The Great Kabab Factory (เดอะ เกรท คะบับ เเฟคทอรี) โรงแรม มาเจสติก แกรนด์

ช่วงนี้กำลังอินกับภาพยนตร์เรื่อง The Hundred-Foot Journey อยู่ จึงเกิดอยากจะตามรอยหนังดูบ้าง ด้วยการตามหาร้านอาหารอินเดีย จนพบกับโปรโมชั่นน่าสนใจอย่าง Sunday Brunch ที่ร้าน The Great Kabab Factory ณ โรงแรม Majestic Grande สุขุมวิท ซ.2 (เพลินจิต) โดย The Great Kabab Factory เปิดมาแล้วหลายสาขาทั่วโลก รวมทั้งสาขาประเทศไทย ที่ถือเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อเข้าสู่ร้าน เราจะเหมือนรู้สึกเหมือนว่าได้มานั่งอยู่ในโรงงานทำอาหาร ด้วยสไตล์การตกแต่ง, คอสตูมของพนักงานเสิร์ฟ, ช้อนส้อมมีดที่ออกแบบมาคล้ายอุปกรณ์ของช่าง แถมยังมีครัวเปิด ให้เราชมทุกวิธีการทำอาหารของเชฟชาวอินเดียแบบใกล้ชิดสุดๆ สำหรับตัวโปรโมชั่น Sunday Brunch จะให้บริการทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 11.00-15.00 ราคาต่อท่านอยู่ที่ 800 บาทเนต สำหรับเมนูปกติ และ 700 บาทเนต สำหรับเมนูมังสวิรัติ ซึ่งเราสามารถอิ่มอร่อยกับอาหารอินเดียได้อย่างไม่อั้น ในเมนูที่กำหนดไว้ โดยในวันนี้เราก็ได้ลองแบบเมนูปกติ ที่มีเนื้อสัตว์ เริ่มแรกพนักงานจะนำซอส 4 ชนิดที่เรียกว่า “ชัสนี” มาเสิร์ฟก่อน โดยจะประกอบไปด้วย ซอสมะเชือเทศ, โยเกิร์ต, ซอสมะขาม และ ซอสมิ้นต์ หลังจากนั้นพนักงาน ก็จะเดินมาเสิร์ฟเครื่องเคียง คือ ผักกาดขาว, แตงกวา และ แตงโม ก่อนจะตามมาด้วยเมนูอาหารต่างๆ ได้แก่ *Galouti Kabab เมนู Signature ของทางร้าน กับแป้งคาบับสีเหลืองกรอบ มาพร้อมกับเนื้อแกะก้อนกลม โดยวิธีทาน คือ ต้องนำเนื้อแกะก้อนกลม มาวางบนแป้งคาบับ แล้วใช้ช้อนบดเนื้อแกะ เสร็จแล้วจึงม้วนเนื้อแป้งให้ห่อด้วยเนื้อแกะ แล้วจึงรับประทาน รสชาติของเนื้อแกะจะออกเผ็ดนิดๆ มีกลิ่นเครื่องเทศมาเต็มอยู่เหมือนกัน แต่ขอบอกว่าพอทานเข้าไปแล้ว มันเป็นอะไรที่กำลังพอดี ไม่เหม็นหรือฉุนจนเกินไป *Tandoori Murgh Tikka ตัวนี้จะเป็นไก่ย่างสไตล์อินเดีย มีรสชาติเผ็ดนิดๆ เช่นกัน เพราะเครื่องเทศมาเต็ม แต่ขอบอกว่าไก่เนื้อนุ่มมาก เพราะผ่านกรรมวิธีการย่างที่กำลังพอดี รสชาติก็อร่อยโดนใจ ทานไปเพลินๆ ทำให้นึกถึงไก่ย่างข้าวเหนียวบ้านเราได้เหมือนกัน เพราะรสชาติออกมาไปในทางเดียวกัน *Macchi Tawa Wali