เรามาเพื่อเจอกับดอกพญาเสือโคร่งนี้เลยแหละ ซึ่งก็ไม่หวังเลยจริงๆ
ทริปนี้จองตั๋วเครื่องบินและที่พักจากงานเที่ยวไทย
✈️ ไป-กลับจาก Bangkok Airways ประมาณคนละ 2,180 บาท ราคาดีเว่อ มีอาหารแบบอิ่มๆ และ Lounge ฟินๆ
ถึงสนามบินเชียงใหม่ประมาณก่อนเที่ยง ใช้เวลาไม่นานก็ถึงที่พักแล้ว
ที่พักทั้ง 2 คืนจากโรงแรมโลตัสปางสวนแก้ว อยู่ติดกับเซนทรัลกาดสวนแก้ว ที่มีความล้านนาและตกแต่งสถานที่แบบอนุรักษ์เล็กๆ ราคาถูกมาก ตกคืนละประมาณ 650 บาท/คนเท่านั้น
ที่นี่เค้าให้เช็คอิน 15.00 น. เราไปถึงก่อนเวลา เลยขอฝากกระเป๋าเอาไว้ก่อน
เราเดินงงๆออกจากโรงแรมเพื่อไปยังดอยสุเทพ จุดมุ่งหมายแรกในวันนี้
🚘 เริ่มจากโบกรถแดงหน้าโรงแรม นั่งไปยังทางขึ้นดอยสุเทพ จากนั้นเราก็ดิวราคากับคุณลุงคนขับที่ทางขึ้นดอย ได้เรทแบบเหมาทั้งคัน 1,000 บาท ก็โอเค say yes เพราะกลัวว่าถ้าไปหาต่อเอาข้างบนจะแพงกว่านี้ โดยตรงนั้นจะมีแผนที่บอก ว่าบนดอยมีที่เที่ยวจุดไหนบ้าง หากไปแบบไม่เหมาจ่าย เรทก็จะต่างกันตามระยะทาง โดยคุณลุงพาเราไปที่พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ก่อน เพราะจะปิดประมาณบ่าย 3 โมง เดี๋ยวจะเที่ยวไม่ทัน
เดินชมสวนดอกไม้กันที่พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ บรรยากาศร่มรื่นดีมาก จ่ายค่าเข้าคนละ 20 บาท ข้อสำคัญคือห้ามใส่แขนกุด ขาสั้น ขาขาด ถ้าจะเข้าก็ต้องไปเช่าหรือซื้อเอาแถวนั้นก่อน ไม่แพง เริ่มต้นที่ 40-50 บาท ชุดก็แนวๆเด็กดอยนั่นแหละ จินตนาการตามนั้นเลย
🌸 ต่อด้วยขึ้นไปสุดทางที่สถานีวิจัยเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน ทางไปก็น่ากลัวเอาเรื่อง ขับกันเลนเดียวสวนกันริมผา เสียวเหลือเกิน ใครขับไม่แข็งแนะนำว่าไม่ควรขับเอง เพราะมีรถหลายคันที่ไปไม่รอด จอดตายอยู่เยอะมาก ใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลยกว่าจะถึง แต่พอถึงคือคุ้มมากที่ได้มา เพราะไปช่วงที่ดอกพญาเสือโคร่งกำลังบานพอดี สีชมพูพรึบเต็มทุกพื้นที่เลย
ชมวิวกันจนเย็น เราเลยรีบกลับลงมาไหว้พระธาตุดอยสุเทพ🍂🍃🍂🍃 🍂🍃
ตอนแรกจะแวะลงไปที่หมู่บ้านม้งกันก่อน แต่เรามาช้าเกินไป หมู่บ้านม้งปิดซะแล้ว เลยแวะถ่ายรูปบริเวณจุดชมวิวหมู่บ้ายม้ง ดอยปุย มาแทน
ต่อด้วยวัดพระธาตุดอยสุเทพ ที่สุดท้ายของวันแรก
เราใช้เวลาไม่นานนักในการอยู่ที่นี่ จะเห็นว่าขนาดพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว แต่นักท่องเที่ยวก็ยังคงหนาแน่นอยู่
