4.2
11 เรตติ้ง (5 รีวิว)
เปิดอยู่จนถึง 22:30
ครัวลลิต
Oasis ใจกลางเมือง ลิ้มลองอาหารแบบฉบับไทย ๆ แปลกใหม่แต่กินแล้วเพลินใจวันนี้น้าอ้วนจะพาไปรู้จักสถานที่แปลก ๆ ยอมรับตามตรงเลยว่าตอนแรกก็ไม่รู้หรอกว่าย่านนั้นจะมีสถานที่แบบนี้ด้วย จนได้ทำความรู้จัก และเคยไปงานที่จัดขึ้นในสถานที่นี้มาแล้วก็รู้สึกว่ามันแปลก ถือว่าเป็นรีสอร์ทใจกลางเมือง ใจกลางย่านที่พลุกพล่านด้วยถนนที่คับคั่งด้วยยานพาหนะที่สัญจร รวมไปถึงอาคารต่าง ๆ ที่เป็นตึกสูงใหญ่ แต่ที่นี่ Parc Borough City Resort ถือเป็นรีสอร์ที่อยู่ใจกลางเมือง เมื่อใครได้หลงเข้ามาแล้วจะรู้สึกว่า เฮ้ย!! มีสถานที่แบบนี้อยู่ตรงนี้ด้วยเหรอ แต่วันนี้น้าอ้วนไม่ได้พามาเที่ยวรีสอร์ทนะ จะชวนมาหาอาหารไทยอร่อย ๆ กินกันที่ห้องอาหาร ครัวลลิต ที่รีสอร์ทแห่งนี้ สี่แยกสนามบิน ช่วงเช้า ๆ หรือช่วงเย็น ๆ ถ้าใครผ่านไปแถวนี้ประจำก็คงรู้ดีว่าเป็นสี่แยกที่คับคั่งไปด้วยยวดยาน พาหนะต่าง ๆ ที่จะต้องผ่านสี่แยกแห่งนี้ … เมื่อถ้าเราเลี้ยวไปทางที่จะมุ่งหน้าไปสี่แยกหนองหอย ผ่านองค์การโทรศัพท์ไปนิดหนึ่ง ก็จะเจอป้ายบอกทางเข้าสู่ Parc Borough City Resort (สังเกตดี ๆ ซ้ายมือ) ก่อนถึงธนาคารกรุงไทย พอเลี้ยวรถมาแล้วจะเริ่มรู้สึกถึงความร่มรื่น ต้นไม้ต่าง ๆ เริ่มมากขึ้น นั่นแหละเรียกว่าเริ่มโดยมนต์สะกดของรีสอร์ทนี้เข้าแล้ว แอบคุยกันเล่น ๆ ว่าต้นไม้ทั่วโรงแรมนี่เผลอ ๆ จะแพงกว่าโรงแรมด้วยซ้ำ ๕๕๕๕ ด้วยความร่มรื่นของทั้งต้นไม้ใหญ่ หรือแม้แต่ต้นไม้เล็ก ๆ ที่ให้ความเขียวชะอุ่มกันเกือบทุกตารางเมตรของที่นี่ ด้วยบรรยากาศที่เป็นสไตล์รีสอร์ท จึงทำให้โรงแรมแห่งนี้น่าจะเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่สำหรับใครอยากมาชิลล์ ๆ ในสไตล์ธรรมชาติ แต่ไม่ต้องขับรถออกนอกตัวเมือง อยู่ใจกลางเมืองเนี่ยแหละ มาพูดถึง “ครัวลลิต” ห้องอาหารไทยของรีสอร์ทแห่งนี้ จะมีอยู่ 2 โซนด้วยกัน คือสำหรับใครที่ชื่นชอบอากาศเย็น ๆ กับห้องแอร์เรือนกระจกด้านใน หรือ Glass House เป็นห้องที่เพดานสูง ห้อมล้อมไปด้วยกระจก สามารถมองเห็นธรรมชาติด้านนอกได้อย่างชัดเจน หรือพื้นที่ด้านนอก ที่เป็นกลางแจ้ง ช่วงฤดูหนาวแบบนี้อากาศตอนเที่ยง ๆ บ่าย ๆ บอกเลยว่าไม่ค่อยร้อน อาจจะเป็นเพราะที่นี่ต้นไม้เยอะ เลยทำให้มีความเย็นสบาย และน้าอ้วนเชื่อว่ามุมที่อยู่บริเวณด้านหน้าน้ำตก