SOUSAKU (โซซากุ) อารีย์

## ตอนนี้ร้านเค้าย้ายมาเปิดที่ใหม่แล้วได้ไม่นานครับ ตรงซอยอารีย์ 4 ฝั่งใต้ (เขยิบมาจากซอยเดิมอีก 2 ซอย ฝั่งถนนเดียวกัน) ร้านซูชิบาร์นี้เป็นร้านที่ได้รางวัล #BestofWongnai ด้วย ผมเคยมาทานแล้วรอบนึง ครั้งนั้นไม่โดนเรื่องรสชาติมากเท่าไหร่ เลยให้ 3 ดาวไป ครั้งนี้เป็นไงมาลองดูกันครับ ผมว่าที่เค้าย้ายร้านออกมาจากซอยอารีย์ 2 เพราะเหตุผลหลักๆเลยคือ ที่เดิมมันดูแออัดไปหน่อยและหาที่จอดรถยากมากๆ คงมีลูกค้าบ่นเยอะเหมือนกัน (รวมถึงผมด้วยครับ) ตอนนี้เค้าย้ายมาเรียบร้อยซักพักแล้วครับ ผมติดตามหน้า fanpage อยู่เรื่อยๆ เลยรู้ว่าเค้าเปิดแล้ว แต่เว้นช่วงนานเหมือนกันหลังเค้าเปิดร้านใหม่เพราะผมไม่สะดวกมาลองทานซ้ำ เพิ่งมีโอกาสมาลองซ้ำอีกครั้งกับที่ใหม่เค้าไม่นานนี้ แล้วรีวิวรอบ 2 นี้ครับ [ที่ตั้งร้าน:] ในซอยอารีย์ 4 ฝั่งใต้ (อย่าหลงฝั่งนะครับ เพราะมีซอย 4 ฝั่งเหนือด้วย) ซอยนี้จะอยู่ฝั่งที่วิ่งจากสามแยกที่เลี้ยวเข้ามาจากพหลโยธินเข้าไปทางกรมสรรพากรครับ ซอยนี้เป็นซอยตัน ข้างในส่วนใหญ่เป็นบ้านคนและ Serviced Apartment ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีรถเลี้ยวเข้ามาเท่าไหร่ (เข้ามากลับรถลำบาก) ร้านจะอยู่ในซอยลึกเกือบสุดซอยแล้วครับ มีที่จอดรถได้หลายคันภายในบริเวณร้านเลยครับ เข้ามาจะเห็นเป็นบ้านหลังใหญ่ตกแต่งสไตล์บ้านคนญี่ปุ่นโดดเด่นภายในบริเวณพื้นที่ของร้าน [บรรยากาศร้าน:] มี 2 ชั้นครับ ตกแต่งเป็นธีมแบบญี่ปุ่นๆเลยครับ ด้วยภาพวาดและของตกแต่งต่างๆ ผมสังเกตเห็นที่ชั้นล่างตามโต๊ะเค้าจะมีฝังเตาไฟฟ้าไว้อยู่ ไม่แน่ใจว่าเค้าจะเปิดเป็นร้านให้บริการชาบูหรือเปล่าครับ ส่วนลูกค้าที่มาทานซูชิก็เดินขึ้นชั้น 2 เลยครับ มีซูชิบาร์มองเชฟปั้นซูชิเหมือนทั่วไป หรือจะนั่งโต๊ะแยกต่างหากก็มีครับ [ควรรู้ก่อนมา:] • แนวซูชิร้านนี้มีทั้งแบบพื้นฐานคือ วัตถุดิบอย่างเดียวต่อข้าวซูชิหนึ่งคำ หรือจะเป็นแนว Creative หรือหลายคนจะเรียกว่า Fusion คือวัตถุดิบตั้งแต่ 2 อย่างขึ้นไปต่อข้าวซูชิ 1 คำ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพวก Gunkan Special อย่างหลังจะออกแนวคล้ายๆร้าน Sushi Hana เลย โดยเฉพาะตัว Maki ที่พันด้วย Engawa ใส่ทูน่าสับแล้ววางท๊อปด้วย