จากบนดอย คุณลุงขับรถมาส่งเราถึงที่พักเลย ช่วงดึกๆในตัวเมืองจะครึกครื้นใช้ได้เลย โดยเฉพาะตอนที่นั่งรถผ่านม.เชียงใหม่ และย่านนิมมาน
จบแล้วสำหรับวันแรก เหนื่อยแต่คุ้ม
🚘 เราดิวกับรถแดงไว้ล่วงหน้า 3 วัน มัดจำนิดหน่อย ที่เหลือจ่ายหลังทริปจบ ทั้งหมดทั้งวัน 2,500 บาทถ้วน พี่คนขับมารับหน้าโรงแรมตั้งแต่ตี 4
ขับไปตามเส้นทางที่แสนมืดมิด ถึงจุดชมพระอาทิตย์กิ่วแม่ปานประมาณ 6.15 น. มีเวลารอชมพระอาทิตย์ขึ้นสบายๆ แต่ไปถึงก่อนก็ดี เพราะคนเยอะเอาเรื่อง เดี๋ยวจะได้รูปไม่สวยเอาได้
พระอาทิตย์ค่อยๆขึ้นอย่างสวยงาม แสงของวันใหม่เริ่มต้นขึ้นแล้ว
เดินไปเดินมาก็เจอแม่คะนิ้งด้วย ตื้นเต้นเลยแหละ
✔️ แนะนำอย่างยิ่งว่าควรพกถุงมือขึ้นดอยอินทนนท์ด้วย เพราะข้างบนมันหนาวมาก มือชาไปหมด ถ้าไม่มีก็ซื้อตั้งแต่จุดตีนดอยที่เค้าจ่ายเงินค่าขึ้นกัน เพราะมีคนมาขายถึงที่ แค่คู่ 40 บาท ส่วนข้างบนคือคู่ละ 100 บาทเลย
จากนั้นเราก็เตรียมตัวขึ้นกิ่วแม่ปานกัน
✔️ การขึ้นกิ่ว เค้าจะให้ขึ้นไม่เกิน 10 คน ต่อไกด์ 1 คน จะหาเพื่อนหารเอาแถวนั้น หรือจะไปเป็นกลุ่มเล็กๆ 3-4 คนก็ได้ แนะนำว่าถ้าจะหาร ก็ควรจะถามคนอื่นๆก่อนว่าสามารถขึ้นและลงตามเส้นทางจริงได้หรือไม่ (ปกติแล้ว ขึ้น-ลง เป็นทางคนละทาง แต่ถ้ามีคนไม่ไหวก็ต้องลงทางเดิม เพราะอีกทางจะโหดกว่า) ไม่งั้นเราอาจเสียโอกาสที่จะได้ชมบรรยากาศของอีกฝั่งก็เป็นได้
การเดินขึ้นกิ่ว จ่ายค่าไกด์ 200 บาท มีไม้ยาวให้คนละอันกันล้ม ทางเดินก็เป็นแนวป่า ต้นไม้ ดอกไม้ และมีน้ำตกอยู่ในนั้น
ขึ้นไปถึงคือวิวสวยมาก อากาศเริ่มเข้าที่ ไม่หนาวเกินไป ยืนต่อคิวรอถ่ายรูปจุดเช็คอินอีกกว่าครึ่งชั่วโมง แต่ก็คุ้มมาก ท้องฟ้าสีฟ้าสุดลูกหูลูกตากันไปเลยทีเดียว
ถ่ายรูปชมวิวจนอิ่มแล้ว เราก็เดินกลับลงมาทางเดิม
💐 ต่อไปคือการไปสักการะพระมหาธาตุนภเมทนีดล-นภพลภูมิสิริ ซึ่งเป็นเจดีย์คู่บารมีของในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระราชินี มีรถสองแถวบริการรับส่งฟรี ใช้เวลาแค่ 2-3 นาทีจากจุดชมพระทิตย์ขึ้นเมื่อเช้าก็ถึงแล้ว
จากนั้นเราก็ไปยังสถานที่ต่อไป นั่นคือ "ม่อนน้องแกะ"
🐏 ม่อนน้องแกะแห่งพระตำหนักดอยผาตั้ง ที่นี่มีแกะหลักร้อยตัว กระจายกันเดินว่อนกินหญ้าทั่วไปหมด เสียงดังไปด้วย ~แบะ ~แบะ ~แบะ มีจุดขายหญ้ากำละ 20 บาท ใครกลัวน้องรุมกินหญ้าก็ไม่ต้องไปซื้อมาล่ะ เดี๋ยวจะกลัวจนเป็นลมเอา เพราะน้องจะเดินตามเราไปทุกที่ ตราบใดที่เรายังถือหญ้าอยูาในมือ !!
