หน้าร้าน The Riddler Japanese Gastronomic Dining & Wine Bar ลุมพินี
หน้าร้าน
อินอฟินกับบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินใจกลางกรุงเทพแบบที่ไม่ต้องง้อพระอาทิตย์ กับอาหารจากวัตถุดิบพรีเมียมใครที่อยากอินอยากฟินกับบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินใจกลางกรุงเทพแบบที่ไม่ต้องง้อพระอาทิตย์ ไม่ต้องหนีฝน หรือไม่ต้องกลัวฝุ่น ปักหมุดแล้วตรงมาที่ The Riddler นี่เลย😁 บรรยากาศดีแบบตอบโจทย์สุดๆ พร้อมรสชาติอาหารที่ไม่เหมือนที่ไหน ปรุงด้วยวัตถุดิบพรีเมียมจากญี่ปุ่น และไวน์ลิสต์ที่มีมากกว่า 200 รายการ วันนี้ปิงมาลองเป็น Lunch Course ที่ช่วงนี้จัดโปรมาให้ลองในราคาที่เข้าถึงได้แบบสุดๆ 🌟Lunch Course 499++ เริ่มด้วย Small Bites เสิร์ฟเป็น Namerou & Pate ขนาดพอดีคำ โดย Pate เบสด้านล่างด้วย Danish Toast กรอบฟูหอมเนย ท็อปด้านบนด้วย Chicken Liver Pate เนื้อเนียนละลาย เสริมรสเปรี้ยวนิดๆด้วยซอส Balsamic ที่มาพร้อมความกรุบของ Pistachio บดเคลือบคาราเมล ส่วน Namerou เป็นทาร์ตโฮมเมดที่ให้ฟิลกรอบในสัมผัสแรกที่กัด ตามด้วยฟิลกรุบนุ่มหวานธรรมชาติของ Aka Ebi นัวเข้าด้วยความหอมนุ่มของ Truffle Espuma และท็อปปิดท้ายด้วย Ikura แบบล้นๆ ต่อที่ Salad ที่จัดมาเก๋ๆให้สลัด Caesar ไล่เลเยอร์กันเป็นชั้นๆ โดยเริ่มจากเบส Crumble Cheese กรอบๆ ตามด้วยความกรอบในฟิลสุขภาพดีของ Baby Cos และความนุ่มของ Cherry Tomato ท็อปเพิ่มด้วยเบคอนกรอบๆและ aroma หอมๆของชีส Parmesan วางเคียงด้วย Parmesan Tuile กรอบๆและน้ำสลัดเข้มข้นสูตรเฉพาะของร้านเค้าเองเลย ตัว Main Course จะมี option ให้เลือกได้จาก (1)Mentaiko & Ikura Pasta, (2)Dry Aged Beef Fried Rice หรือ (3)Chicken ซึ่งของปิงคือ Chicken เป็นไก่อบสไตล์ฝรั่งเศสที่เชฟจะแทรกชั้นของตับไก่บดไว้ใต้ชั้นหนัง ร้านเค้าคัดเนื้อไก่ส่วนน่องติดสะโพกของไก่ออร์แกนิคที่ผ่านการ Dry Aged มา 3 วัน นำไปอบก่อนย่างต่อจนหนังกรอบ ออกมาเป็น combination ของสัมผัสที่ลงตัวมากๆ หนังบางๆที่อบมาจนกรอบ เนื้อไก่ที่นุ่มแน่น นัวเข้าด้วยฟิลละมุนของตับไก่ ส่วนรสชาติคือปรุงมาแบบอูมามิอยู่แล้ว เสิร์ฟเคียงมากับมันย่างท็อปด้วย Beetroot Puree คู่แครอทนุ่มๆและหน่อไม้ฝรั่งกรุบๆ สำหรับสายชอบจิ้ม ก็จะมีซอสเทอริยากิที่เบสมาด้านล่าง พร้อมเจล 3 รสชาติที่แต่งจานมาสวยๆ มี Chili Gel, Balsamic Gel และ Yuzu Gel 🌟Lunch Course 799++ จะเสิร์ฟด้วย Namerou & Pate และ Caesar เช่นเดียวกัน ตามด้วย Soup สีส้มสดใสกับซุปมันกุ้งจาก Aka Ebi นำเข้าจากอาร์เจนติน่า เสิร์ฟมาพร้อมชิ้นเนื้อกุ้งกรุบนุ่มเด้ง คู่มากับหัวกุ้งที่ทอดมากรอบๆเค็มๆ Main Course มีให้เลือกจาก (1)Mentaiko & Ikura Pasta, (2)Indian Curry in Japan, (3)Gindara หรือ (4)Tenderloin(+350THB) ของคอร์สนี้ปิงลองเป็น Tenderloin ที่ทางร้านเค้าใช้เนื้อ Thai Wagyu จากจังหวัดสกลนคร ผ่านการ Dry Aged มา 7 วัน นำมาปรุงอย่างพิถีพิถันโดยย่างและพักสลับไปเรื่อยๆเพื่อรักษาความ juicy ของเนื้อไว้ให้ได้ฉ่ำที่สุด เนื้อ Tenderloin เค้าเลยเป็นสัมผัสแบบแน่นนุ่ม เสริมรสชาติด้วย Beef Jus และเจล 3 รสชาติที่มี Chili Gel, Balsamic Gel และ Wasabi Gel Lunch Course ของที่นี่รวมเครื่องดื่มที่เป็นชาหรือกาแฟไว้ให้แล้วด้วย มีกันยาวๆถึง 5 โมงเย็นเลย ราคาพิเศษนี้มีถึง 30 พฤศจินี้เท่านั้นน้า นอกจาก Lunch Course แล้ว เมนู A La Carte ของเค้าก็น่าลองไม่แพ้กันเลย "Cold Pasta"(1,990THB) เมนูที่ดึงเอาเสน่ห์ของอาหารญี่ปุ่นมาผสานเข้าด้วยกลิ่นอายแบบตะวันตก ใช้เส้น Cappellini มาเสิร์ฟแบบโซบะเย็น เคล้ามาในซอสที่มิกซ์มาด้วย Shiro Dashi และ ปลา Shirasu ที่มาเพิ่มรสอูมามิ ตามด้วย Dry Aged Korean Oyster ที่มาเสริมกลิ่นหอม พร้อมตัดรสเปรี้ยวนิดๆด้วยเลมอน เพิ่มฟิล fresh ด้วย Italian Parsley และ Mint ที่คลุกเคล้ามากับเส้น จัดวางเรียงด้านบนด้วยชิ้นเนื้อปลา Madai รสเปรี้ยวอ่อนๆที่หมักกับยูซุ สลับด้วยกุ้งหวานที่เนื้อนุ่มกรุบแบบฟินมาก ท็อปตามมาแบบแน่นๆด้วยไฮไลท์ของเมนูนี้ด้วย Bafun Uni ที่หวานนนนัวววมาในรสชาติที่เข้มข้นกับเนื้อสัมผัสแน่นๆ เสริมรสเค็มด้วย Ikura ที่แต่งมาเพิ่ม อีกเมนูคือ "Kamameshi"(790THB) กับข้าวอบหม้อดินที่เสิร์ฟข้าวเนื้อนุ่มหนึบกรุบจากการจี่ในกระทะ มากับเนื้อ Brisket และลิ้นวัวตุ๋นนุ่มๆ ราดด้วยเพิ่มความฉ่ำหอมด้วยน้ำสต๊อกเนื้อ ตามด้วยความนัวด้วย Cheese Espuma และความเนียนด้วยไข่แดง โดยเชฟมามิกซ์ให้ก่อนเสิร์ฟแบบนี้ถึงที่โต๊ะเลย... อ่านต่อ
1 Like0 Comment
photo