เราเริ่มต้นวันกันด้วยมื้อเที่ยงที่ร้านก๋วยเตี๋ยวป้าแก้ว ก๋วยเตี๋ยวเนื้อเจ้าเด็ดในนครพนมกัน ลักษณะคล้ายๆเฝอของเวียดนาม ทีเด็ดอยู่ที่น้ำซุปหอมกลมกล่อม เนื้อนุ่ม ไม่เหนียวเลย ใครทานเนื้อไม่จุใจ ก็สามารถสั่งเนื้อลวกและลูกชิ้นเป็นจานแยกมาเพิ่มได้ด้วยนะ ร้านนี้เค้าจะแยกถั่วงอกและผักมาให้เติมในก๋วยเตี๋ยวได้เองไม่อั้น เสิร์ฟมาพร้อมซอสพริกสำหรับคนที่ชอบทานรสจัด ถ้าใครมาช่วงเที่ยงอาจจะต้องรอคิวนานนิดนึง เพราะป้าแก้วเค้าพิถีพิถันปรุงก๋วยเตี๋ยวเองทุกชาม
หลังจากท้องอิ่มแล้ว เรามาเที่ยวกันต่อที่พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม หรือจวนผู้ว่าหลังเก่ากัน ตัวอาคารเป็นศิลปะโคโลเนียลแบบตะวันตก เพราะได้รับอิทธิพลในรูปแบบการก่อสร้างจากฝรั่งเศสช่วงสมัยสงครามอินโดจีน สร้างโดยช่างชาวญวณ ชั้นบนและล่างไม่มีเสา และไม่มีการตอกตะปูแม้แต่ดอกเดียว ตัวอาคารถึงจะมีอายุมากแล้ว แต่ก็ได้รับการดูแลให้อยู่ในสภาพดี ทำให้เรารู้สึกเหมือนนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปในอดีตเลย
ในอดีตเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินมายังจังหวัดนครพนม ทรงประทับที่จวนผู้ว่าหลังเก่าแห่งนี้ รูปประวัติศาสตร์ที่มีคุณยายตุ้มถวายดอกบัวสายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชที่พวกเราเห็นกันบ่อยๆ ก็เกิดที่จังหวัดนครพนมระหว่างพระองค์เสด็จเยี่ยมเยียนราษฎร หากใครสนใจก็สามารถดูรูปและนิทรรศการต่างๆที่จัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ได้
พลับพลาด้านหน้าริมแม่น้ำโขง เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินมาทอดพระเนตรงานประเพณีไหลเรือไฟ
บริเวณโดยรอบอาคารมีต้นไม้ใหญ่เขียวขจี ดูสบายตามาก หากใครต้องการเขียนโปสการ์ดก็สามารถแวะร้านจำหน่ายของที่ระลึกด้านหลังพิพิธภัณฑ์ได้เลย มีโปสการ์ดและของน่ารักๆเยอะแยะไปหมด
ไม่ไกลจากพิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่า เราจะพบกับวัดนักบุญอันนา โบสถ์เก่าที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ในสมัยกรณีพิพาทอินโดจีน ฝรั่งเศสได้ทิ้งระเบิดถล่มเมืองนครพนม ทำให้ตัวโบสถ์พังเสียหาย ต่อมาทางเวียดนามใต้ได้เข้ามาบูรณะซ่อมแซมตัวโบสถ์จนมีความสวยงามถึงปัจจุบัน
ตัวโบสถ์เป็นสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล ยอดโบสถ์คู่มีสะพานเชื่อมถึงกัน วัสดุมีการนำเข้ามาจากประเทศเวียดนามเป็นบางส่วน น่าเสียดายที่วันที่เราไปนั้น ทางวัดมีการประกอบศาสนกิจอยู่ พวกเราจึงไม่ได้เข้าไปชมความสวยงามภายในกัน
