สมาชิกในทริปของเราเห็นพ้องต้องกันแล้วว่ากิจกรรมหลักของเราในทริปนี้คือการ”ไม่ทำอะไรเลยยยยย” Como Point Yamu จึงเป็นโรงแรมที่เด้งขึ้นมาชื่อต้นๆ เพราะเราจะกินและนอนอยู่ในโรงแรมอย่างเดียวเท่านั้น ความสะดวกสบายจึงเป็นปัจจัยหลักที่เราเลือกโรงแรมแห่งนี้
Como Point Yamu ตั้งอยู่ที่ปลายแหลมยามู ฝั่งตะวันออกของเกาะภูเก็ต ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินภูเก็ตประมาณครึ่งชั่วโมง ห้องพักทุกห้องสามารถเห็นวิวทะเลอันดามันและอ่าวพังงา แต่จะไม่มีหาดสำหรับลงเล่นน้ำได้ แต่ไม่ต้องห่วงเลย เพราะโรงแรมเค้ามีหาดส่วนตัวที่เกาะนาคา สามารถเดินทางด้วยรถและสปีดโบ๊ทของโรงแรมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
นอกจากนี้ที่โรงแรมยังมีกิจกรรมต่างๆมากมายให้แขกที่เข้ามาพักสามารถเข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็น โยคะ มวยไทย จัดดอกไม้ ร้อยมาลัย ปั่นจักรยานรอบหมู่บ้านยามู ซึ่งมันฟรีจ้าาาา หรือถ้าใครอยากจะไปสปา ดำน้ำ ทัวร์เกาะ ล่องเรือชมพระอาทิตย์ตก ทัวร์ตัวเมืองเก่าเกาะภูเก็ต เข้าคลาสทำอาหารไทย ก็สามารถติดต่อโรงแรมเพื่อขอตารางและราคาค่าใช้จ่ายได้เลย ในเมื่อกิจกรรมมันเยอะขนาดนี้ แค่อยู่ในโรงแรมก็ไม่มีเบื่อแล้ว ตามพวกเราไปดูทริปสุดชิลนอนสบายกัน
เมื่อเข้ามาถึงลอบบี้ของโรงแรม เราสะดุดตากับโคมไฟอันใหญ่สีขาว และซุ้มที่จัดเป็นเหมือนโต๊ะหมู่ มีดอกไม้จัดไว้เรียงรายโดยรอบ พนักงานบอกว่าตรงซุ้มนี้ได้แรงบรรดาลใจมาจากภาคเหนือของไทย
ระหว่างรอเช็คอิน Welcome drink ถูกยกออกมาเสิร์ฟพร้อมพวงมาลัยดอกไม้ บอกเลยว่ากลิ่นหอมมาก ทำให้รู้สึกผ่อนคลายจากการนั่งเครื่องและรถมาที่โรงแรม
วิวทะเลริมที่นั่งเช็คอิน ขนาดเห็นทะเลอยู่ไกลๆยังตื่นเต้นเลย
ที่หน้าห้องพักแต่ละห้อง จะมีขันดอกไม้ลอยน้ำตั้งอยู่ เราว่ามันเป็นจุดเล็กๆ แต่แสดงถึงความใส่ใจ เพราะดอกไม้ที่นี่จะเปลี่ยนทุกวัน ถ้าใครได้มาพัก อย่าลืมสังเกตขันน้ำหน้าห้องกันหละ
ในส่วนของห้องพัก โรงแรมจะตกแต่งด้วยโทนฟ้า-ขาวเป็นหลัก ให้ความรู้สึกสบายตา สบายใจ แต่ก็ไม่เรียบจนเกินไป โดยจะมีลายคลื่นที่จะเห็นได้บนปลอกหมอน แฟ้มInformationต่างๆ กระดาษโน๊ตที่หัวเตียง เรียกได้ว่ามีกิมมิคซ่อนอยู่ในหลายๆจุดของการตกแต่งเลยหละ นอกจากนี้ สิ่งที่เราประทับใจที่สุดของการเข้าห้องพัก คือ”กลิ่น” กลิ่นหอมแบบสปาทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายทันทีที่เข้ามาในห้อง
