ร้อนจัด ปลัดบอกแบบนี้ เห็นทีคงจะต้องหากิจกรรมทำเพื่อคลายร้อน หลายคนมีวิธีคลายร้อนที่แตกต่างกันไป แต่ผมเลือกที่จะไปนั่งฟังเสียงคลื่น เอาเท้าจุ่มน้ำทะเล เอาร่างกายไปรับวิตามิน Sea พร้อมกับถ่ายรูปมุมสวยๆ มาอวดเพื่อนๆ กัน แต่จะเป็นทะเลที่ไหนดีละ โจทย์คือไม่อยากไปไกลมากนัก และเป็นสถานที่ที่ผมยังไม่เคยไป สุดท้ายมาจบที่จังหวัดตราด แล้วจะไปทะเลส่วนไหนของตราดดีละ เกาะช้างก็ไปแล้ว คงเหลือเกาะกูด เกาะหมาก ที่ยังไม่เคยไป
แล้วระหว่างเกาะกูด กับ เกาะหมาก เกาะไหนสวยกว่ากัน??
ผมเริ่มเปรียบเทียบข้อมูลจากรีวิวที่ท่านอื่นๆ ได้เขียนไว้ บ้างก็เชียร์ให้ไปเกาะกูด บ้างก็บอกว่า เกาะหมากห้ามพลาด ผมเลยต้องหาข้อมูลเยอะมากเพื่อไม่ให้การตัดสินใจในการปักหมุดครั้งนี้เกิดความผิดพลาด (หากเลือกปักหมุดที่เกาะหมาก แล้วท้ายสุดเกาะหมากไม่สวยแต่เกาะกูดสวยกว่าประมาณนั้น) มากจนเกิดอาการรักพี่เสียดายน้องขึ้นมา หากจะต้องตัดเกาะใดเกาะหนึ่งออกไป แล้วปล่อยให้เกาะนั้นยังคงค้างคาใจ เดิมที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะไปเที่ยวแค่ 3 วัน 2 คืน ท้ายสุดเลยต้องเพิ่มวันเดินทางเป็น 5 วัน 4 คืน เรียกได้ว่าไปเที่ยวครั้งเดียวขอไปพิสูจน์ความงามด้วยตาของตัวเองดีกว่าตัดสินจากเสียงลือเสียงเล่าอ้างจากคนอื่นๆ ...
ส่วนใหญ่แล้วนักท่องเที่ยวที่จะไปเที่ยวเกาะหมากจะไปขึ้นเรือที่แหลมงอบ (เนื่องจากระยะทางใกล้กว่า) ส่วนนักท่องเที่ยวที่จะไปเกาะกูดจะไปขึ้นเรือที่แหลมศอก (เนื่องจากระยะทางใกล้กว่า) แต่ผมจะไปทั้ง 2 เกาะและเลือกเดินทางไปท่าเรือโดยรถส่วนตัว ตัวเลือกการเดินทางโดยเรือจึงมีข้อจำกัด เท่าที่หาข้อมูลมาผมคงต้องไปขึ้นเรือที่แหลมศอกจะสะดวกที่สุด เพราะที่แหลมศอกมีเรือที่จะไปทั้งเกาะหมากและเกาะกูดและมีที่สำหรับรับฝากรถด้วยครับ
แต่สำหรับผู้ที่เดินทางโดยรถโดยสาร หากต้องการจะไปเที่ยวทั้ง 2 เกาะแบบผม จะมีตัวเลือกมากกว่า คือเมื่อลงรถที่สถานีขนส่งจังหวัดตราด สามารถต่อรถสองแถวให้ไปส่งยังท่าเรือแหลมงอบเพื่อข้ามไปยังเกาะหมาก ส่วนขากลับก็นั่งเรือจากเกาะกูดเพื่อข้ามเข้าสู่ฝั่งที่ท่าเรือแหลมศอกและนั่งรถสองแถวให้ไปส่งยังสถานีขนส่งจังหวัดตราดได้
สำหรับการจองตั๋วเรือ ผมเลือกจองผ่าน Ferry Advice (http://ferryadvice.com/th) ซึ่ง Website นี้จะมีบริษัทพันธมิตรผู้ให้บริการเดินเรือหลายบริษัท ทำให้เราสามารถเลือกเดินทางได้หลายช่วงเวลาตามที่เราสะดวก และในการเดินทางครั้งนี้ผมเลือกใช้บริการกับเรือบุญศิริเฟอร์รี่ (แหลมศอก-เกาะหมาก, เกาะกูด-แหลมศอก) เพราะช่วงเวลาเดินเรือเหมาะกับความสะดวกของผม สำหรับเรือข้ามฟากจากเกาะหมาก-เกาะกูด จริงๆ มีให้บริการอยู่ 3 บริษัท คือ (บุญศิริเฟอร์รี่, ไก่แบ้ฮัท สปีดโบด,เกาะช้าง บางเบ้า โบ๊ท) แต่ช่วงเวลาที่ผมเดินทาง เรือบุญศิริเฟอร์รี่งดเดินเรือ ผมเลยเลือกใช้บริการของไก่แบ้ฮัท สปีดโบด ครับ
เมื่อทำการโอนเงินเพื่อจองตั๋วเรือผ่าน Ferry Advice แล้ว พนักงานจะส่ง voucher มาให้ ให้เรา print voucher หรือไม่ก็ Save ลงใน Smartphone เพื่อวันเดินทางเราจะต้องนำ Voucher ไปแสดงที่เคาเตอร์ Check in และพนักงานจะออกตั๋วโดยสารให้เราอีกทีครับ
สำหรับการเดินทางมายัง Lobby บุญศิริเฟอร์รี่ก็ไม่ยากครับ จากตัวเมืองตราดให้วิ่งผ่านตลาดและ ร.พ.ตราด จากนั้นให้ขับรถไปเรื่อยๆ จนข้ามสะพาน จะผ่านปั้มน้ำมันเชลล์ และปั้ม ปตท. จนเจอสามแยกไฟแดง ให้เลี้ยวซ้ายไปยังแหลมศอก ขับรถไปอีกประมาณ 24 กิโลเมตร เมื่อผ่าน High Season Resort ตรงหัวโค้งจะเจอซอยเล็กๆ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปนิดเดียว ก็จะถึง Lobby ของเรือบุญศิริเฟอร์รี่ แต่ถ้าเราขับเลยซอยไปจะไปเจอหอนาฬิกา ก็ให้ขับรถวกกลับออกมาประมาณ 1 กม. ซอยก็จะอยู่ทางขวามือครับ
Lobby ของบุญศิริเฟอร์รี่ ค่อนข้างกว้างขวางดีครับ
นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องนำ Voucher ที่ได้รับ (หลังจากการชำระเงินแล้ว) มาแสดงที่เคาเตอร์ Check in จากนั้นพนักงานจะออกตั๋วโดยสารให้ใหม่ ถ้านักท่องเที่ยวจองไปเกาะหมาก พนักงานจะมอบสติ๊กเกอร์ให้แปะไว้ที่หน้าอก เพื่อจะได้รู้ว่าเราจะไปเกาะหมากต่อครับ
ภายในอาคาร Lobby มีที่นั่งให้นักท่องเที่ยวได้นั่งพักกันพอสมควร ช่วงแรกที่ผมมาก็ว่างโล่งเลย แต่พอใกล้ช่วงเวลาที่เรือจะออก นักท่องเที่ยวค่อนข้างหนาแน่นเลยทีเดียว
มีพื้นที่จอดรถอยู่ด้านข้างของอาคาร Lobby เลย หากใครมาจังหวะดีๆ ก็จะได้จอดรถใต้หลังคา บริเวณลานจอดรถมีกล้องวงจรปิดและคนดูแล ค่าฝากรถ 50 บาทต่อคืนครับ
เมื่อ Check in เรียบร้อยแล้วเราจะต้องนั่งรถลากเพื่อไปยังท่าเรือแหลมศอก ซึ่งอยู่ห่างจากอาคาร Lobby ประมาณ 1 กิโลเมตรครับ แนะนำว่าให้มาถึงที่ Lobby ก่อนเวลาเรือออกประมาณ 1 ชั่วโมง เพราะหากมาไม่ทันคงต้องซื้อตั๋วเรือกันใหม่ครับ
