้ด้านนอก โรยด้วยผง Truffle อีกที เป็นของหวานที่มีรสชาติก้ำกึ่งคล้ายของคาวอยู่นิดๆ ตัว White Chocolate Dome อาจต้องปรับเรื่องการ temper อีกนิด และค่อนข้างหนาไปหน่อยทำให้ตักยาก แต่ Dark Chocolate ที่ตกแต่งมานั้นทำได้ดีค่ะ ● Mango and Truffle – เป็นจานที่ Presentation อลังการสุดๆ Soft Cheese Cake ราดชิ้นมะม่วงสด ทานกับ Mango Puree ที่รสมะม่วงชัดเจนมาเต็ม วางมาบน Crumble กรุบกรอบ เคียงด้วยแผ่นชีสเค้กอบผสม Truffle แล้วท็อปด้วย Truffle สดที่ฝานเป็นแท่งบางๆ โดยพนักงานจะมาโปรยผง White Truffle สีทองให้ตอนเสิร์ฟ ส่วนตัวชิมแล้วชอบจานนี้มากๆ เลยล่ะ [Petit Four] ปิดท้ายมาด้วย Truffle Praline เคลือบช็อกโกแลตเหลวๆ เสียบไม้ปักมาใน Chocolate Crumble หอมๆกรอบๆ ดูแล้วเหมือนจะสื่อถึงภาพเห็ดปลูกอยู่ในดินสม concept ร้าน เวลาทานให้คว่ำไม้ เอา Chocolate ลงไปจิ้มคลุกกับ Crumble ได้เลย มีขนม Madeleine เคียงมาให้ทานเพลินๆ เข้ากันดีทีเดียวนะ [Drinks] ● Lemon Mint Soda – รสชาติเลมอนสดๆมาเต็ม หอมใบมิ้นต์บางๆ สดชื่นดีค่ะ ● Grape & Berries Juice – แก้วนี้คือได้ใจไปเต็มๆ เพราะชิมแล้วรู้สึกได้เลยว่าใช้องุ่นสดและเบอร์รี่สดๆทำล้วนๆ ...คือไปเที่ยวตามไร่องุ่นบางที่น้ำองุ่นยังไม่คั้นสดแบบนี้เลยนะ ● Hot Americano / Hot Cappuccino – เป็นกาแฟ Capsule ที่นำเข้าจากอิตาลี แม้จะไม่ถึงขั้นกาแฟตามร้าน Specialty Coffee แต่ก็ดีใช้ได้ล่ะ ****-The Verdict-**** ในภาพรวมนั้นอาหารอร่อยใช้ได้แทบทุกอย่าง โชว์ความประณีตซับซ้อนแบบ Fine Dining ผสานเข้ากับรสชาติแบบอาหารโฮมเมดที่เน้นการชูรสแท้ของวัตถุดิบชั้นเลิศให้โดดเด่น แม้ร้านจะยังอยู่ในช่วง Soft Opening บางเรื่องอาจยังไม่พร้อมสมบูรณ์แบบไปซะทั้งหมด แต่ก็มีอาหารให้บริการหลากหลายพอสมควรแล้ว ซึ่งถ้าเปิด Grand Opening เมื่อไหร่น่าจะเป็นอีกหนึ่งร้านที่น่าจัดมากทีเดียว ในแง่ราคาของชุด Signature Menu นั้นดูว่าจะสูงซักหน่อย แต่วัตถุดิบก็ใช้ของราคาสูงเช่นกัน พอจะชั่งใจดูได้อยู่ ที่ดูว่าคุ้มเว่อร์คือ Lunch Set - ราคาประมาณนี้นี่ถือว่าพอๆกับร้านอาหารฝรั่งตามห้างทั่วๆไป แต่ได้อาหาร 3 คอร์สที่ Head Chef มาดูแลครัวด้วยตัวเอง แถมด้วยวิวระฟ้าแจ่มๆกับบรรยากาศที่น่ารื่นรมย์ แม้ครั้งนี้จะไม่ได้ลองอาหารจากเซ็ทอาหารกลางวันเลย แต่ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่ต้องกลับไปลองแน่ๆค่ะ... อ่านต่อ
66 Likes0 Comment
photo