Ikura • ความฮิปของร้านนี้คือการสั่งอาหารที่ถือว่าแหวกแนวดีครับ คือเค้าจะมีเมนูเป็น e-book หรือ PDF เปิดมาใน Tablet ให้เราเลือกแล้วบอกกับพนักงาน ไม่ใช่ระบบการสั่งอาหารผ่าน App ที่จิ้มบนหน้าจอส่งคำสั่งไปที่เชฟได้เลย Tablet เป็นเพียงเครื่องมือแสดงผล e-Menu เท่านั้น (ยังคงใช้ #เมนูเดิม และ #ราคาเดิม เลยเหมือนตอนที่อยู่ที่แรกครับ) • ราคาอาหารและเครื่องดื่มทุกอย่างในรายการ Net แล้ว ไม่มี ++ เพิ่ม **จุดดีของร้านนี้ ราคาเป็นมิตรสำหรับคอซูชิ ราคาซูชิตัวพวกท็อปๆอย่าง Otoro (339 net), Chutoro (220 net), Nama Uni from Hokkaido (319 net) ผมว่าร้านนี้ราคาไม่แพงถ้าเทียบกับร้านอื่นในราคาปกติที่ไม่มีโปร (และไม่มี ++) ใครชอบซูชิพวก premium ตามนี้สั่งมาทานได้หลายคำหน่อย • ร้านนี้เค้าจะไม่เน้นมีโปรแรงๆตลอดเวลาหมุนเวียนตามเมนูเหมือนที่ Hiro หรือ Hana เค้าจะตั้งราคาไม่สูงมาก และลดเป็นแบบทุกเมนูเท่ากัน 10% โดยประมาณตามช่วงครับ • อีกจุดหนึ่งที่เด่นคือเค้าจะจัดซูชิวัตถุดิบหลักเดียวกันให้เป็น 3 คำ (และปรุงด้วยวิธีต่างๆกันไป) เรียกว่า #ชุดขอสามคำ เช่น Maguro Trio, Engawa Trio, Salmon Trio • ร้านนี้เท่าที่สังเกตเค้าจะขึ้นชื่อหรือคนนิยมมาทานกันเป็น Salmon หรือ Engawa ตามความเห็นส่วนตัวผม [ซูชิที่สั่งครั้งนี้:] • Zuwai Duo (339 บาท) เป็นเมนูพิเศษเฉพาะช่วงที่ไปครับ ตามชื่อเมนูเลยครับ วัตถุดิบหลักเป็น Zuwai Kani หรือปูซูไวญี่ปุ่น (ราคารองจาก Taraba) ปกติเค้าจะกินเนื้อส่วนขาปูกัน ในชุดก็มีเป็น Gunkan (สาหร่ายพัน) 2 คำ สามารถแยกสั่งต่างหากทีละคำได้ คำละ 159/199 บาท สั่งรวมเป็นชุดถูกลงคือ 339 บาท คำหนึ่งจะเป็นเนื้อปูล้วนแบบเต็มๆคำซูชิรองด้วยใบชิโสะ (เพิ่มความหอมเวลาเคี้ยวผสมกัน และไม่ทำให้คำนี้แห้งเกินไป เพราะเค้าไม่มีราดซอสอะไรเลยในคำนี้ เป็นแบบเนื้อปูสดล้วนๆพร้อมวาซาบิ) แล้วแต้มวาซาบิมาให้เลยครับ เนื้อปูหวานดีเลยครับ และทานง่ายเพราะเค้าแกะมาให้เลยครับ (ผมเคยทานซูชิแบบ Nigiri ที่เป็นหน้าขาปู ต้องแคะเอาเอง) ส่วนอีกคำหนึ่งจะมีวัตถุดิบ 3 อย่างในคำเดียว เป็น Kani Miso หรือมันปู ตามด้วยเนื้อปู และไฮไลท์อย่างสุดท้ายคือไข่ปูทะเลเอามานึ่งสาเกให้กลิ่นหอมและฝนให้ไข่ฟูไม่แข็งกระด้าง ทานรวมกันจบในคำเดียวครับ คำนี้ผมชอบมากครับ อร่อยดี ไม่แห้ง เพราะได้ความมันจากตัว Kani Miso ความหอมจากไข่ปูฝนเป็นผงหยาบๆ และความหวานจากเนื้อปูครับ ถ้าใครสั่งชุดนี้ พนักงานจะแนะนำให้ทานคำที่เป็นเนื้อปูล้วนก่อน เพื่อไม่ให้รสชาติดรอปถ้ากินคำที่มีมันปูกับไข่ปูก่อนครับ • Maguro Trio (640 บาท) หนึ่งในชุดขอสามคำ ประกอบด้วย Maguro 3 ส่วนครบเลยคือ Otoro x1pc Chutoro x1pc Akami x1pc ถ้าเทียบกับราคาแต่ละคำสั่งแยกมา ผมว่าราคาก็ไม่หนีกันมากเลย คิดว่าสะดวกเวลาสั่งให้ลูกค้ามากกว่า และเป็น gimmick ในการตั้งชื่อชุดว่าขอสามคำ สรุปเลยว่าตอนที่ผมไปทาน ทูน่าที่ได้ทั้ง 3 คำ สดดีเลยครับ ฉ่ำไม่แห้ง อร่อย ไม่มีส่วนไหนแล่ติดเอ็นมา ปั้นมาสวยดี ค่อนข้างสมดุล ชิ้นปลาหนาไม่มาก คลุมข้าวซูชิพองาม (คราวที่แล้วที่ผมมาสั่งเป็นชุด Omakase on table ก็ถือว่าเค้าปั้นมาได้สวยงามดีทุกคำ ครั้งนี้ก็เหมือนกันครับ) • Temaki w/o Rice (140 บาท) หรือ Hand Roll Sushi ด้วยสาหร่าย เมนูนี้อย่างที่เค้าเน้นในชื่อเมนูคือไม่มีข้าวในไส้เลยครับ เค้าจะใส่เป็นแซลมอนดิบหั่น สอดไส้ด้วยพวกผักสดและแตงกวาญี่ปุ่น โรยด้วยไข่กุ้ง ปกติผมจะไม่ค่อยสั่งเมนูพวกเทมากิมาทานเท่าไหร่เพราะกลัวหนักข้าวไป เห็นไม่มีข้าวเลยลองสั่งดู ส่วนตัวผมว่าไม่ค่อยโดนมากเท่าไหร่ แซลมอนดิบดูแห้งๆไปหน่อย พอเคี้ยวกับสาหร่ายแล้วมันแห้งๆไม่ลื่นคอเท่าไหร่ ต้องกินคู่กับโชยุและวาซาบิเยอะหน่อยครับ พวกผักสดกรอบดี • Salmon K-1 (59 บาท) แซลมอนย่างแนวฟิวชั่น เมนูที่ทางร้าน Recommend ผมเคยสั่งคราวที่แล้ว รู้สึกว่าอร่อยดี เลยสั่งมาอีก หน้าตาเป็น Salmon Nigiri ปกติ แล้ววางท็อปด้วยของย่างอย่างหนึ่งไม่แน่ใจคืออะไรและไข่กุ้งสีส้ม ทาด้วยซอสหวานแบบโรลแล้วราดด้วยมาโย เอาไปย่าง คำนี้ปั้นได้ดูสวยงามดีเช่นเคย และอร่อยดี มันๆหอมๆ รสสัมผัสมีทั้งนุ่มและกรอบ ผ่านครับ • Engawa Uni (169 บาท) เป็นคำที่ Fail สุดของมื้อนี้ (เวลาผมมาร้านนี้ ต้องเจอซักอย่างหนึ่งที่มันดูไม่ดี อย่างคำนี้เลย) ผมคิดว่าราคานี้ คงไม่ได้เป็น Nama Uni หรืออูนิสดๆอยู่แล้ว อันนี้โอเคครับ ตัวอูนิที่ได้ผมว่าก็มีกลิ่นคาวบ้างแหละครับ แต่เสียตรงที่มันโดนความร้อนตอนย่างเอ็นกาวะข้างล่างมาด้วย รสชาติเลยเสียไป