เรือของบุญศิริเฟอร์รี่เป็นเรือคาตามารัน ค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว รองรับผู้โดยสารได้ 200-280 ที่นั่ง ภายในเป็นห้องปรับอากาศทั้งหมด แนะนำเลยว่าใครที่นั่งใต้แอร์ ให้เตรียมผ้าห่มไปด้วยนะครับ เพราะแอร์เย็นมาก นอกจากนี้ยังมีโซน out door ให้อีกด้วย ทุกที่นั่งจะมีเสื้อชูชีพวางติดไว้กับเบาะเลย และยังมีแพชูชีพสำหรับกรณีฉุกเฉินด้วย ถ้าหากใครเมาเรือง่าย แนะนำให้นั่งชั้น 2 ของเรือ สำหรับกระเป๋าสัมภาระจะต้องดูแลกันเองนะครับ โดยเมื่อเรารับสัมภาระจากรถลากแล้ว เราจะต้องหิ้วลงเรือเอง แล้วนำสัมภาระมาไว้บริเวณหัวเรือด้านในห้องผู้โดยสารชั้นล่างครับ
นักท่องเที่ยวที่จองเรือข้ามไปเกาะหมากแบบผม ก็จะนั่งเรือลำเดียวกับนักท่องเที่ยวที่จะข้ามไปเกาะกูด จากแหลมศอกใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที ก็จะมาถึงเกาะกูด บริเวณท่าเทียบเรืออ่าวสลัด จากนั้นต้องรอต่อเรือ โดยเรือที่จะข้ามไปเกาะหมากจะรอเทียบท่าหลังจากเรือลำที่นั่งมาเมื่อสักครู่ออกจากท่าไป (ช้า/เร็ว อยู่ที่ปริมาณของนักท่องเที่ยวที่โดยสารมาจากแหลมงอบและนักท่องเที่ยวที่จะข้ามกลับเข้าฝั่ง เพราะเมื่อเรือที่มาส่งนักท่องเที่ยวถึงเกาะกูดแล้วจะรับนักท่องเที่ยวจากเกาะกูดกลับเข้าฝั่งเลย) จากเกาะกูดไปเกาะหมาก ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงครับ เรือมาจอดส่งที่ท่าเทียบเรืออ่าวนิด
ช่วงที่อยู่ที่ท่าเรือ แนะนำให้โทรประสานกับทางรีสอร์ทเลยนะครับ เพื่อทางรีสอร์ทจะได้ส่งรถมารับเมื่อถึงท่าเรือครับ
เกาะหมาก มีลักษณะเหมือนดาว 4 แฉก เป็นเกาะที่ไม่ใหญ่มากนัก มีพื้นที่ราว 9,000 ไร่ อยู่ระหว่างเกาะช้างและเกาะกูด อยู่ห่างจากชายฝั่งประมาณ 38 กิโลเมตร บนเกาะมีสวนมะพร้าวรวมถึงสวนยางพาราและท้องทะเลที่สวยงาม บนเกาะไม่มีสถานบันเทิง ไม่มี 7-11 ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเกาะหมากยังคงเดิมเกือบ 100% บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะกับการมาพักผ่อน มาใช้ชีวิตแบบ Slow life เป็นอย่างมาก เกาะหมากมีฐานะเป็นตำบลเกาะหมาก ในอำเภอเกาะกูด จังหวัดตราดครับ
ทีนี้เรามาดูกันว่าบนเกาะหมากมีที่ไหนที่น่าสนใจบ้าง ผมจะมาแนะนำ 11 จุดที่ไม่ควรพลาด หากมาเที่ยวเกาะหมากครับ
1.ชายหาดทอดยาวที่อ่าวสวนใหญ่