ในอดีตนั้น ชาวเวียดนามได้อพยพหนีภัยจากการล่าอาณานิคมมาพักอาศัยอยู่ที่จังหวัดนครพนม รวมถึงอดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์ที่ได้มาอาศัยอยู่ที่บ้านนาจอกโดยใช้ชื่อว่า "เฒ่าจิ้น" หรือที่ชาวบ้านแถวนี้มักจะเรียกว่า "ลุงโฮ" จุดหมายต่อไปของเราจึงขอไปสักการะอนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ ที่หมู่บ้านมิตรภาพไทย-เวียดนามกันซักหน่อย
นอกจากรูปปั้นเคารพของประธานโฮจิมินห์แล้ว ภายในยังมีบ้านพักจำลองของประธานโฮจิมินห์ที่เคยมาอาศัย ตัวบ้านเป็นบ้านไม้ทั้งหลังชั้นเดียวแบบเวียดนาม มีห้องครัวและยุ้งฉางข้าวแบบดั้งเดิมแยกออกมาจากตัวบ้าน ภายในบริเวณอนุสรณ์สถานยังมีการแสดงประวัติชีวประวัติของลุงโฮ ใครที่ชอบประวัติศาสตร์ต้องถูกใจแน่ๆ
สำหรับใครอยากเข้าถึงอารมณ์ชาวเวียดนามก็สามารถเช่าชุดอ๋าวหย่าย ชุดประจำชาติของเวียดนามโดยเราสามารถซื้อหรือเช่าถ่ายรูปได้ และยังมีหมวกเวียดนาม กาแฟเวียดนามเป็นของที่ระลึกติดไม้ติดมือไปฝากคนที่บ้านได้อีกด้วย
ถ้าใครอยากชมบ้านของลุงโฮจริงๆแล้วละก็ สามารถขับรถจากอนุสรณ์สถานไปไม่ไกล จะพบกับบ้านลุงโฮจิมิน ที่ลุงโฮใช้พำนักระหว่างอาศัยอยู่ในประเทศไทย โดยใช้เป็นฐานที่มั่นในการวางแผน ระดมความคิดพี่น้องชาวไทยเชื้อสายเวียดนามก่อนกลับไปกอบกู้เอกราชจากฝรั่งเศส ปัจจุบันยังมีข้าวของเครื่องใช้ โต๊ะทำงานของจริง ต้นมะพร้าว และต้นมะเฟืองที่ลุงโฮปลูกไว้อยู่ ทำให้บริเวณโดยรอบรู้สึกร่มรื่นเป็นอย่างมาก
ถนนคนเดินนครพนม มีทุกเย็นวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ตั้งอยู่ใน ถ.สุนทรวิจิตร ระยะทางของถนนคนเดินนั้นไม่ยาวมากนัก ผ่านหอนาฬิกาประวัติศาสตร์ที่ไม่ว่าใครที่มาที่ถนนคนเดินก็ต้องขอแวะถ่ายรูปที่นี่ก่อน
ถ้าให้เราเลือกที่ที่ชอบที่สุดในนครพนมแล้วละก็ เราขอเลือกถนนคนเดินที่แหละ ด้วยความเรียบง่าย อบอุ่น ไม่ได้ปรุงแต่งอะไรมาก แถมยังมีที่นั่งเล่นริมแม่น้ำโขง สามารถซื้อขนมนมเนยมานั่งชมวิวแม่น้ำก็ได้ หรือถ้าใครสายฟิตจะมาวิ่งจ๊อกกิ้ง ปั่นจักรยานริมโขงชมความงามของธรรมชาติหรือวิถีชีวิตของชาวบ้านในละแวกนี้ก็ได้เหมือนกัน ริมแม่น้ำโขงจะมีเส้นทางจักรยานยาวถึง13กิโลเมตร ปั่นไป ชมวิวไป ชิลเว่อจนเราแอบอิจฉาคนที่นี่เล็กๆ ถ้ามาอยู่นี่ จะขอมาจ็อกกิ้งริมโขงทุกวันเลย แถมแม่ค้าที่มาขายของในถนนคนเดินก็น่ารัก เป็นกันเอง แนะนำว่าร้านไหนอร่อยอีกต่างหาก ทำให้เรายิ่งประทับใจถนนคนเดินเป็นที่สุด
