Via Maris

ผมประเดิมร้านแรก BRW2018 ด้วยร้านนี้ครับ เป็นร้านที่ผมผ่านค่อนข้างบ่อยเหมือนกัน เห็นว่าร้านนี้มีเข้าร่วม Wongnai Bangkok Restaurant Week 2018 เลยตัดสินใจซื้อดีลมาลองดูครับเป็น Dinner Set 999 Via Maris ที่มาของชื่อร้านนี้ คือเส้นทางการค้าขายในสมัยโบราณ ระหว่าง 21 ประเทศจาก 3 ทวีป (ยุโรปตอนใต้ แอฟริกาเหนือ ตะวันออกกลาง) ซึ่งกระจัดกระจายอยู่รอบๆทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เห็นได้จากลายกำแพงร้านพื้นสีเหลืองบวกฟ้าน้ำทะเลด้านหนึ่งของร้านที่เป็นรูปการ์ตูนแสดงเส้นทางการค้าและสินค้าท้องถิ่นในบริเวณดังกล่าวตอนเวลาเราเดินเข้ามาในร้านและด้านนอกร้านนี้ครับ จริงๆร้านนี้แต่เดิมเป็นพื้นที่ร้านของ Vesper Cocktail Bar ที่อยู่ข้างๆกันนะครับ แต่ได้มีการแบ่งครึ่งพื้นที่ส่วนตรงนี้มาเปิดเป็นร้านนี้ที่เน้นขายอาหารมากกว่าฝั่ง Vesper ซึ่งเน้นขาย Cocktail เป็นหลักและส่วนใหญ่จะมานั่งดื่มกันมากกว่า ดังนั้นเจ้าของเดียวกันครับ ร้านนี้เป็นร้านน้องของ Vesper [พิกัดร้าน:] อยู่ต้นๆซอยคอนแวนต์ฝั่งสีลม ใกล้กับตึกลิเบอร์ตี้ ร้านนี้ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามแยกศาลาแดงซอย 2 ใครทำงานอยู่แถวนี้น่าจะคุ้นเคยกันดี [บรรยากาศร้าน:] ตกแต่งแบบ Contemporary Loft อารมณ์บรรยากาศร้านประมาณ Trattoria (ร้านอาหารอิตาเลียนแบบพื้นบ้าน) ร้านถือว่าไม่ใหญ่มากสไตล์แบบ Bistro ยังไม่ถึงกับ Fine Dining [สไตล์เมนูอาหาร:] เมนูอาหารยุโรปสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนจริงๆแล้วเรียบง่าย แต่มากด้วยเอกลักษณ์ แคว้นตอนล่างของยุโรปที่ติดทะเล ดังนั้นส่วนใหญ่ก็เป็นพวกอาหารทะเลและธัญพืช ปรุงรสสไตล์พื้นเมืองด้วยเครื่องเทศเฉพาะถิ่นต่างๆ จริงๆก็มีพวกครีมหรือชีสเป็นส่วนผสมด้วยนิดหน่อยไม่เน้นมากจน texture แน่นๆเหมือนพวกอาหารยุโรปตอนในครับ ส่วนตัวผมว่าแนวเมนูอาหารร้านนี้มันผสมๆกันก้ำกึ่งระหว่างอาหารอิตาเลี่ยนตอนใต้กับอาหารสเปนและอาหารฝรั่งเศสครับ เห็นมีเมนู Pasta พื้นเมืองที่ชื่อ Fileja แบบทำสด กับเมนูข้าวผัดสเปน Paella ปาเอญ่า ส่วนเมนูเครื่องดื่มเค้าเน้นเป็น Cocktail ขึ้นชื่อจากเมนูของฝั่งร้าน Vesper ซึ่งมีให้เลือกเยอะมากครับ ทั้งแบบ Classic Modern หรือ Twist รวมถึงเครื่องดื่มพวก Spirits กับ RTD ต่างๆมีครบเลยสำหรับสังสรรค์หลังเลิกงานครับ เท่าที่ดูราคาเครื่องดื่มค่อนข้างสูงเหมือนกัน cocktail มีเริ่มต้นน่าจะเกือบ 