🛍 ระหว่างทางกลับก็แวะซื้อเสบียงที่ตลาดม้ง แคปหมูดีงามมาก เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมา และจบที่สุดท้ายในดอยคือ น้ำตกวชิรธาร ไปช่วงที่มีน้ำพอดี ถ่ายรูปสวยงาม
🌾 เราลงดอยมาประมาณบ่ายสามโมง เหลือเวลาเยอะ พี่คนขับเลยพาไปที่สุดท้าย ซึ่งก็ไม่ได้อยู่ในแพลน แต่บอกเลยว่าคุ้มในคุ้ม นั่นคือ Brandnew Field Good ของคุณนิว-เป๊ก นั่นเอง
คาเฟ่ที่อยู่บริเวณตีนดอยสุเทพ ใกลกับวัดบ้านปง
พื้นที่สีเขียวที่นี่เยอะมาก เป็นคาเฟ่ที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่เคยไปมา มีที่นั่งให้เลือกมากมาย
อาหารต้องไปสั่งเองที่เคาน์เตอร์ ถ่ายรูปรอไปเลย นานสักพักใหญ่ๆเลยแหละ
กว่าจะเสร็จภารกิจที่นี่ก็เย็นพอดี พี่คนขับมาส่งถึงที่พักอีกเช่นเคย
เราตั้งใจจะไปหาอาหารอร่อยๆกินกัน แต่ดึกแล้วร้านปิดกันเกือบหมดเลย ร้านที่เปิดอยู่ก็คนเยอะจนเรารอไม่ไหว
เลยมาเดินถนนคนเดินวัวลายแทน ของกินและของน่าซื้อเต็มทั่วสองฝั่งทางเดิน
จบวันที่ ไปอย่างเหนื่อยล้า แต่ได้รูปเพียบนะจ๊ะ
📷 วันนี้ไม่มีอะไรมาก เน้นเดินชิล ถ่ายรูป หาของกิน ช็อปปิ้ง
ที่แรกกับประตูท่าแพ ที่ตอนแรกตั้งใจจะมาหาข้าวเช้ากินกันแถวนี้ แต่ไม่มีเลย
เดินขาลากไปที่ร้านปาท่องโก๋ โกเหน่ง แต่สุดท้ายคืออกหัก เพราะคนรอคิวเป็นสิบ!!
เลยมาร้านนนี้แทน ร้านอยู่ตรงข้ามเชียงใหม่ไนท์บาซาร์
ช่วงสายหน่อยเราก็เดินจากที่พักไปจนถึง One Nimman สถานที่เช็คอินแห่งใหม่ที่ตกแต่งอลังการดี มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะ แต่ช่วงที่ไปคือยังตกแต่งไม่เสร็จ 100% พวกร้านข้าวอะไรก็ยังไม่มีเหมือนตอนนี้
และแวะหาของกินปิดท้ายทริปที่ Rosélato
ไอศกรีมเจลาโต้รสชาติแปลกๆ ที่ไม่ใช่รสชาติไอศกรีมทั่วไป
มาในรูปทรงของไอศกรีมกุหลาบ สวยจนไม่กล้ากินเลยแหละ
✨ สุดท้าย รถแดงดีงามมาก พี่คนขับตรงเวลา ขับดี แอบถ่ายรูปให้ด้วย พาไปครบทุกที่จนหมดวัน มาส่งถึงที่พักอย่างปลอดภัย เหมือนเป็นไกด์ไปในตัวเลย
ใครชอบทริปนี้ก็สามารถเที่ยวตามได้เลย รับรองสนุกครบรสแน่นอน
ส่งหัวใจและแชร์ทริปนี้เพื่อเป็นกำลังใจแก่เจ้าของบทความ












































