Double Dogs Tea Room (ดับเบิ้ลด๊อกทีรูม)

ถ้าจะหา tea room ที่ขายชาฝรั่งแบรนด์หรูเสิร์ฟกับ scone หรือขนมเค้กมากมายหลายชนิดล่ะก็ ในกรุงเทพฯนี่มีนับร้านไม่ถ้วนตามชิมกันไม่หวาดไม่ไหว แต่พออยากจะหาที่นั่งจิบชาญี่ปุ่นและชาจีนที่มีที่นั่งและมีขนมให้ทานแกล้ม กลับมีน้อยจนเรียกได้ว่าใช้มือข้างเดียวนับยังได้ ยิ่งถ้าเจาะจงลงไปว่าอยากชิมชาจีนหรือชาญี่ปุ่นชั้นดีที่ไม่ใช่เกรดที่ขายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตละก็ ร้านชาที่เป็น specialist ด้านนี้ก็เห็นจะมีที่ Double Dogs Tea Room นี่ล่ะค่ะที่ตอนนี้เป็นร้านโปรดที่เราปลื้มสุดๆ ครั้งแรกที่ได้มาร้านนี้คือตอนที่ได้โจทย์ว่าผู้ใหญ่ท่านนึงชื่นชอบการดื่มชามากชนิดที่ว่าเป็น tea connoisseur ซึ่งหลังจากได้ลองชาเขียวญี่ปุ่นที่ซื้อมาจากที่ Uji ก็ติดใจ อยากฝากเราซื้อชาญี่ปุ่นเกรดดีๆให้จากกรุงเทพ ฯ เราก็เลยแบบว่าอ้ะ!... ระดับคอชาเค้าฝากมาแบบนี้ก็ต้องจัดเต็ม จะเป็น sencha ธรรมดาๆไม่ได้แล้ว ต้อง Gyokuro ไปเลยน่าจะถูกใจแน่นอน แล้วเลยได้รู้ซึ้งว่าในกรุงเทพฯนี่มันหายากสุดๆอ่ะ จนมาเจอร้านนี้เข้านี่ล่ะค่ะ -Gyokuro เป็นชาที่ได้จากยอดอ่อนของใบชาที่ปลูกในที่ร่มและควบคุมอุณหภูมิเพื่อให้ได้กลิ่นรสดีที่สุด ถ้าชงถูกวิธีจะได้รสหวาน (ทั้งๆที่ไม่ได้เติมน้ำตาล) และมีกลิ่นหอมที่เป็นกลิ่นเฉพาะตัวของ Gyokuro เท่านั้น (เข้าใจว่าเจ้าสารที่ให้กลิ่นหอมอันนี้คงจะถูกทำลายได้ง่ายโดยแสงและความร้อนน่ะค่ะ) เวลาจะชงก็ต้องควบคุมอุณหภูมิของน้ำให้อยู่ที่ราวๆ 50-60 องศาเซลเซียส ถ้าร้อนไปกว่านั้นนอกจากกลิ่นหอมจะลดลงแล้วยังจะทำให้ชามีรสขมอีกด้วย โดยใน 1 infusion จะใช้น้ำแค่พอท่วมใบชาเท่านั้น ในการชงครั้งนึงถ้าเป็นใบชาชั้นดีจะชงได้ 3-4 infusions แต่ที่กลิ่นหอมและหวานที่สุดคือ infusion แรกค่ะ (เพราะฉะนั้นอย่าได้เทน้ำแรกทิ้งเพื่อเป็นการล้างใบชาอะไรแบบนั้นเป็นอันขาดเชียว) ถ้าเปิดหาดูใน internet จะเจอพวกนักเลงชาทั้งหลายบรรยายวิธีชง gyokuro กันไว้แบบวุ่นวายน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก ต้องมีการเทน้ำร้อนใส่จอกนี้เพื่อพักให้อุณหภูมิเท่านี้แล้วเทใส่อีกจอกรออีกกี่นาทีไรงี้.. ดังนั้นตอนมาที่ร้านนี่เราตั้งใจมาดูคุณเจ้าของร้านแสดงวิธีชงแสนยุ่งยากเต็มที่ ปรากฏว่าคุณจงรักษ์เหนือชั้นกว่านั้นค่ะ มือซ้ายถือเหยือกน้ำเย็น มือขวาถือกาน้ำร้อน ผสมกันมันก็ได้ 50-60 องศาเหมือนกันไม่ต้องรอ ไม่ต้องถ่ายภาชนะให้วุ่นวาย (เออเนอะ...