4.0
49 เรตติ้ง (43 รีวิว)
เปิดอยู่จนถึง 20:00
ย่งหลี สุขุมวิท 39 (พร้อมพงษ์)
ปลากะพงผัดพริกตำ** อร่อยมาก
ตำนานร้านอาหารสไตล์กุ๊กช็อปย่านพร้อมพงษ์ ความอร่อยที่ยังคงกลิ่นอายสมัยปู่ ท่ามกลางห้างหรูใจกลางเมืองร้านนี้ผมภูมิใจขอนำเสนอให้กับคนที่ผ่านมาหรืออยู่ย่านสุขุมวิทช่วงพร้อมพงษ์ที่อาจยังไม่รู้จักร้านนี้ครับ ถ้าพูดถึงย่านนี้คงไม่พ้นห้างหรูหราอย่าง Emporium, EmQuartier ที่เปิดตัวไปไม่นาน และคอนโดหรูใจกลางเมืองในย่านที่มีคนญี่ปุ่นอาศัยอยู่เยอะในกรุงเทพฯ รวมถึงระบบขนส่งมวลชนที่สะดวกอย่าง BTS พาดผ่าน เผื่อใครต้องการเปลี่ยนบรรยากาศทานข้าวในร้านหรูๆลองมานั่งทานร้านอาหารไทย-จีนไหหลำแบบสไตล์โบราณกันบ้างครับ [ประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับร้านนี้:] แต่ก่อนผมเคยทำงานประจำอยู่แถวๆย่านนี้แหละครับ ได้รู้จักกับร้านนี้โดยเพื่อนร่วมงานแนะนำพามาทานและติดใจในเรื่องรสชาติอาหาร และได้มาทานอยู่บ่อยๆครับ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้อยู่ประจำแถวนี้แล้วก็ตามแต่ผมก็ยังแวะเวียนผ่านมาทานร้านนี้อยู่เนืองๆครับ ล่าสุดครั้งที่ผ่านมาผมก็ยังพาทั้งครอบครัวรวมถึงลูกสาวตัวน้อยมาใช้บริการนั่งทานอาหารร้านนี้อยู่เลยครับ เรียกได้ว่าทานตั้งแต่ผมยังเริ่มทำงานใหม่ๆจนตอนนี้มีลูกแล้วก็พาเค้ามาทานครับ [ประวัติเกี่ยวกับร้าน:] เปิดตั้งแต่ปี พ.ศ.2487 (ตามที่เขียนบนหน้าปกเมนูอาหาร) ให้บริการอาหารไทย-จีน-ฝรั่ง หรือเรียกว่าสไตล์ #กุ๊กช็อป (ผมขออธิบายคำนี้อย่างละเอียดทีหลังใน Comment ของรีวิวนี้ครับ) ดั้งเดิมร้านนี้อยู่ที่ตรงข้ามกรมอุตุนิยมวิทยาเก่า (หรืออุทยานเบญจสิริในปัจจุบัน) ต่อมาภายหลังการจราจรคับคั่งจอแจจึงมีการห้ามจอดรถริมถนนในปี 2541 เค้าจึงยุบร้านแรกดั้งเดิมไปรวมกับร้านในซอยสุขุมวิท 39 (ซอยพร้อมพงษ์) ที่ลูกชายได้แยกเปิดสาขาไว้ก่อนหน้าตั้งแต่ปี 2516 [ที่ตั้งร้านและการเดินทางมา:] ร้านอยู่ในซอยสุขุมวิท 39 (เลย EmQuartier มาเล็กน้อย) แนะนำเข้ามาจากฝั่งถนนสุขุมวิทจะใกล้กว่ามากเพราะอยู่แถวๆปากซอยฝั่งนี้เลยครับ (ซอยนี้สามารถทะลุด้านหลังไปถนนเพชรบุรีได้) เข้ามาไม่ไกลประมาณไม่ถึง 100 เมตรดี ร้านอยู่ฝั่งขวามือริมฟุตบาทเลยครับ ใครมาทาง BTS ก็สะดวกครับ ลงสถานีพร้อมพงษ์ตรงทางออกที่ไปซอย 39 เดินเข้ามาในซอยในระยะที่เดินได้แบบไม่เหนื่อยเลยครับ ถ้าใครขับรถมาแล้วคิดว่าต้องการจอดแบบสะดวกสบายสามารถเดินเข้ามาถึงในซอยนี้ได้แนะนำว่าให้จอดในห้างหรู 2 ห้างที่ผมกล่าวมาก่อนหน้านี้ (เพราะฟรี 2 ชม.แรก ถ้าผมจำไม่ผิด) แล้วเดินเข้ามาถึงที่ร้านเอาครับ หรือถ้ามาในชั่วโมงไม่เร่งด่วนมากก็เอารถมาจอดเทียบฟุตบาทในซอย 39 เอาครับ แต่ต้องเป็นฟุตบาทฝั่งตรงข้ามร้านนี้เท่านั้น (ถ้ามีที่ว่างนะครับ) ปกติผมก็เอามาจอดฝั่งตรงข้ามร้านนี้ซึ่งส่วนใหญ่ผมไปตอนที่เวลาคนไม่เยอะมากครับ [ข้อมูลที่ควรรู้:] • ร้านเปิด จันทร์-เสาร์ (หยุด 1 วัน วันอาทิตย์) 10:00-20:00 • มีร้านที่ชื่อ “ย่งหลี” เหมือนกันอยู่ตรงปากซอยสุขุมวิท 15 ร้านออกแนวเก่าๆเหมือนกัน แต่เท่าที่ผมไปหาข้อมูลมา ร้านนั้นตรงซอย 15 เป็นคนละร้านคนละเจ้าของกันเลยครับ ไม่ใช่สาขาของร้านนี้แต่อย่างใด บังเอิญชื่อร้านเหมือนกันเท่านั้นครับ • ร้านนี้เป็นสไตล์กุ๊กช็อป หรือพ่อครัวคนจีนแต่ทำอาหารฝรั่งขายครับ ซึ่งในสมัยก่อนที่ไทยเรียกว่าสยามเราเริ่มเปิดรับวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามามากขึ้นรวมถึงเรื่องอาหาร พ่อครัวสมัยนั้นในพระนครก็มีการปรับสูตรการทำอาหารฝรั่งให้ถูกปากคนไทย • บรรยากาศในร้านยังคงกลิ่นอายสมัยรุ่นปู่ย่าตายายคือเป็นห้องอาหารจีนเก่าๆ ไม่ติดแอร์ มีแต่พัดลม แต่ด้านหน้าร้านริมถนนโปร่งโล่งลมพัดระบายดีครับ พวกโต๊ะเก้าอี้ไม้นั่งทานข้าวยังคงเป็นของเดิมๆ รวมถึงตู้เก็บอาหารโบราณที่ตั้งโชว์ด้านหน้าร้านซึ่งตอนนี้ไม่ได้ใช้แล้ว • จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือผนังร้านด้านหนึ่งภายในร้านจะมีแปะบทความเกี่ยวกับร้านเค้าที่หนังสือพิมพ์หรือนิตยสารต่างๆได้เขียนไว้ ซึ่งเป็นแบบเก่าแก่มากๆครับ ดูได้จากสีกระดาษที่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองเหมือนผ่านร้อนผ่านหนาวมานานมากครับ (ดูจากรูปล่างรีวิว) --------------- [อาหารที่ผมสั่งประจำ:] • **ปลากะพงผัดพริกตำ มีให้เลือก 2 ขนาด จานเล็ก (70) จานใหญ่ (125) ตัวเลขราคาล่าสุดตอนไปทานในวงเล็บไม่เป๊ะนะครับแต่ใกล้เคียงประมาณนี้ จะเป็นปลากะพงชิ้นๆเอาไปทอดจนเหลืองกรอบมากๆ แล้วเอาไปผัดกับเครื่องปรุงต่างๆของทางร้านและที่ขาดไม่ได้คือพริกตำที่เค้าตำพอหยาบๆไม่ได้เอาไปปั่นจนละเอียด สีสันจานอาหารจานนี้หลังจากทำเสร็จแล้วจึงดูน่าทานดีครับ คหสต.