ขนมดอกบัวใบเตยสูตรโบราณ เพิ่งเคยเห็นครั้งแรก อร่อยดีเหมือนกันนะ
ขนมครกโบราณ อันนี้เด็ดเลย คนรอคิวเยอะมาก ป้าแกใช้เตาดินเผาแบบโบราณ เหมือนเล่นขายครกสมัยเด็กๆเลย ตัวแป้งหอมอร่อย ใส่ผักเยอะมาก แต่ไม่เหม็นเขียวเลย
ระหว่างเดินเล่นที่ตลาด เราแอบแว๊บเข้ามาที่ร้านคาเฟ่ 76A The Club อีกหนึ่งคาเฟ่ชิคๆบนถนนคนเดินนครพนม ตกแต่งด้วยโทนสีขาวสบายตา ตัวร้านกว้างมาก แบ่งออกเป็น3โซนด้วยกัน ทั้ง Indoor และ Outdoor ที่สุดท้ายจะเปิดออกสู่พื้นที่โล่ง เปรียบเสมือนสวนหลังบ้าน นอกจากกาแฟที่เค้าคัดสรรมาเป็นอย่างดีแล้ว ภายในตัวร้านยังมี Street Art เล็กๆ เป็นกิมมิคอยู่ในหลายๆจุด ซึ่งเป็นฝีมือของ Gongkan ศิลปินไทยที่ไปดังไกลถึงต่างแดน ด้วยความที่งานเค้ามีลายเซ็นชัดเจนอยู่ในตัว ใครเห็นงานเค้าต้องร้องอ๋อแน่นอน
ร้านนี้เหมาะทั้งคนที่เดินถนนคนเดินเหนื่อยๆแล้วอยากจะหาที่นั่งพัก หรือจะมาอ่านหนังสือ ทำงาน ถ่ายรูปเล่นก็มีครบเลยแหละ
เมื่อเดินออกมาจากร้าน 76A แล้ว สามารถทะลุมายังทางเดินริมแม่น้ำโขง หนึ่งในเส้นทางจักรยานและวิ่งออกกำลังกายที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ชาวบ้านแถวนี้มาออกกำลังกายกันเยอะมาก จะเห็นพ่อแม่พาลูกมาปั่นจักรยาน หรือแม้แต่ผู้สูงอายุก็มาออกกำลังกายกันเต็มตลอดทาง เป็นภาพที่น่ารักมากๆ
สำหรับใครที่ไม่ใช่สายฟิต แต่อยากจะชมวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำโขง ก็สามารถเลือกล่องเรือชมวิถีชาวบ้านตลอดแนวสองฝั่งแม่น้ำได้เหมือนกัน วันที่เราไปฝนตกปรอยๆ มีรุ้งกินน้ำให้เห็นด้วย
วัดโอกาส วัดคู่บ้านคู่เมืองของนครพนม อยู่ต้นๆถนนคนเดินเลย
หลังจากอิ่มเอมใจกับภาพริมฝั่งโขงแล้ว เราขออิ่มท้องต่อด้วยร้านเป๋นปลาเป็น มาถึงเมืองริมโขงทั้งที ก็ต้องขอซัดปลาในแม่น้ำโขงซักหน่อย มีทั้งหม้อไฟคล้ายๆกับจิ้มจุ่ม และอาหารอีสานอีกหลากหลายอย่าง บรรยากาศดี อยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงเลย นั่งชิลๆ รับลมเย็นๆ เริ่ดมาก... ว่าแล้ว ขอตัวไปซัดโฮกก่อนน้าาา
คืนนี้เรานอนกันที่โรงแรม R Photo Hotel โรงแรมสวยๆ ที่มุมถ่ายรูปเพียบ สายกล้องต้องถูกใจแน่นอนเพราะที่โรงแรมเค้าตกแต่งด้วยกล้องถ่ายรูปหลายๆรุ่นให้เดินดูเล่นได้เลย สำหรับใครที่เป็นสายหวาน ที่นี่ก็มีคาเฟ่ด้วยเหมือนกัน มานั่งชิลๆ เก๋ๆที่นี่ได้เลย