400 บาทต่อแก้ว ราคาพอๆกับพวกร้าน Rooftop ตามตึกโรงแรมเลยครับ [อาหารที่สั่ง:] ตอนที่ผมไปเป็นช่วง BRW2018 ซึ่งได้ซื้อดีล 3-course dinner set 999++ ไว้ครับ มาลองดูว่ามีเลือกเมนูอะไรบ้างครับ 1. Appetizer เลือกเป็น Ottolenghi’s Aubergines เปิดคอร์สด้วยเมนูหากินยากสำหรับตามร้านอาหารยุโรปบ้านเรา ตามชื่อเมนู Aubergine เป็นภาษาฝรั่งเศสหมายถึง Eggplant แปลเป็นไทยก็คือ มะเขือม่วง นั่นเอง เมนูนี้เอามะเขือม่วงผ่าเป็นซีกแล้วเอาไปอบในเตาให้ออกมาหอมๆกรอบๆ แล้วท๊อปด้วยกรีกโยเกิร์ต (แบบเข้มข้น สกัดเอาหางโยเกิร์ต น้ำ น้ำตาลแลคโตสออก นิยมใช้เป็นส่วนผสมแทนที่พวกครีมชีสสำหรับอาหารยุโรปแถบๆนี้กับตะวันออกกลาง) แบบเต็มผิวมะเขือม่วงแต่ไม่ราดถึงกับท่วม ราดด้วยน้ำผึ้งบนโยเกิร์ตอีกทีให้ความหวานแทนในกรีกโยเกิร์ต เพราะปกติจะไม่หวานออกเปรี้ยวฝาดหน่อย และมีวางท๊อปด้วยใบไทม์สดกับเม็ดทับทิมสดรสออกเปรี้ยวๆฉ่ำๆ ตักทานทุกอย่างพร้อมกันเข้ากันดี ## คหสต ผมเพิ่งเคยลองเมนูนี้ครั้งแรกถือว่าใช้ได้เลย ทานหมด ไม่เลี่ยนอย่างที่คิดครับ เมนูออก Healthy หน่อยๆ เน้นเส้นใยจากมะเขือม่วง โปรตีนสูงจากกรีกโยเกิร์ตถึงแม้ไม่มีเนื้อสัตว์เลย 2. Main Course เลือกเป็น Via Maris Octopus ปกติราคาเมนูนี้ที่ร้านประมาณ 600 บาท เมนูนี้เป็นเหตุผลเลยที่เลือกซื้อดีลนี้ครับเพราะอยากทาน เมนูหนวดปลาหมึกยักษ์ย่างเป็นอาหารอย่างหนึ่งสไตล์สเปน ปรุงรสต่างๆกันไป แต่ที่ถูกต้องดั้งเดิมตามแบบสเปนแท้คือต้องเอาหนวดปลาหมึกไปตุ๋นก่อนให้นุ่มหรือ Tender มัน ถ้าเหนียวคือจบข่าวเลยสำหรับเมนูนี้ จริงๆที่อร่อยคือหนวดปลาหมึกย่างต้องออกนุ่มๆครับ ไม่ใช่เด้งกรอบเหมือนหนวดย่างสดๆ ที่ร้านรู้สึกเท่าที่อ่านเค้าเอาไปทำ Sous Vide ก่อนแบบข้ามคืนจนนุ่ม แล้วเอาไปคลุกกับน้ำมันมะกอกกับผงปาปริก้าของสเปน แล้วเอาไปย่างให้หอมๆ เสิร์ฟรองในจานด้วย chickpea หรือที่เค้าเรียกว่าถั่วลูกไก่ คล้ายๆถั่วลันเตาแต่เป็นสีเหลือง เป็นธัญพืชที่หาได้แถบนี้ครับ พร้อมกับลูกเกดหวานๆ และมีผงปาปริก้าโรยรอบๆขอบจานอีกที สำหรับตัดหนวดปลาหมึกไปจิ้มทานพร้อมกันถ้าต้องการเพิ่มรสเผ็ด ## คหสต ถือว่าอร่อยประทับใจดี ตัวหนวดปลาหมึกย่างมาหอมๆ และตรงกับสูตรดั้งเดิมของสเปนคือนุ่มครับ ไม่ใช่เด้งกรอบ ส่วนพวกถั่วกับลูกเกดที่รองมาดูเหมือนเป็นวัตถุดิบพื้นเมืองแถบนั้นไม่ค่อยเห็นตามร้านบ้านเรา คอมเม้นท์อย่างเดียวของผมคือหนวดจานที่ได้ผมว่ามันเล็กไปหน่อยเมื่อเทียบกับรูปในสื่อ 