ผมว่ารสชาติอร่อยมากครับปกติจานนี้เวลาผมทานจะกินปลากะพงกรอบๆควบคู่กับพริกตำที่ใส่มาแบบพอดีกับชิ้นปลา เคี้ยวในปากจะได้ความหวานหอมของปลาบวกกับความเผ็ดของพริกตำ ความกรอบของปลากับเนื้อหยาบๆของพริกตำเข้ากันสุดๆครับ จานนี้ได้ทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆเป็นอะไรที่ผมว่าหยุดไม่ได้เลยจนหมดจานครับ เมนูนี้ผมแนะนำมากให้ลองสั่งมาทานดู สั่งทุกครั้งที่ผมมาเลย รสชาติรวมๆจะออกเผ็ดรสจัดหน่อย ดังนั้นใครไม่ทานเผ็ดอาจไม่ชอบครับ • **ปูจ๋า (ชิ้นละ 60 บาท) สูตรของร้านนี้คือจะใช้เนื้อปูล้วนๆไม่มีหมูมาเจือปนเลย คลุกกับเครื่องปรุงต่างๆ ปั้นเป็นก้อนๆแล้วเอาไปชุบไข่ วางลงบนเปลือกหอยแบบเต็มพื้นที่ของเปลือกเลย แล้วเอาไปทอดจนสีเหลืองทองกรอบ กินคู่กับซอสพริกรสออกเค็มๆหน่อยที่ทางร้านเอามาให้คู่กัน คหสต.ผมว่าเมนูนี้อร่อยดีอีกเช่นกันครับ ตักออกมาเนื้อปูเน้นๆเลย ทอดมาไม่สุกเกินแบบกรอบนอกแต่ไม่แข็ง หอมกลิ่นไข่และเครื่องปรุง รสหวานเนื้อนุ่มจากเนื้อปู ใครไม่ทานเค็มแนะนำว่าไม่ควรจิ้มซอสพริกเยอะ หรือจะทานเปล่าๆเลยก็ได้ครับได้ความหอมหวานของปูแบบไม่ปรุงแต่ง ราคาดูออกจะแพงไปหน่อย แต่เทียบกับวัตถุดิบที่ใช้แล้ว เมนูนี้ผมยกนิ้วให้เลยเยี่ยม แนะนำลองสั่งมาทานดูครับ ครั้งล่าสุดผมสั่งมา 3 ที่เลยครับ มากันผู้ใหญ่ 2 เด็ก 1 • ต้มยำขาหมู เป็นแบบน้ำใสครับ รสชาติน้ำต้มยำจะออกเปรี้ยวนำและเค็มนิดหน่อย ได้กลิ่นสมุนไพรเครื่องต้มยำแบบไทยๆแต่ไม่เด่นมาก ผมว่าคล้ายๆกับพวกต้มบ๊วยนะครับ ส่วนขาหมูจะใส่มาเป็นชิ้นค่อนข้างใหญ่ ปริมาณค่อนข้างเยอะเหมือนกัน ขาหมูไม่ได้เน้นส่วนเนื้อๆจะติดมันนุ่มๆเหนียวๆหน่อยเหมาะสำหรับคนชอบทานส่วนมันๆ ชามนี้เหมาะสำหรับทาน 2-3 คน คหสต.ผมว่าเมนูนี้เฉยๆครับ • สลัดเนื้อสัน ถือว่าเป็นเมนูหนึ่งขึ้นโต๊ะสำหรับร้านอาหารสไตล์กุ๊กช็อปทุกร้านต้องมี เป็นการประยุกต์อาหารฝรั่งโดยพ่อครัวจีนให้ถูกปากคนไทยครับ ปกติร้านสไตล์นี้จะเอาเนื้อมาทุบด้วยฆ้อนเหล็กตะปุ่มตะป่ำเพื่อให้เหนียวฉีกขาด หมักแล้วนำไปชุบแป้งทอด ใช้ผักกาดหอม มะเขือเทศ หอมใหญ่ แตงกวา เป็นผักสลัด ราดด้วยน้ำสลัดแบบใส แต่สำหรับร้านย่งหลีนี้เค้าจะเอาเนื้อไปหมักเป็นก้อนคล้ายลูกเต๋า ไม่ได้เอาไปชุบแป้งแล้วทอด คหสต.ผมว่าหมักเครื่องเทศได้เข้าเนื้อดีครับ แต่เนื้อเวลาเคี้ยวไม่ถึงกับนุ่มมาก ส่วนน้ำสลัดผักจะออกข้นๆหน่อยครับ ส่วนผักสลัดผมว่ากรอบดี จิ้มกินกับซอสเปรี้ยวไก่งวงเหมือนร้านกุ๊กช็อปอื่นๆ ผมรู้สึกว่าตอนที่ไปล่าสุดตัวเนื้อสันหมักที่เป็นก้อนลูกเต๋ามันดูหดๆลงไปหน่อย และน้ำมันเยิ้มบ้างข้างใต้จานครับ แต่โดยรวมผมว่ายังรสชาติอร่อยดีอยู่ครับถ้าไม่พิจารณาเรื่องปริมาณและการเตรียมมาเสิร์ฟ ค่าเสียหายทั้งหมดครั้งล่าสุดที่ไปทาน รวมข้าวสวย (ถ้ามาตั้งแต่ 2 คน ร้านนี้เค้าจะใส่ข้าวสวยลงในจานใหญ่ใบเดียวแล้วให้เรามาตักแบ่งที่โต๊ะกันเอง ไม่ได้แยกใส่จานเดียวมาให้) และเครื่องดื่มเป็นน้ำเปล่าบวกน้ำแข็งถังนึง ทั้งหมด 550-560 บาทครับ สำหรับผู้ใหญ่ 2 เด็ก 1 ถือว่าอิ่มใช้ได้เลยครับ สรุปว่าครั้งนี้ผมให้ 4 ดาวครับ รู้สึกว่าบางเมนูที่สั่งรสชาติไม่โดดเด่นเท่าไหร่ แต่เมนูที่ผมชอบมากๆและมาสั่งทุกครั้งอย่าง ปลากะพงผัดพริกตำ ปูจ๋า รสชาติยังอร่อยสุดๆเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนครับ ส่วนราคานั้นผมสังเกตว่าเหมือนมีปรับขึ้นมาบ้างเล็กน้อยจากคราวก่อนที่ผมมาทานเมื่อนานมาแล้วครับ ส่วนบรรยากาศในร้านยังคงความมีมนต์ขลังสไตล์ร้านอาหารคนจีนเก่าแก่ไว้ไม่เปลี่ยนแปลงเลย สำหรับผมแล้วร้านนี้ถึงแม้ว่ากาลเวลาจะผ่านไปเรื่อยๆอย่างรวดเร็วบ้านเรือนต่างๆที่อยู่รอบๆร้านเปลี่ยนแปลงไปมากตั้งแต่เริ่มเปิดร้านนี้ใหม่ๆที่น่าจะเป็นทุ่งนาจนตอนนี้กลายเป็นเมืองมีทั้งห้างและคอนโดมากมาย ความอร่อยนั้นก็ยังคงเช่นเดิมเรียกได้ว่าเป็นตำนานร้านอาหารของย่านนี้ได้เลยครับ เห็นได้จากลูกค้าที่มานั่งทานซึ่งมีทุกรุ่นจริงๆครับ รุ่นพ่อแม่ก็พาลูกหลานมาทานเป็นครอบครัวถึงแม้ว่าบรรยากาศจะไม่ค่อยสะดวกสบายเหมือนนั่งในร้านตามห้างก็ตาม... อ่านต่อ
26 Likes0 Comment
photo