เห็นแล้วเราก็อยากเขกหัวตัวเองหนึ่งทีว่าทำไมนึกเองไม่ออกน้า.. 555+) Gyokuro ของที่ร้านตอนนี้จะมี 2 เกรดค่ะ คือเกรดธรรมดาซองสีดำ กับเกรด premium ซองสีทอง(ตัวนี้เจ้าของร้านบอกว่าใช้กรรมวิธีการผลิตแบบดั้งเดิม คลุมด้วยฟางเวลาปลูกอะไรทำนองนี้) ถ้าสั่งทานที่ร้านเลยจะเป็นแบบ premium นะคะ (Yame Gyokuro 380-) เราสังเกตว่าถ้าเป็นเกรด premium เนี่ย กลิ่นรสเฉพาะของ Gyokuro มันจะคงอยู่ได้หลาย infusion กว่าน่ะค่ะ -Da Hong Pao (ตั่ว อั่ง เพ้า – 180-) เปลี่ยนจากชาญี่ปุ่นเป็นชาจีนบ้าง ตัวนี้เราลองแบบเกรดธรรมดาค่ะ ใช้น้ำร้อนชงได้ตามปกติ จะมีกลิ่นหอมคล้ายๆอบเชยปนอยู่นิดๆ ชาตัวนี้จะเป็นชาจีนที่เหมาะจะจิบคู่กับขนมฝรั่งพวกเค้กได้ค่ะ -Tie Guan Yin (ทิกวนอิม) – ตัวนี้เราลองเป็นแบบคั่วค่ะ หอมมากๆกลิ่นจะเป็นแบบอบอุ่นๆนะ ชอบค่ะ -Qi Lan (ฉีหลาน - 350-)- เจ้าของร้านตั้งชื่อให้ว่ากล้วยไม้อัศจรรย์ เพราะชาตัวนี้มีกลิ่นดอกไม้อ่อนๆคล้ายกลิ่นดอกแก้วค่ะ คุณจงรักษ์อธิบายว่าเกิดจากขั้นตอนการบ่มชา (ไม่ได้เอากลีบดอกไม้ใส่ปนแบบพวกชากุหลาบนะจ๊ะ) กลิ่นดอกไม้นี้คงอยู่หลายน้ำเลยค่ะ แต่พอน้ำท้ายๆจะมีกลิ่นแบบที่คุณจงรักษ์ว่าเหมือนฝรั่งสุก เป็นชาที่ถูกใจอีกตัวเลยค่ะ ที่ร้านนี้นอกจากชาจะหอมแล้ว ขนมที่เสิร์ฟก็อร่อยด้วยค่ะ ขนมแบบจีนๆจะขายชิ้นละ 30 บาท เราลองขนมคอเป็ด ซึ่งอร่อยมากๆ ต่างกับที่เคยซื้อที่เค้าขายกันทั่วไปชัดเจนค่ะ แล้วก็ขนม ซ่าม หมก แป้ง ตัวนี้เพิ่งเคยลองครั้งแรก รสชาติจะคล้ายๆเอาเค้กที่เนื้อแน่นหน่อยๆมาสอดไส้ถั่วกวนที่ผสมผิวส้มลงไปเล็กน้อยค่ะ ก็อร่อยดี แต่ส่วนตัวแล้วเราชอบคอเป็ดมากกว่าล่ะ มีเสียดายอยู่นิดเดียวก็ตรงที่ไม่มีขนมญี่ปุ่นให้ทานกับชาญี่ปุ่นเท่านั้น แต่เจ้าคอเป็ดนี่ก็พอทดแทนไปได้ค่ะ บรรยากาศของร้านจะจัดแบบสบายๆมานั่งแช่จิบชาชิลล์ๆได้ ขอบอกว่าถูกใจมากกก... อุปกรณ์ชงชาของที่นี่เป๊ะมาก (อ้อ เค้าขายชุดน้ำชาด้วยค่ะ) ตัวป้านและจอกชามีขนาดเล็ก กระเบื้องเนื้อบาง ทำให้ความร้อนกระจายได้ทั่วถึง เรียกว่าใส่ใจทุกรายละเอียด ร้านที่เจ้าของร้านดูแลเองและมีความรักความเชี่ยวชาญใน products ของตัวเองจริงๆนี่ นอกจากจะทำให้มั่นใจว่าได้ชิมชาดีๆคุณภาพสูงแล้ว ยังมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ต่างจากร้านที่เป็นแบบ mass นะ ถ้าใครผ่านมาแถวเยาวราชอยากมานั่งจิบชาสบายๆหรืออยากจะซื้อใบชาเป็นของขวัญของฝากล่ะก็แนะนำเลยค่ะ -