ตอนเย็นที่โรงแรมจะมีลานเบียร์ มีอาหารพวกปิ้งย่างหมูกะทะด้วยนะ แถมยังมีดนตรีสด ชิลไปอี๊กกก สำหรับแขกที่พักกับโรงแรมยังได้ค็อกเทลกามิกาเซ่ฟรีอีกด้วย...เอาจริงๆคืออยู่โรงแรมทั้งวันยังได้เลย สะดวกสบายสุดๆ
มาถึงวันสุดท้ายของทริปกันแล้ว วันนี้พวกเราจะไหว้พระกันรัวๆ กลับไปรับรองเฮงๆปังๆกันแน่นอน
เริ่มจากพระธาตุเรณู พระธาตุสีชมพูสวยสะดุดตาแต่เป็นพระธาตุประจำวันของคนเกิดวันจันทร์ องค์พระธาตุจำลองมาจากองค์พระธาตุพนมองค์เดิมแต่มีขนาดเล็กกว่า ความสูงประมาณ35เมตร ภายในเป็นโพรงบรรจุพระไตรปิฎก พระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปเงิน ของมีค่า และเครื่องกกุธภัณฑ์ของพระยาและเจ้าเมือง เชื่อกันว่าผู้ที่ไปนมัสการจะได้รับอานิสงส์ ส่งผลให้มีวรรณะงดงาม ผุดผ่องดังแสงจันทร์
มาต่อกันที่ พระธาตุพนมเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของปีวอกและผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ ว่ากันว่าถ้าใครได้มานมัสการพระธาตุครบ 7 ครั้ง จะถือว่าเป็น “ลูกพระธาตุ” เป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและจะมีความเจริญรุ่งเรือง หรือแม้แต่การได้มากราบพระธาตุพนม 1 ครั้ง ก็ถือเป็นมงคลแก่ชีวิตแล้ว
ในตำนานพระธาตุพนมกล่าวไว้ว่า องค์พระธาตุพนมสร้างครั้งแรกในราว พ.ศ. 1200–1400 ในสมัยอาณาจักรศรีโคตรบูรกำลังเจริญรุ่งเรืองอยู่ โดยพระมหากัสปะและพระอรหันต์ 500องค์เป็นผู้อัญเชิญพระอุรังคธาตุของพระพุทธเจ้ามาจากประเทศอินเดีย องค์พระธาตุได้มีการบูรณะหลายครั้งหลายครา แต่ครั้งที่สำคัญคือปีพ.ศ. 2518 เนื่องจากความเก่าแก่ขององค์พระธาตุและ ฝนตกพายุพัดแรงติดต่อกันมาหลายวัน ทำให้พระธาตุพนมได้ล้มทลายลงทั้งองค์ ประชาชนทั้งประเทศได้ร่วมบริจาคทุนทรัพย์และ รัฐบาลได้ก่อสร้างองค์พระธาตุ ขึ้นใหม่ตามแบบเดิม
พระธาตุพนมนี้เป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงประชาชนลาวด้วย ในวันที่เราไปไหว้พระธาตุพนม มีพุทธศาสนิกชนมาถวายผ้าห่มพระธาตุด้วย โดยมีความเชื่อกันว่าการถวายผ้าต่อพระธาตุพนม จะทำให้ในภพภูมิหน้า เมื่อไปเกิดแล้วจะมีผิวพรรณดี เป็นที่รักต่อผู้ได้พบเห็น ทำสิ่งใดก็ประสบผลสำเร็จ
นอกจากองค์พระธาตุที่มีความสวยงามแล้ว รอบๆพระธาตุนั้นยังมีจิตกรรม ประติมากรรมที่น่าสนใจ ทั้งสุภาษิต คำพังเพยบนกำแพงรอบๆองค์พระธาตุ นอกจากจะสวยงามแล้ว ยังสอนใจพุทธศาสนิกชนที่มาทำบุญอีกด้วย