ปลาสไลด์ย่างที่นำไปหมักด้วยเครื่องเทศ เนื้อจึงออกมาเป็นสีเหลือง แม้จะหมักด้วยเครื่องเทศ แต่กลิ่นและรสชาติอ่อนกว่าอาหาร 2 ตัวแรก ปลาจึงไม่ค่อยเผ็ดเท่าไหร่ *Hariyali Jheenga กุ้งเผาเนื้อนุ่ม ที่มาพร้อมกลิ่นและรสชาติของมิ้นต์ ซึ่งพอเมื่อทานไปจะรู้สึกถึงความซาบซ่า แต่รสชาติก็เผ็ดกว่าอาหาร 3 ตัวด้านบน *Murgh Biryani ต่อมาจะเป็น Main Course ซึ่งจะประกอบไปด้วย ข้าวผัดไก่สีเหลืองนวล หอมกลิ่นเครื่องเทศลอยแต่มาไกล โดยในจานยังมีเนื้อไก่ใส่เข้ามาให้ด้วย ซึ่งข้าวถ้วยนี้จะเสิร์ฟพร้อมแกงอินเดีย *Murgh Laziz Handi แกงถ้วยแรกจะเป็นแกงไก่ที่ปรุงด้วยส่วนผสมอย่างเนยและเครื่องเทศ รสชาติจึงออกมากลมกล่อมกำลังดี และ ยังช่วยตัดกลิ่นฉุนไปได้มากโข *Dal Palak ส่วนถ้วยนี้จะเป็นซุปผักโขมผสมเครื่องเทศ สำหรับอาหารคาว ก็มีเท่านี้ ซึ่งถ้าไม่อิ่ม ก็สามารถสั่งเพิ่มได้เรื่อยๆ แบบเต็มสตรีม มาว่ากันถึงของหวานกันบ้างดีกว่า *Gulub Jamun เมนูของหวานสไตล์อินเดีย ที่ขึ้นชื่อไปทั่วโลก ซึ่งขอบอกว่า อร่อยสมคำร่ำลือ แม้จะชื่อกุหลาบ แต่ไม่มีอะไรที่เป็นกุหลาบติดมาเลยนะ โดยส่วนผสมจริงๆ จะเป็นแป้งทอดที่ราดมาด้วยน้ำเชื่อม สำหรับคนที่ไม่ชอบทานหวาน อาจจะยี้ไปเลย เพราะจานนี้หวานจับใจมาก *Beetroot Halwa ตัวนี้จะเป็นบีทรูทผสมนม โดยส่วนตัวแล้วไม่ค่อยชอบ ทานไปได้คำแรกหยุดเลยทันที แต่ผู้ที่ชอบทานบีทรูทน่าจะถูกใจได้ไม่ยาก นอกจากของหวาน 2 ตัวนี้แล้ว ยังเสิร์ฟไอศกรีมสีเหลือง มาเพิ่มความเย็นชื่นใจอีกด้วย ด้านเมนูเครื่องดื่มก็รวมอยู่ราคา 800 บาทด้วย มีให้เลือก 4 อย่าง คือ น้ำส้ม, น้ำมะนาว, ชา Masala แบบร้อน และ ตัวสุดท้ายที่เราเลือกลองดื่มคือ Lassi จะเป็นโยเกิร์ตปั่น คล้ายๆ สมูตตี้ แต่มีส่วนผสมของเครื่องเทศมาแบบเบาๆ ทานอิ่มไปเป็นที่เรียบร้อย ก็ต้องบอกว่าเลยว่าประทับใจ แม้กลิ่นเครื่องเทศจะมาเต็มเหมือนร้านอื่น แต่พอทานไปก็ไม่รู้สึกแปลก และ ทำให้เราเอนจอยกับอาหารอินเดียได้อย่างเอร็ดอร่อยมากยิ่งขึ้น แถมกลิ่นเครื่องเทศยังไม่ติดกลับบ้านไปอีกต่างหาก แต่ขึ้นชื่อว่าอาหารอินเดีย หลายคนอาจร้องยี้ (รวมทั้งเราด้วย) เพราะด้วยกลิ่นเครื่องเทศและรสชาติที่แรงเหลือเกิน แต่ที่ The Great Kabab Factory จะทำให้มุมมองของคุณที่มีต่ออาหารอินเดียเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน