4.2
21 เรตติ้ง (14 รีวิว)
ปิดอยู่จะเปิดในเวลา 08:00
Cafe Cha โรงแรม เดอะ สยาม
มาชิม "กาแฟขี้ช้าง" ณ ดินแดนจิบชา กาแฟแสนสงบที่ยังไม่มีใครค้นพบวันนี้ได้มาเยือนโรงแรม เดอะ สยาม (The Siam) โรงแรมที่ใฝ่ฝันถึงว่าอยากจะมามากๆๆๆๆ เพื่อมาชิมและชม "กาแฟขี้ช้าง" หรือ "Elephant Dung Coffee" (ราคา 1,200 บาท) ที่มีขายเพียงไม่กี่ที่ในเมืองไทย … แต่ด้วยความที่เป็นคนไม่กินกาแฟ ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องกาแฟ จึงขอไม่พูดถึงว่ากาแฟขี้ช้าง "อร่อยหรือไม่อร่อยอย่างไร" แต่จะเป็นการบอกเล่าถึง "รสชาติที่ลิ้นได้สัมผัส และกลิ่นที่กระทบจมูก" ก็แล้วกันนะคะ ก่อนอื่นขอเล่าให้ฟังก่อนว่า "กาแฟขี้ช้าง" นี้ เมด อินไทยแลนด์นะคะ ต้นทางการผลิตอยู่ที่เชียงราย เป็นกาแฟที่เกิดจากการนำผลสดๆ ของกาแฟพันธุ์อะราบิก้าไปให้ช้างกินควบคู่กับอาหารอื่นๆ โดยทุกๆ วันจะมีอาหารเตรียมให้ช้างกินราวๆ 30 กิโลกรัม ซึ่งใน 30 กิโลกรัมนี้ จะมีผลกาแฟสดผสมปนเปอยู่ด้วย ช้างก็จะเลือกกินเข้าไปตามความพอใจของมัน พอช้างกินเสร็จ ก็จะย่อยอยู่ในร่างกายเป็นเวลา 15-70 ชั่วโมง แล้วก็ถ่ายออกมา จากนั้นก็จะเก็บเอาผลกาแฟสดที่ผ่านกระบวนการย่อยสลาย (แต่ไม่ย่อย) ในร่างกายของช้างไปคั่วตามกรรมวิธีปกติ เมล็ดกาแฟที่ได้จะมีกลิ่นหอมมาก ขนาดยืนอยู่ไกลๆ ยังได้กลิ่น และบางทีก็มีกลิ่นหอมของอ้อย หรือวานิลลาติดมาด้วย เพราะเป็นสิ่งที่รวมกันอยู่ในอาหารที่ช้างกินเข้าไป กาแฟขี้ช้างที่ผ่านน้ำย่อยในกระเพาะของสัตว์ใหญ่อย่างช้าง ที่คงจะมีฤทธานุภาพมหาศาลตามขนาดตัว จะมีคาเฟอีนแค่ 1-2% เท่านั้น กินแล้วคงไม่ทำให้ตาสว่างไปทั้งคืนแน่นอน แล้วเวลาจะต้ม "กาแฟขี้ช้าง" ก็จะต้องมีเครื่องต้มของมันโดยเฉพาะ เป็นเครื่องต้มที่หน้าตาเหมือนอุปกรณ์ทดลองทางวิทยาศาสตร์เลย เวลาเราสั่งกาแฟขี้ช้างไป พนักงานเค้าจะมาบดกาแฟด้วยเครื่องบดมือให้เราถึงโต๊ะเลย แล้วก็เทลงไปในโถแก้วใสของเครื่องชงกาแฟ ส่วนน้ำก็จะใส่ในกาที่มีท่อต่อเชื่อมไปยังโถใส่ผงกาแฟ แล้วก็จุดตะเกียง พอน้ำเดือดได้ที่ จะเกิดแรงดันให้น้ำร้อนในกาถูกดูดขึ้นไป แล้วไหลผ่านท่อลงไปยังผงกาแฟที่โถฝั่งตรงข้าม แล้วพอน้ำในส่วนที่เป็นโถกาแฟสูงขึ้นและหนักขึ้นจนถ่วงให้ด้านที่เป็นกาลอยขึ้น น้ำก็จะถูกดูดกลับไปยังส่วนเป็นที่กาต้มน้ำอีกที จากนั้นก็เอาแก้วมารองกาแฟกินได้เลย กลิ่นของกาแฟที่ต้มแล้ว จะหอมเหมือนขนม ไม่ฉุนมากเหมือนกาแฟทั่วไป ปกติเวลาได้กลิ่นกาแฟ จะปวดหัวทันที แต่กับกาแฟขี้ช้างนี้ไม่เป็น ส่วนรสชาติก็ออกเปรี้ยวๆ มีคนบอกว่าคล้ายๆ กับกาแฟขี้ชะมด แต่ไม่เคยกินกาแฟขี้ชะมด เลยบอกไม่ได้ว่ามันเหมือนกันจริงรึเปล่า นอกจากกาแฟขี้ช้างที่เป็นไฮไลท์ของมื้อนี้แล้ว ยังมี "Afternoon Tea" อีกหนึ่งอย่างที่เป็นเป้าหมายของวันนี้ เรื่องราคาก็มีสองแบบ คือ เซ็ตสำหรับ 1 คน ราคา 750 บาท เซ็ตสำหรับ 2 คน ราคา 1,350 บาท สามารถเลือกชาได้จากในลิสต์ ที่มีให้เลือกหลายประเภททั้ง Black Tea อย่าง "English Breakfast" จากเชียงดาว หรือ "ดาร์จีลิง" จากศรีลังกา, Green Tea อย่าง "อู่หลง" จากจีน หรือ "เซนฉะ" จากชิซุโอกะ ญี่ปุ่น, Herbal Infusion หรือชาสมุนไพร เช่น ชาคา์โมมายล์ และกรีน เปปเปอร์มินท์ ซึ่งมื้อนี้ แพร์เลือกชา "Hibiscus & lemongrass" เป็นชาดอกไฮบิสคัสกับตะไคร้ มาในกาเหล็กสีดำที่หนักมากกกก และเก็บความร้อนได้ดีมาก ชาหอมกลิ่นตะไคร้มากๆ กินแล้วแก้เลี่ยนจากขนมได้ดีเลย ส่วนขนมในไฮที ก็มีทั้งสโคน คัพเค้ก มินิเบอร์เกอร์ มาการอง และอื่นๆ ขนมทุกชิ้นทำโดยเชฟของโรงแรมเอง แบบสดๆ วันต่อวัน ซึ่งเชฟเค้าจะมีเปลี่ยนแปลงรสชาติไปตามแต่ละโอกาส ที่แพร์ติดใจคือ มาการอง (ชิ้นละ 50 บาท) เพราะมีรสชาติแปลกๆ ให้กินด้วย เช่น "ชานมเย็น" หรือ "Sweet Pink", "แอปเปิ้ล ครัมเบิล", "Choc & Strawberry" ที่ตัวแป้งเป็นรสช็อกโกแลตแต่ไส้ในเป็นสตรอเบอร์รี่, "พิตตาชิโอ" ที่มีถั่วพิตาตาชิโอบดหยาบๆ ผสมอยู่ในครีม, "Blackberry Vanilla" และ "Passionfruit" มาการองทุกชิ้นอร่อยเพราะเป็นไส้สดที่ผสมผลไม้ หรือวัตถุดิบตามชื่อมาการองลงไปจริงๆ ทำให้เคี้ยวแล้วมี texture ของสิ่งนั้นๆ อยู่ด้วย อร่อยดี รสชาติไม่น่าเบื่อ ไม่หวานอย่างเดียว ส่วนคัพเค้กก็สับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เช่นกัน วันที่ไป ได้ชิมรส "Lamon Chees Cake Cupcake" ที่มี lemon curd หรืออครีมรสมะนาวเลมอนอยู่ตรงกลางระหว่างครีมกับเนื้อเค้ก เพิ่มรสชาติเปรี้ยวอมหวานสลับกับความเข้มข้นหวานมันของครีมและตัวเค้ก อีกรสนึงคือ "Chaocolate Salted Caramel Cupcake" ด้านบนจะราดคาราเมล ส่วนด้านใต้ครีมจะมีรสเค็มๆ ของเกลือ ตัดกันได้ดีกับรสของครีม คาราเมล และเค้ก "คาเฟ่ ชา" เป็นร้านเล็กๆ ในโรงแรมที่สงบดีนะคะ ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ของโรงแรม และเพลินตาไปกับการตกแต่งของโรงแรม ที่คุณน้อย (วงพรู) เจ้าของโรงแรมไปตระเวนหาของเก่าทุกเช้าที่ตลาดขายของเก่า แล้วเอามาตกแต่งโรงแรมจนแทบจะกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมอยู่แล้ว ส่วนการเดินทาง สำหรับคนที่ขับรถ ให้มาตามเส้นถนนราชวิถี ซึ่งทางที่ไม่งงที่สุด คือให้มาจากทางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แล้วเข้าแยกที่มีโรงพยาบาลราชวิถีอยู่ด้านหน้า แล้วก็ขับตรงมาเรื่อยๆ เลยค่ะ ไม่ต้องเลี้ยวไปไหนทั้งสิ้น ให้มองตามป้าย "สะพานกรุงธน" เอาไว้ แล้วพอเจอสะพานกรุงธน ให้ชิดซ้ายไว้ แล้วไปกลับรถใต้สะพานค่ะ พอกลับรถเสร็จ จะเจอซอยแรกเลยอยู่ตรงตีนสะพานกรุงธนพอดี ให้เลี้ยวเข้าไปเลยค่ะ โรงแรมอยู่ทางซ้ายมือ เลยจากปากซอยแค่ 20 เมตรเท่านั้น หรือสามารถลงเรือของโรมแรงได้ที่ท่าเรือสาทร ใต้สถานีบีทีเอสตากสินค่ะ ทางโรงแรมมีโป๊ะของตัวเองที่ตกแต่งได้เก๋และเป็นอันหนึ่งอันเดียวโรงแรมสุดๆ... อ่านต่อ
11 Likes0 Comment
photo