ห่างไปไม่ไกลจากพระธาตุพนม A must ที่ต้องขอแวะเลยคือร้านกะละแมพรประเสริฐ กะละแมระดับตำนาน หวานหอม นุ่มอร่อย ตัวกะละแมห่อด้วยใบตองทำให้ขนมหอมเป็นพิเศษ ซื้อไปฝากใครนี่มีแต่คนวิ่งเข้าใส่ หยิบกินไม่หยุดจริงๆนะ
ร้านอาหารเวียดนามขึ้นชื่อของนครพนมเค้า ร้านอยู่ไม่ไกลจากพระธาตุพนมเลย แหนมเนืองอร่อย น้ำจิ้มเด็ด ผัดสดมากกกก เรียกได้ว่าเป็นอาหารเวียดนามที่อร่อยท็อปๆของที่เคยกินเลย
แหนมเนืองอร่อยเด็ด แป้งห่อของที่นี่จะเป็นแบบแห้งๆ ไม่แช่น้ำเหมือนปกติที่เรากินกัน
ซึ่งจริงๆแล้วเวียดนามออริจินอลเค้ากินกันแบบนี้แหละ
จัดไป ใส่เครื่องเต็มๆคำ
ขนมเบื้อญวณ ร้านนี้แป้งจะหนากว่าปกตินิดนึง แต่กรอบอร่อย ไส้ข้างในแน่นๆ ทานกับน้ำจิ้มกำลังดีเลย
ปอเปี๊ยะทอด กรอบๆ ไม่อมน้ำมันเลย
พันผัก- ผักเยอะสมชื่อ
ปลาเต๋ายำมะม่วง ปลาหั่นเป็นชิ้นเล็กพอดีคำ ทานง่าย ราดยำมะม่วง แซ่บเว่อร์
พิซซ่าเวียดนาม ข้าวเกรียบงา โรยหน้าด้วยหมูสับและหมูยอ
บั๋นแบ๋ว- ขนมถ้วยเวียดนาม
สำหรับที่ถัดไป เราแวะไปสักการะพระธาตุมิ่งเมืองมรุกขนคร เป็นพระธาตุประจำวันเกิดของคนเกิดวันพุธกลางคืนของเราเอง เป็นพระธาตุบริวารของพระธาตุพนมองค์ที่อายุน้อยที่สุดในบรรดาพระธาตุบริวารทั้งเจ็ดองค์ เพิ่งสร้างขึ้นใน พ.ศ.2536 เพื่อฉลองสิริราชสมบัติในหลวงรัชกาลที่9 ทรงครองราชย์ 50ปี ถึงแม้ว่าตัวพระธาตุจะเป็นพระธาตุน้องใหม่ แต่ตัววัดมรุกขนครซึ่งเป็นที่ตั้งของพระธาตุองค์นี้อายุปาเข้าไป 300 กว่าปีแล้ว มีความเชื่อกันว่าหากใครมีโอกาสได้มากราบนมัสการพระธาตุองค์นี้ จะมีชีวิตที่ดี มีความสุขสวัสดี และเจริญยิ่งๆขึ้นไป
มาถึงที่สุดท้ายก่อนกลับ เรามาแวะกันที่ 76A The Space อีกหนึ่งสาขาของคาเฟ่ 76A ตัวร้านปรับปรุงจากบ้านเก่าของชาวญวณ ด้านนอกให้อารมณ์วินเทจ แต่ด้านในยังคงเน้นความขาวสะอาดสบายตา นอกจากคุณภาพของกาแฟจะคับแก้วเหมือนเดิมแล้ว ทางร้านยังคงคอนเซ็ปart space เหมือนเดิม โดยคราวนี้ได้ Bloody Hell Big Head นักวาดภาพประกอบชื่อดังมาสร้างสรรค์ผลงาน ทั้งบนฝาผนังและ Installationภายในร้าน เรียกได้ว่าถ่ายรูปสนุกเหมือนเดิมแน่นอน
ถึงเวลากลับบ้านแล้วสิ... ถึงแม้ว่าจะเป็นเวลาเพียงแค่2วัน1คืน แต่ก็เป็นอีกทริปนึงที่เราประทับใจ ทั้งอาหารอร่อย กิจกรรมสนุก ได้เข้าถึงวิถีชุมชน ได้ไหว้พระอิ่มบุญกันถ้วนหน้า เรียกได้ว่าเมืองรองแต่ไม่เป็นรองใครนะจ๊ะ ไว้เราจะกลับมาเที่ยวใหม่น้า...นครพนม