นอกจากโซฟาตัวใหญ่ยาวที่เหมาะสำหรับการนอนเอกเขนกนี้แล้ว ในห้องพักยังมีส่วนของมินิบาร์และมุมโต๊ะทานข้าว เรียกได้ว่าสะดวกสบายกว้างขวางมากๆ
แสงที่ห้องตอนบ่ายๆเย็นๆนี่สวยมากกกกก นั่งชมวิวไป กินผลไม้ Welcome fruit ที่ใส่มาในชะลอมแบบไทยๆไป น่ารักไปอีกแบบ
เข้ามาในส่วนของห้องนอน เนื่องจากเราจองห้องพักแบบเสริมเตียง3คนมา ทางโรงแรมจึงอัพเกรดห้องพักเป็นแบบ Bay Suite ให้เพราะมีพื้นที่ในการเสริมเตียงมากขึ้น ในห้องตกแต่งด้วยสีฟ้าขาวเหมือนเดิม เห็นแล้วอยากโดดขึ้นเตียงหลับซักงีบ
วิวจากระเบียงห้องพัก ที่ระเบียงมีเก้าอี้และโซฟา สามารถนั่งดูพระอาทิตย์ตกดินจากในห้องได้เลย
อีกส่วนสำคัญที่เราชอบที่สุดของห้องพักนี้ก็คือห้องน้ำใหญ่มาก โดยแบ่งออกเป็นส่วนอ่างล้างหน้าที่มีมาให้ถึง2อ่าง สาวๆแต่งหน้าโดยไม่ต้องแย่งกันได้เลย ส่วนอ่างอาบน้ำ ส่วนอาบน้ำที่มีให้เลือกทั้งฝักบัวและRainshower ส่วนทำธุระส่วนตัว และส่วนตู้เสื้อผ้า เรียกได้ว่าแบ่งเป็นสัดส่วนและสามารถเชื่อมต่อกันได้เพียงแค่เปิดประตูบานใหญ่ออก
หลังจากสำรวจห้องพักกันเล็กน้อย เราจองเรือกับทางโรงแรมเพื่อข้ามไปเกาะนาคากัน ที่เกาะนาคานี้ ทางโรงแรมเค้ามีหาดส่วนตัวสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ซึ่งโรงแรมเค้าจัดทั้งรถและสปิดโบ๊ทบริการฟรี ใช้เวลาเดินทางไปที่ท่าเรือประมาณ30นาที และต่อเรืออีกประมาณ10นาที
ที่โคโม่บีชคลับ มีทั้งสระว่ายน้ำ และกิจกรรมทางน้ำ เช่นเรือคายัค และ Standing paddle board ไว้บริการ ถ้าไม่นับเรื่องที่ต้องเดินทาง เราชอบโคโม่บีชมากๆ เพราะมันสงบ เป็นส่วนตัว จะนอนเล่นริมสระว่ายน้ำ ริมชายหาดมองวิวทะเลอันดามัน หรือจะเข้าไปพักที่คาบาน่าเป็นหลังๆก็ได้ อยากจะตัวสะอาดๆขึ้นฝั่งหลังจากเล่นน้ำหรืออาบแดดก็สะดวกสุดๆ เพราะเค้ามีห้องน้ำและห้องอาบน้ำทุกคาบาน่าเลย วันที่เราไปแดดแรงสุดๆ แถมยังลืมครีมกันแดดมาอีก เค้าก็มีครีมกันแดดไว้บริการ ได้ใจเราไปเลยจ้าาา
ใครที่กลัวหิวก็ไม่ต้องห่วง ที่โคโม่บีช คลับเค้าก็มีอาหารบริการ จะทานแบบซีฟู้ดเผาเค้าก็จัดให้เราได้ เรียกได้ว่าเอาแค่ตัวและชุดว่ายน้ำมาก็พอ ที่เหลือเค้าจัดไว้ให้คุณหมดแล้วแหละ
รอบเรือ :
ออกจากโรงแรมเวลา10.00น. และ11.00น.
ออกจากเกาะนาคาเวลา14.00 และ15.00น.
ขึ้นเรือไปเกาะนาคากัน
ใครจะนอนอาบแดดริมหาดก็จัดได้เลย โรงแรมเค้ามีเก้าอี้อาบแดดไว้บริการเยอะมากกระจายอยู่เต็มหาด รู้สึกเป็นส่วนตัวสุดๆ
ที่โคโม่ บีชคลับ จะมีคาบาน่าเป็นหลังๆไว้คอยบริการด้วย แต่ละหลังจะแยกออกจากกัน และมีต้นไม้บังเพื่อความเป็นส่วนตัว โดยส่วนด้านหน้าต้องทำการจองล่วงหน้าและมีค่าใช้จ่าย แต่ส่วนด้านในนี่ใครดีใครได้ ลงเรือก่อนก็เข้ามาจองก่อนได้เลย
ภายในคาบาน่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เตียงนอนไว้นอนหลบร้อน และห้องอาบน้ำสำหรับคนที่ลงเล่นน้ำแล้วอยากให้ตัวสะอาดก่อนกลับขึ้นบก และไม่ต้องห่วงเรื่องสบู่ ยาสระผม ผ้าเช็ดตัวเค้าก็มีบริการจ้าา
แอบหนีขึ้นมาด้านบนของส่วนร้านอาหาร ใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากๆก็สามารถขึ้นมาทานอาหารด้านบนได้ แต่เราว่าช่วงบ่ายๆอากาศค่อนข้างร้อน อาจไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่
ส่วนของร้านอาหาร มีทั้งคาวหวาน ไทยเทศให้บริการ จะสั่งค็อกเทลสักแก้ว เบียร์ซักขวดมานั่งชิลที่เก้าอี้ด้านหน้าก็ย่อมได้
มื้อเที่ยงของเรา
ขนมปังที่นี่อร่อยมาก เสิร์ฟมาแบบร้อนๆ ด้านข้างgrillมาเกรียมนิดๆ ด้านบนtopด้วยซอสคล้ายๆเพสโต้ซอส และถั่วเม็ดมะม่วงหิมพานต์ สายคาร์บอย่างเราเลยขอเพิ่มไป3รอบแหนะ
ปลาหมึกย่างเนื้อนุ่มมากกก
หมดวันซะละ เรานั่งเรือรอบสุดท้ายกลับมาที่โรงแรมกัน เดี๋ยวจะพาเพื่อนๆไปสำรวจรอบๆโรงแรมกันนะ
ห้องพักแต่ละชั้นสามารถขึ้นลิฟต์หรือว่าจะขึ้นบันไดก็ได้ เป็นการออกกำลังกายไปในตัวด้วย ใครจะใช้เป็นมุมถ่ายรูปก็ได้ไม่ว่ากันจ้ะ
ทางเดินจากล็อบบี้ไปส่วนของร้านอาหารสูงโปร่งช่วยให้รู้สึกสบายตาไม่อึดอัด ถึงแม้ว่าภายในตัวอาคารจะใช้สีเข้มอย่างสีเทาก็ตาม ด้านบนของส่วนทางเดินเป็นแบบเปิดให้แสงธรรมชาติเข้ามา ด้านข้างเป็นกำแพงลายสาน ช่วยให้แสงลอดเข้าไปในอาคาร เกิดเป็นแสงและเงา สวยงามไปอีกแบบ
ด้วยการออกแบบทางเดินจากทางแคบๆ แล้วเปิดโล่งสู่วิวที่อยู่ตรงหน้า ยิ่งทำให้ทะเลที่อยู่ตรงหน้าดูกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาเหมือนระเบิดใส่หน้าเราเลยหละ
มุมมหาชนของโรงแรม เรียกว่าใครมานี่ต้องถ่ายรูปกับสระว่ายน้ำที่ยาวตลอดแนวทะเล กินความยาวถึง3ห้องอาหาร คือห้องอาหาร La Sirena ซึ่งเสิร์ฟอาหารอิตาเลียน, Aqua bar และ ห้องอาหาร Nahmyaa ซึ่งเสิร์ฟอาหารภาคใต้ของไทย
ร้านอาหาร La Sirena ซึ่งเสิร์ฟอาหารทั้งเช้า กลางวัน และเย็น อาหารที่เสิร์ฟจะเป็นสไตล์อิตาเลียน ด้านข้างสามารถชมวิวอ่าวพังงาและวิวสระว่ายน้ำ เรียกได้ว่าผู้ใหญ่ทานอาหารไป ให้เด็กเล่นน้ำไปก็ได้นะ
อีกมุมถ่ายรูปสวยๆ ใกล้ห้องอาหาร Nahmyaa
สระว่ายน้ำช่วงเย็น ให้อารมณ์Vanilla Sky สวยไปอีกแบบ
มื้อเย็นเราสั่งอาหารมาทานริมสระว่ายน้ำ โดยอาหารที่มาเสิร์ฟจะมาจากห้องอาหาร Le Sirena ค่ะ
พระอาทิตย์ตกริมสระน้ำ
บรรยากาศช่วงค่ำ กับห้องอาหาร Nahmyaa ห้องอาหารไทยประจำโรงแรมเปิดให้บริการเฉพาะอาหารเย็น ตั้งแต่เวลา 18.30-22.30น.
La Sirena ยามค่ำคืนเมื่อเปิดไฟ ให้ความสวยงามไปอีกแบบ
Aqua Bar ใครที่ชอบดริงค์ต้องไม่พลาดบาร์ริมสระว่ายน้ำแห่งนี้ นั่งจิบค็อกเทลไป ดูหนุ่มๆในชุดว่ายน้ำไปก็เริ่ดอยู่
สำหรับเรา โรงแรมช่วงกลางคืนไม่ว่าจะเป็นทางเดินหรือล็อบบี้ พอเปิดไฟแล้วสวยมากกกก กลางวันว่าสวยแล้ว พอมาเจอตอนกลางคืนแล้วต้องยอมเลย ถ้าใครมาถ่ายรูปตอนกลางวันไปแล้วอย่าลืมมาช่วงดึกอีกรอบหละ สวยคนละอารมณ์กันเลย คุณว่ามั้ย??
คืนนี้เราขอพักผ่อนเอาแรงก่อน พรุ่งนี้เช้าจะตื่นมากินอาหารเช้าให้จุใจไปเลย
ได้เวลาอาหารเช้าแล้วววววว หลังจากพวกเราตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ก็ถึงเวลาหาอาหารใส่ท้องเอาแรงไปเที่ยวกันต่อ
สำหรับห้องอาหารเช้า La Sirena จะเปิดให้บริการตั้งแต่ 6.00 จนถึง 10.00 มีให้เลือกทั้งแบบบุฟเฟต์ และ a la carte เรียกได้ว่ากินได้เต็มอิ่ม สั่งได้ไม่อั้น คาวหวานมาเพียบ มีให้เลือกทั้งอาหารไทยและอาหารฝรั่ง หรือสายสุขภาพก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะมีเมนูสุขภาพที่ใช้วัตถุดิบที่เลือกสรรมาเป็นอย่างดี โซนน้ำผลไม้ในไลน์บุฟเฟต์ก็มีให้เลือกเยอะมาก
ห้องอาหารเช้าที่คงคอนเซ็ปการตกแต่งสีขาวฟ้าได้เป็นอย่างดี มีกิมมิคต่างๆรอบตัว อย่างด้านฝาผนัง ทางโรงแรมได้นำจานชามสีขาวมาประดับหลากหลายรูปแบบ โซฟา เก้าอี้นั่งที่เป็นผ้าให้ความรู้สึกสบายผ่อนคลาย
ถึงแม้ว่าห้องอาหารจะเป็น open-air แต่ก็ไม่ได้รู้สึกร้อน เพราะมีหน้าต่างรับลมอยู่รอบทิศ สามารถชมวิวอ่าวพังงา และวิวสระว่ายน้ำ ไม่ว่านั่งมุมไหนก็ชิลไปหมด
เราสั่ง Egg Royale มาทานเช้านี้ อร่อยใช้ได้เลย
ข้าวเหนียวหมูย่าง อีกจานเด่นของไลน์อาหารเช้า ข้าวเหนียวหมูเสริฟพร้อมไข่ลูกเขยและน้ำพริกเผา ถ้าใครกลัวเผ็ดก็สามารถทานอโวคาโดตัดรสเผ็ดได้
สายหวานต้องไม่พลาดจานนี้ Coconut Waffle วัฟเฟิลร้อนๆ เสิร์ฟพร้อม Vanilla Mascarpone ที่ใช้ฝักวนิลาจริงๆ หอมนัว ทานคู่กับบลูเบอรี่และมะม่วงสด ดีงามมากๆ
นอกจากเมนูa la carte แล้ว ยังมีไลน์บุฟเฟต์ที่สามารถตักเติมได้ตลอด ไม่ว่าจะเป็นน้ำผลไม้ ผลไม้สด โยเกิร์ต ซีเรียลต่างๆ ขนมอบอย่างขนมปัง ครัวซอง เดนิช มัฟฟิน โดนัท Cold Cuts หรือจะเป็นมื้อเช้าหนักๆอย่างก๋วยเตี๋ยวก็มีบริการ
