- หน้าแรก
/
- รูป Zanotti IL Ristorante Italiano
tiramisu
อาหารอิตาเลียนมื้อพิเศษ ความเลอค่าที่คุณคู่ควรถ้าถามผมว่าร้านอาหารอิตาเลียนร้านไหนเด็ด ร้าน Zanotti ถือเป็น Top of Mind Italian Restaurant เลยทีเดียว แม้จะไม่สามารถมาทานได้บ่อยตามอัธยาศัย แต่มากี่ทีก็ถูกใจทุกทีไป ไม่ว่าจะเป็นรสชาติอาหารโดยรวม การบริการ
มีข้อแนะนำนิดนึงสำหรับคนที่ไม่เคยทาน Zanotti เพราะไม่สู้ราคา ลองหาโอกาสมาทาน Set Lunch ในวันธรรมดาดูครับ มีทั้งแบบ 2 course และ 3 course ราคาเริ่มต้นน่าจะอยู่ประมาณ 300 กว่าบาท (แบบ petite portion) นับเป็นการเริ่มต้นที่ไม่เลวเลยทีเดียว สำหรับการทานมื้อเย็น และวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ทางร้านจะเสิร์ฟแต่เมนู a la carte อาหารราคาเฉลี่ย 350 บาทต่อจาน เว้นแต่จะเป็น main course หรือเมนูพิเศษ
วันนี้มาทานกัน 4 คนในช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ สั่งอาหารไป 6 อย่าง ขนมหวาน 2 อย่าง นับว่าไม่น้อยทีเดียว จริงๆ เยอะกว่านี้อีก แต่พนักงานชวนแตะเบรค เลย cancel ไป 2 รายการเพราะกลัวคุณลูกค้าจะทานไม่หมด เอออย่างนี้ก็มีด้วย โอเคนะ ดูจริงใจดี มาดูกันเลยดีกว่าว่าวันนี้ทานอะไรลงไปบ้าง
1) Seafood Soup (480 บาท) ซุปทะเล เสิร์ฟมาในจานหลุมขนาดยักษ์ แบ่งกันจ้วงคนละช้อน 2 ช้อน เผลอแป๊บเดียวก็หมด ความเห็นส่วนตัวคือเป็นซุปที่ใช้ได้เลยทีเดียว แต่ถ้ามีหอยเชลล์ และซุปข้นขึ้นมาอีกนิดนึงจะลงตัวมากๆ
2) Rocket Salad (380 บาท) จานค่อนข้างใหญ่ แต่ผักสลัดก็ปริมาณไม่เยอะเท่าไหร่ ทานกับชีส sundried tomato และ balsamic dressing ที่พรมมาให้นิดหน่อย ถือเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยที่ดีครับ
3) Zanotti + Salmon Pizza (786 บาท) เมนูนี้คือพระเอกของมื้อนี้ มาที่ Zanotti ไม่ได้สั่งพิซซ่าถือว่ามาไม่ถึง หน้าที่ขึ้นชื่อที่สุดคือ Zanotti Pizza เป็นพิซซ่าแป้งบางกรอกหน้า Parma Ham เหตุที่คนไทยชอบหน้านี้ เพราะเขาใช้ mascarpone cheese ซึ่งจะมีรสชาติหวานในตัว พอทานกับแฮมที่มีรสชาติคาวๆ นิดๆ เลยกลมกล่อมลงตัว ส่วนอีกครึ่งถาด เราเลือกเปลี่ยนท๊อปปิ้งเป็นปลาแซลมอน (อันนี้ไม่ได้อยู่ในเมนู แต่ขอสั่งเพิ่มได้) ระหว่าง 2 หน้านี้ ผมเชียร์ parma ham ครับ สั่งไปเลยแบบเต็มถาด รับรองว่าไม่ผิดหวัง
4) Spaghetti Vongole (590 บาท) คือสปาเก็ตตี้หอยลายนั่นเองครับ แต่ไม่ใช่หอยลายของบ้านเรานะ เป็นหอยลายนำเข้าเลยแพงขึ้นมานิดนึง เส้นเหนียวหนึบกำลังดี ทานคำแรกผมรู้สึกว่ามันเค็มเกลือไปนิด แต่พอลองปรุงเครื่องนิดหน่อย ด้วยการโรยพาร์มีซานชีส และพริกสับลงไป โอ้โห้ ลงตัวขึ้นเยอะเลยครับ (เครื่องเคียงต้อง request ขอเพิ่มครับ)
5) Linguine Black (720 บาท) นับว่าแพงทีเดียวสำหรับเมนูเส้นจานนี้ แต่รสชาติต้องยกนิ้วให้ว่าไม่ธรรมดาทีเดียว กินกันจนปากดำทีเดียวสำหรับดีหมึกที่คลุกเคล้ากับเส้น และซีฟู้ดทั้งหลายที่โดนสีดำกลบจนมืดมิด เท่าที่พอคลำเดาได้ คือมีเนื้อปลา เห็ด กุ้ง ปลาหมึก และ zucchini รสชาติเยี่ยมยุทธมาก แต่ราคาแรงไปนิดนึง
6) Lamb Tenderloin (850 บาท) ขึ้นชื่อว่าเป็นเมนูแกะ ก็ต้องบอกว่าเป็น specialty menu เสิร์ฟมาในจานมหึมาแม้จะมีเนื้อแกะติดมันเล็กๆ อยู่เพียงไม่กี่ชิ้นก็ตาม เนื้อไม่เหนียว ไม่คาว น้ำราดสุดยอด ส่วนผักเครื่องเคียงที่ทานคู่กันก็รสชาติดีไม่แพ้กันครับ
สำหรับเมนูของหวาน มีให้เลือกประมาณนึง ตั้งแต่ Apple Cinnamon Cake (คนไทยอาจไม่ชอบรสนี้) Chocolate Cake, Hazel Nut layer Cake, Panna Cotta และก็ไอศกรีม ที่เราสั่งไปมี 2 อย่างคือ
1) Tiramisu (450 บาท) อยากรู้ว่าร้านนี้เด็ดไหม ให้สั่งทิรามิสุ สิ่งที่เห็นประจักษ์ตาคือหน้าตามันสุดยอดมาก ถูกเสิร์ฟเป็นก้อนๆ บนจานแผ่นกระเบื้องสีดำ พิมพ์ลายด้วยน้ำตาล icing รสชาติก็ดีใช้ได้เลย เนื้อชุ่มด้วยกาแฟ ไม่ถึงกับแรงมากตัดกับความหวานของ mascarpone cheese และความขมเล็กๆ ของผงโกโก้ที่โรยโปะหน้า แนะนำเลยครับ
2) Profiterole (350 บาท) ด้วยความที่อยากกินอะไรเย็นๆ เลยเลือกสั่งเมนูนี้มา มันเหมือนกินแป้งชู กับไอศกรีมยัดไส้ ราดด้วยซอสช็อกโกแลตและวนิลา ถ้าเทียบกันสองจาน ผมโหวตให้จานแรกมากกว่าครับ
ประสบการณ์โดยรวมของร้านนี้นับว่าดีมาก ถึงแม้จะไม่ได้ 100 เต็มร้อย แต่ก็นับว่าข้อผิดพลาดมันเล็กน้อยมาก จนต้องเทคะแนน 5 ดาวให้เป็นประวัติการณ์ ผมหวังว่าคุณจะมีความสุขกับการทานอาหารอิตาเลียนมื้อหน้าที่ร้านนี้เหมือนกับประสบการณ์ดีๆ ที่ผมได้รับนะครับ ขอบคุณและสวัสดี
20 Likes0 Comment