แต่ที่ผมดูแล้วไม่ชอบกว่าน่าจะเป็น Engawa ที่ชิ้นมันดูหงิกๆงอๆ ไม่เต็มคำเลย (ดูจากรูป) สรุปว่าคำนี้ไม่ผ่าน • ชาเขียวร้อน รีฟิล (30 บาท) ปกติเลย ไม่มีอะไรพิเศษ ค่าเสียหายทั้งหมดมื้อนี้ ไม่มี ++เพิ่ม และส่วนลดตามช่วงอีก 15% 1,308 บาท พันกว่าๆ -------------- ตามความเห็นผมสำหรับการทานซูชิที่ร้านต่างๆ ผมจะแยกดูส่วนประกอบ 3 อย่างครับ คือ อย่างที่ 1: ตัวเนื้อปลาหรือวัตถุดิบอื่นๆที่ทำหน้าซูชิว่ามันมีความสดมากน้อยเพียงใด เตรียมหรือปรุงมาดีขนาดไหน ผมสรุปว่าของที่ Sousaku คุณภาพและความสดของปลาโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี เกรดพอๆกับ Hiro หรือ Hana แต่ครั้งนี้ที่มาซูชิบางตัวไม่ผ่านเตรียมได้ไม่ดีพอคือ Engawa Uni คำนี้ไม่ผ่านมาก แต่ที่ชอบสุดๆครั้งนี้คือคำที่เป็น Kani Miso กับ Crab Roe อย่างที่ 2: ข้าวญี่ปุ่นที่ใช้ทำซูชิ ปกติจะต้องมีผสมน้ำส้มสายชูลงไปและมีความแฉะเล็กน้อย เหนียวจับเป็นก้อน ผมสรุปว่าของที่ Sousaku ตัวข้าวซูชิทำมาค่อนข้างดีนะครับ จับกันเป็นก้อนไม่แตกและไม่แฉะเกิน หมักน้ำส้มมากำลังดีไม่ออกรสเปรี้ยวเด่นชัด ปั้นมากำลังดีแล้ว ไม่แน่นหรือหลวมไป อย่างที่ 3: เทคนิคการแล่ปลาและความสวยงามในการปั้นซูชิ สำหรับร้านนี้ตอนที่ไปทานผมว่าส่วนขนาดชิ้นปลาที่นี่จะให้ชิ้นขนาดกำลังดีเมื่อเทียบกับข้าวที่ปั้น ดังนั้นหน้าตาของซูชิที่ปั้นมาเลยดูสมดุลกันระหว่างรสชาติของชิ้นปลาบนหน้ากับข้าวปั้นด้านล่างเวลาเคี้ยวเข้าปากรวมกันครับ ไม่ overwhelming ส่วนสไตล์รูปแบบการแล่ชิ้นปลาผมว่าที่นี่ทำได้สวยงามดีใกล้เคียงกับกินที่ร้านซึ่งให้บริการ Omakase มากสุด เมื่อเทียบกับร้านซูชิการตลาดอื่น สรุปผมให้ตามความรู้สึกแล้วกันครับ ให้ 3.5 ดาว (ปัดเป็น 4 ดาว) ร้านนี้เด่นเรื่องราคาที่ไม่สูงมาก ไม่ทำโปรลดหวือหวาตลอดเวลา และรูปแบบการปั้นซูชิของเค้าที่ดูสมดุลดี ส่วนความอร่อยโดยรวมถือว่าใช้ได้แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ผมกลับเห็นว่าพวกซูชิแบบธรรมดาไม่ใช่ฟิวชั่นอร่อยกว่า อันนี้ขึ้นอยู่กับความชอบด้วยครับ เพิ่มเติมจากรีวิวก่อนที่ร้านนี้ปรับปรุงดีขึ้นคือบรรยากาศและความสะดวกเรื่องที่จอดรถครับ ส่วนพนักงานดูเพียงพอและให้บริการได้ดีเหมือนเดิมเลยครับ