ในส่วนขนมปังก็มีให้เลือกหลากหลายประเภท ทั้งขนมปังขาว ขนมปังโฮลวีท ขนมปังข้าวไรย์ ขนมปังมูสลี แต่กิมมิคที่เราชื่นชอบมากคือการปิ้งขนมปังด้วยเตาถ่านที่ไม่เหมือนโรงแรมที่ไหน
ใครทานข้าวเช้าเสร็จและอยากจะกระโดดลงสระว่ายน้ำต่อเลยก็ได้ อยู่แค่หน้าห้องอาหารเอง
ห้องอาหารฝั่งนี้ติดอ่าวพังงา ลมทะเลโกรกสุดๆ
สำหรับเราแล้ว โคโม่ถือว่าตอบโจทย์เราทั้งหมด ที่พักสะดวกสบาย พนักงานของโรงแรมน่ารักและคอยช่วยเหลือเราตลอด มีชายหาดส่วนตัวให้เล่น อาหารก็ดี ไม่ต้องออกไปไหน ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ …ไว้เราจะกลับมาใหม่นะ Como Point Yamu ❤
หลังจากเช็คเอ้าท์จากโรงแรมแล้ว เรามาแวะทานข้าวเที่ยงกันที่ร้านวันจันทร์ ร้านอาหารพื้นเมืองชื่อดังของจ.ภูเก็ต มาภูเก็ตทีรัยต้องแวะทานข้าวที่ร้านนี้ทุกครั้ง ร้านอาหารพื้นเมืองรสชาติจัดจ้านใจกลางเมืองที่เป็นที่รู้จักของคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี
สำหรับใครที่เคยทานอาหารร้านระย้ามาแล้ว ไม่ต้องแปลกใจที่รสชาติอาหารจะคล้ายๆกัน เพราะร้านวันจันทร์นี้เป็นหลานของร้านระย้า แต่การตกแต่งร้านจะเป็นสไตล์วินเทจ ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาโบราณ กระติกน้ำ ตะเกียง วิทยุโบราณ เอาใจวัยรุ่นที่ชอบถ่ายรูป มีมุมให้ถ่ายรูปเล่นได้หลายจุด และที่สำคัญคือราคาสบายกระเป๋าเหมาะกับวัยรุ่นอย่างเรามากกกกก
เมนูห้ามพลาด : แกงปูใบชะพลู น้ำพริกกุ้งเสียบ หมูฮ้อง ใบเหมียงผัดไข่ คอหมูคั่วพริกเกลือ
น้ำพริกกุ้งเสียบ ทานคู่กับเซ็ทผักสดและข้าวสวยร้อนๆ ขอบอกเลยว่าฟินลืมมมม ตัวกุ้งกรอบอร่อย รู้เลยว่าของสด เห็นพริกเยอะแบบนี้ คนทานเผ็ดน้อยอย่างเรายังตักกินไม่หยุดเลย ให้คะแนนไป10/10จ้า
เนื้อปูผัดมะนาว อีกหนึ่งจานเด่นประจำร้าน ถ้าใช้คำว่าอร่อยบ่อยๆกับร้านนี้คงไม่ผิด เพราะมันอร่อยจริงๆ
กุ้งทอดราดซอสมะขาม กุ้งลายเสือตัวใหญ่ ทอดกรอบแล้วราดซอสมะขามรสเปรี้ยวนำหวานตาม จานที่ดูเหมือนง่ายแต่หลายร้านสอบตกมานักต่อนัก แต่ร้านวันจันทร์ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลย ตัวซอสเอามาราดข้าวก็อร่อยไปอีกแบบ
กินคาวไม่กินหวานสันดานไพร่ หลังจากจบมื้อเที่ยงแล้ว เราแวะทานไอศครีมกันต่อที่ Torry’s Ice Cream ไอศกรีมพรีเมียมโฮมเมดที่ผสมผสานความเป็นภูเก็ตอย่างลงตัว
ตัวร้านตั้งอยู่ใจกลางเมืองเก่าของภูเก็ต อาคารเป็นสไตล์ชิโนโปรตุเกสสีชมพูพาสเทลสดใส ผสานเข้ากันได้อย่างลงตัวกับอาคารบ้านเรือนบริเวณโดยรอบ สามารถถ่ายรูปเล่นทั้งด้านในและด้านนอกร้านระหว่างรอคิวได้ไม่มีเบื่อ
เมนูที่ร้าน มีให้เลือกตั้งแต่ไอศกรีมรสชาติคลาสสิคอย่างวนิลา ช็อกโกแลต หรือจะเป็นรสชาติไทยๆ อย่างมะพร้าวอัญชัญ สัปปะรดภูเก็ต มะม่วง ที่สามารถเลือกทานเป็นสกู๊ป หรือจะเป็นซิกเนเจอร์ของร้านอย่างหมวด Taste of Phuket ที่จับคู่ไอศกรีมกับขนมพื้นเมืองภูเก็ตต่างๆได้อย่างลงตัว
เมนูห้ามพลาด : Bi-Co-Moi บีโกหมอย ไอศกรีมกะทิอัญชัญสีสวยน่าทาน คู่กับข้าวเหนียวดำราดน้ำกะทิ
ไอศกรีมรสงาดำ
อาคารสไตล์ชิโนโปรตุเกสสีชมพูสดใส ด้านหน้าสามารถนั่งรอถ่ายรูปเล่นระหว่างรอคิวได้ ส่วนด้านในร้านตกแต่งสไตล์วินเทจ เฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้มตัดกับผนังสีเหลืองสด ดูสนุกไปอีกแบบ
Bi-Co-Moi บีโกหมอย ไอศกรีมกะทิอัญชัญสีสวยน่าทาน คู่กับข้าวเหนียวดำราดน้ำกะทิ เราชอบจานนี้เป็นพิเศษ ทานได้ไม่มีเบื่อเลย เวลาทานทุกย่างเข้าด้วยกัน จะมีรสหวานตัดด้วยเค็มของกะทิอย่างลงตัว
A-Pong อาโปง ขนมทานเล่นของชาวภูเก็ตคล้ายๆแพนเค้กบางๆ ย่างบนกระทะจนกรอบ เสริฟมาคู่กับไอศกรีมอาโปง
มุมไอศกรีม ที่มีไอศกรีมรสต่างๆหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เราขอพนักงานชิม แอบติดใจหลายรสมาก ไว้คราวหน้าไปภูเก็ตต้องไปตามเก็บรสอื่นๆอีกแน่นอน
กินอิ่มแล้วก็ถึงเวลากลับบ้าน เราเลือกไฟลท์กลับที่ไม่ดึกมาก เพราะพรุ่งนี้ทำงานต่อ ถึงบ้านยังมีเวลาชิลๆเก็บกระเป๋าเข้าที่ ต้องขอบคุณสมาชิกวู่วามทริปที่ไปไหนไปกัน มันต้องมีเพื่อนแบบนี้แหละชีวิตมันถึงจะง่ายเนอะ
บางครั้งเมื่อโลกไม่เป็นใจ การออกไปพักกายพักใจอาจจะช่วยให้สมองปลอดโปร่งมีแรงขึ้นมาบ้าง แล้วเราค่อยกลับมาสู้กับปัญหาต่อ สปอยล์ตัวเองด้วยการไปนอนที่ดีๆ กินอาหารอร่อยๆ บอกเลยว่ามีแรงขึ้นเยอะ ^_^