น่าจะเป็นจุดที่ลูกค้าหลาย ๆ คนต้องเลือกที่จะนั่งกินข้าวแน่นอน เริ่มต้นจากเมนูเรียกน้ำย่อย เบา ๆ อร่อย ๆ อย่าง ข้าวโพดซีดอย (125 บาท) หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับข้าวโพดคลุกเนยที่จะได้กลิ่นหอมของเนย หวาน มันและมีความเค็มตัดนิด ๆ แต่เมนูนี้ไม่ได้ใช้ข้าวโพดที่เราคุ้นเคยเอามาทำ เขาใช้ข้าวสาลีดอย ที่มีเนื้อสัมผัสเป็นเอกลักษณ์ที่เหนียวหนึบ เคี้ยวสนุกมาเป็นวัตถุดิบหลัก รวมไปถึงพริกไทยสดเพื่อเพิ่มความเผ็ดเบา ๆ และกุ้งแก้วเอามาเสริมความอร่อยให้มีหลากหลายมิติมากขึ้น หมูโค (195 บาท) เห็นแล้วรู้สึกทำให้น้ำลายสอ ใครที่ชอบกินหมูกรอบหละก็ บอกเลยถ้าเห็นเมนูนี้แล้วต้องตื่นเต้น หมูสามชั้นหั่นเป็นชิ้นใหญ่ ๆ คั่วกับน้ำปลาอย่างดีจนได้รสชาติเค็มเบา ๆ ตัดความหวานด้วยน้ำตาลมะพร้าวที่ได้ความหวานแบบละมุน เมนูนี้ใครจะกินเล่นเพื่อเรียกน้ำย่อย หรือกินเป็นจานหลักเลยก็โอเคนะ ผัดเชียงดาผัดไข่กุ้งแก้ว (145 บาท) ผักเชียงดา ผักพื้นบ้านของทางเหนือ ผักที่เรียกได้ว่าสรรพคุณทางยามีเยอะมาก เริ่มกรรมวิธีตามแบบสไตล์บ้าน ๆ ด้วยการเจียวน้ำมันหมูเอง แล้วเอาผักเชียงดามาผัดด้วยไฟแรง ๆ พอให้สลดเท่านั้น จึงทำให้ผักมีความสดและกรอบ ผัดไม่นานพอให้ไข่สุกเท่านั้น แล้วโรยด้วยกุ้งแก้วกรอบ คะน้าฮ่องกงผัดแฮม (155 บาท) คะน้าฮ่องกงที่เลือกเอาแบบต้นที่ไม่แก่เกินไป เอามาล้างแล้วหั่นเป็นชิ้นขนาดพอคำ เอาไปผัดกับซอสต่าง ๆ จนได้รสชาติกลมกล่อม โรยด้วยแฮมที่หั่นเป็นชิ้นพอดี ยกลงจากเตาพร้อมเสิร์ฟ ผัดหมี่โบราณกุ้งสด (180 บาท) คนสมัยโบราณเวลาทำอาหารสักอย่างก็มักจะทำแบบถึงพริกถึงขิง ผัดหมี่โบราณจานนี้ก็เรียกได้ว่าเต็มที่ด้วยเช่นกัน เส้นหมี่ขาวที่ลวกสุกพอดี ผัดกับซอสสูตรเด็ดจนฉ่ำแต่ไม่เละ ใส่ไข่ ใส่กุ้งและผัดไปเรื่อย ๆ จนแห้งเล็กน้อย ตักใส่จานเสิร์ฟพร้อมกับผักเครื่องเคียงและกากหมูที่โรยมาได้แบบเต็มอกเต็มใจมาก พะแนงหมู 36 ชั่วโมง (325 บาท) สำหรับเมนูนี้ยอมใจเชฟจริง ๆ ๕๕๕​ ที่พยายามเคี่ยวเนื้อหมูชิ้นใหญ่ ๆ เต็มปากเต็มคำแบบนี้ด้วยไฟอ่อน ๆ เป็นเวลากว่า 36 ชั่วโมง จนได้เนื้อหมูที่สุก นุ่ม เปื่อยอร่อย พร้อมกับซอสพะแนงที่รสชาติเข้มข้น หอมเครื่องแกง ก่อนเสิร์ฟราดกะทิสักนิดเพื่อเพิ่มความหอม มันและกลมกล่อมยิ่งขึ้น ปลากะพงราดพริก (385 บาท) เมนูปลาเพื่อสุขภาพ ปลากะพงตัวขนาดใหญ่พอดี แล่เนื้อให้เป็นชิ้น ๆ เอาไปชุบแป้งบาง ๆ แล้วทอดให้ด้านนอกกรอบ ด้านในยังคงความฉ่ำ หลังจากนั้นก็เอามาผัดกับเครื่องต่าง ๆ จนได้รสชาติที่จัดจ้านแบบพอดี โรยด้วยใบกะเพราทอดกรอบ พร้อมเสิร์ฟ น้าอ้วนก็มักจะได้ยินบ่อย ๆ ว่า มนุษย์เราจะมีกระเพาะสำหรับใส่อาหารคาวอันหนึ่ง และกระเพาะสำหรับใส่อาหารหวานอีกอันหนึ่ง เมื่ออิ่มของคาวกันไปแล้ว เราก็ต้องมาปิดท้ายด้วยของหวานกันสักนิด ไอติมตัดข้าวเหนียวมะม่วง (85 บาท) แรงบันดาลใจมาจากไอติมโบราณที่คนขายจะใส่รถจักรยานและมีถังไอศกรีมอยู่ด้านหลัง แล้วไอศกรีมจะเป็นแท่งยาว ๆ คนขายก็จะตัดแบ่งขาย นั่นแหละเรียกว่าไอติมตัด (เด็กสมัยนี้น่าจะไม่ทัน ๕๕๕) มะม่วงสุกที่ผสมกับกะทิและน้ำตาลโตนดเอาไปเที่ยวจนเข้ากัน เอาไปแช่แข็งจนเซ็ทตัว เสิร์ฟพร้อมกับถั่วทองและราดกะทิซะหน่อย รสชาติหอม หวานอมเปรี้ยว อร่อย ข้าวตอกลอยแก้ว (95 บาท) อ่านไม่ผิดหรอก ข้าวตอกที่ผู้เฒ่าผู้แก่มักจะเอาไปวัดนั่นแหละ ถูกนำมาดัดแปลงเป็นเมนูของหวานที่หน้าตาแปลก ข้าวตอกและข้าวเม่าที่ผสมกันแล้วเอาไปคั่ว ตักใส่จาน พร้อมท็อปปิ้งต่าง ๆ ก่อนกินราดด้วยน้ำกะทิอุ่น ๆ ซะหน่อย เวลากินก็อย่ากินเร็วนะจ๊ะ เพราะว่าเดี๋ยวข้าวตอกจะติดฟัน สุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุด เพิ่มความสดชื่นด้วยเครื่องดื่มเย็น ๆ อย่าง ชาเย็นกะทิสด (65 บาท) ชาเย็นหรือชาแดงไม่ได้ใส่นมสดอย่างที่เราคุ้นเคย แต่จะใช้กะทิสดที่มีความหอม มัน รสชาติหนักแน่นมากกว่า ตอกย้ำความอร่อย สดชื่นแบบไทย ๆ …​และปิดท้ายกับ น้ำมะนาวหอมน้ำผึ้งป่า (55 บาท) น้ำมะนาวคั้นสด ๆ เพิ่มความหวานลงไปสักนิดด้วยน้ำผึ้งป่าที่หอมหวาน จิบเมื่อไรหอมอบอวนอยู่ในปาก OASIS ใจกลางเมือง ตอนที่น้าอ้วนขับรถมาที่รีสอร์ทแห่งนี้ จำได้ว่าเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ยังจอดรถติดอยู่สี่แยกสนามบินอยู่เลย มองไปท้ายซ้ายก็ตึก มองข้างหน้าก็คอนโด เหลียวไปข้างขวาก็เซ็นทรัลฯ แต่พอเลี้ยวเข้ามาที่รีสอร์ทแล้ว เหมือนว่าหลุดมายังอีกโลกหนึ่ง ร่มรื่น อากาศไม่ร้อน มีพื้นที่สีเขียวให้ได้มองดูสบายตา อาหารที่นี่ถ้าพูดโดยรวมแล้วรสชาติจะออกกลาง ๆ แต่ไม่ต้องห่วงถ้าเป็นแขกคนไทยหละก็ เชฟก็จะเพิ่มดีกรีความจัดจ้าน ความเข้มข้นของอาหารให้ถูกปากยิ่งขึ้นแน่นอน... อ่านต่อ
0 Like0 Comment
photo