555 3. Dessert Bomboloni Nutella Deep-fried Italian Doughnuts เป็นโดนัทแบบอิตาเลี่ยน ไม่ใช่เป็นแบบวงแหวนมีรูตรงกลาง หน้าตาผมว่ามันคล้ายขนมไข่หงส์บ้านเรานั่นเอง แป้งคล้ายๆกันเลยคือจะออกเหนียวหน่อย ไม่ใช่กรอบๆ และมีสอดไส้ตรงกลางเป็นนูเทลล่าอบมาพร้อมตัวแป้ง ไส้ทะลักเยอะดี มีรองด้วยกระดาษซับมันและโรยด้วยไอซ์ซิ่งรอบๆพอประมาณ ## คหสต ผมไม่ใช่สายของหวาน ส่วนตัวคิดว่าได้ความแปลกใหม่ดีไม่เคยทานโดนัทรูปแบบนี้ครับ อบมาร้อนๆสดใหม่ดี ราคาอาหารและเครื่องดื่มทั้งหมดร้านนี้ เค้าไม่มี +SC แต่มี +VAT อย่างเดียวครับ คงตามรูปแบบร้าน Bistro ที่เน้นสบายๆกันเอง ไม่ถึงกับ Fine Dining แต่ตอนที่ผมไปแจ้งล่วงหน้าก่อนว่ามาใช้ BRW เค้าก็บริการอย่างดีนะครับ ลูกค้าส่วนใหญ่ที่ไปนั่งช่วงหลังเลิกงานเท่าที่ดูจะเป็นพวกต่างชาติฝรั่งส่วนใหญ่ครับ คงเป็นอาหารที่เค้าคุ้นเคยที่บ้าน ### มุมมองส่วนตัวสำหรับ BRW Dinner Set 999 ### • เมนูแต่ละ course มีตัวเลือกอย่างละ 2 ถือว่าดีครับ ถ้าซื้อหลายดีลพร้อมกันสามารถสั่งหลายอย่างมาแชร์กันได้ • ความคุ้มค่าของ course นี้ ผมว่าไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ราคาพิเศษต่างจากราคารวมทั้ง 3 course ไม่มากครับ แต่ที่ผมเลือกเพราะอยากทานแนวอาหารร้านนี้นะครับ • เงื่อนไขการใช้ดีล Dinner Set ใช้ได้เฉพาะช่วงมื้อเย็นอย่างเดียวครับ เลือกมาทานตอนกลางวันไม่ได้ ผมว่าตรงตามเงื่อนไขที่เค้าระบุอยู่แล้ว • การบริการสำหรับการใช้ดีล เนื่องจากผมไปทานตอนช่วงแรกๆของ BRW เหมือนทางร้านยังไม่เคยให้รับลูกค้านี้ ผมน่าจะเป็นคนแรกเลยของร้านเค้า ตัวรหัสร้านสำหรับทำการ Redeem เค้ายังไม่ได้รับมาไม่พร้อม แต่ให้เครดิตคือเค้าก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีทีเดียว ยอมให้ผมนั่งทานไปก่อนได้เลย ไม่ต้องรอ Redeem ก่อนก็ได้ พอใกล้จบ course เค้าได้รหัสมาพอดีก็ทำการจ่ายได้เลย ไม่มีปัญหาครับ สรุปโดยรวมผมให้ 4 ดาว ส่วนตัวผมว่าอาหารร้านเค้าอร่อยดีนะครับ เหมาะสำหรับคนที่ชอบหาอาหารแปลกใหม่สัญชาติอื่นๆทาน ส่วนราคาค่อนข้างสูงเหมือนกันตามแหล่งที่มาของวัตถุดิบที่ใช้ซึ่งเป็นแบบดั้งเดิมเลยครับ ## ร้านแบ่งเปิดเป็น 2 ช่วง มื้อกลางวัน มื้อเย็นถึงดึก ## Lunch Set ราคาประหยัดดีครับ ผมถามพนักงานเค้าแล้วคือมี 2-course 290+ บาท กับ 3-course 390+ บาท เมนูก็จะมีเป็นพวกซุปกับสลัด จานหลักจะเป็นพวกสเต็กปลาหรือพวก pork chop ง่ายๆ ไว้จะมาลองดูครับ