อ่าวสวนใหญ่อยู่ทางทิศตะวันตก (ตอนบน) ของเกาะหมาก หาดทรายค่อนข้างยาว ทอดยาวไปจนถึงอ่าวพระ ชายหาดสะอาด สีของทรายออกสีน้ำตาล รีสอร์ทโดยรอบที่อยู่ที่อ่าวสวนใหญ่ประกอบด้วย เกาะหมากรีสอร์ท, Seavana Resort ครับ
ชายหาดบริเวณนี้ถ่ายจาก Seavana Resort มองออกไปข้างหน้าจะเห็นเกาะขาม วันที่ผมไปฟ้าค่อนข้างปิด น้ำทะเลเลยไม่ค่อยใสและสีไม่สวยเท่าที่ควร ชายหาดบริเวณนี้สามารถลงเล่นน้ำได้ แต่มีริ้นทะเลค่อนข้างเยอะ เพื่อนผมโดนริ้นทะเลกัด คันคะเยอไปหลายวันเลยครับ
เมื่อหันหลังให้รีสอร์ท แล้วเดินไปทางขวามือเรื่อยๆ จะเป็นพื้นที่ของเกาะหมากรีสอร์ท บริเวณเกาะหมากรีสอร์ทจะมีทิวของต้นมะพร้าวที่เอนลู่เข้าสู่ทะเล มีชิงช้าตัวน้อยๆ ให้โล้เล่นด้วย ถ่ายรูปออกมาสวยดีเหมือนกันครับ
แต่ถ้าหากมองไปทางซ้ายมือ จะมองเห็นอ่าวพระ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเกาะหมาก โคโค่เคป รีสอร์ท ที่มีพระเอกอย่างสะพานไม้ทอดยาวและมีบาร์กลางน้ำด้วย จุดนี้ผมว่าเป็นจุดถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกที่สวยงามไม่แพ้จุดไหนๆ บนเกาะหมากเลย พระอาทิตย์ตกหลังเกาะผี มีฉากหน้าเป็นสะพานไม้ที่ทอดยาวสู่ทะเล เสียดายที่วันที่ผมไปฟ้าปิด แต่ก็ยังพอได้เห็นแสงสีทองอยู่บ้าง
สะพานไม้ที่ทอดยาวลงสู่น้ำทะเลใสๆ บริเวณอ่าวพระ นับเป็นจุด Check in ที่นักท่องเที่ยวที่มาเกาะหมากไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง สามารถมาชมพระอาทิตย์ตกบริเวณบาร์กลางน้ำได้ บรรยากาศยามค่ำนี่คงไม่ต้องพูดถึงนะครับ โรแมนติกมากๆ นอกจากนี้ยังสามารถมองเห็นเกาะขามอยู่ใกล้แค่เอื้อมเลยครับ
ที่แหลมตุ๊กตามีประติมากรรมทางธรรมชาติ เป็นโขดหินที่มีลักษณะคล้ายตุ๊กตา แต่การที่จะเข้าไปยังโขดหินนั้นต้องสมบุกสมบันกันพอสมควร เริ่มตั้งแต่เดินขึ้นเนินเขาเตี้ยๆ พอให้เหงื่อได้ซึมๆ จากนั้นค่อยๆ เกาะเชือกเดินลงเนินไปอีกนิดหน่อยจนถึงหาดหิน ซึ่งเต็มไปด้วยหินน้อยใหญ่มากมาย (รวมถึงขยะที่เกิดจากการพัดพาของกระแสน้ำ) จากนั้นต้องค่อยๆ ปีนป่ายไปตามหน้าผา ซึ่งถ้าไม่ชัวร์ก็อย่าเสี่ยงเลยครับ ผมเองก็ไม่เสี่ยงเพราะดูอันตรายเหมือนกัน แต่ได้แค่มานั่งฟังเสียงคลื่นกระทบกับหินก็ถือว่าโอเคแล้วครับ
ชายหาดบริเวณอ่าวกระทิงทอดยาวพอๆ กับอ่าวสวนใหญ่ แต่ความสะอาดของชายหาดอาจจะเป็นรองอ่าวสวนใหญ่อยู่หลายขุมอยู่ มองออกไปสู่ทะเลจะเห็นเกาะระยั้งใน ระยั้งนอก และปลายแหลมตุ๊กตา เมื่อหันหลังให้ Holiday Beach Resort แล้วเดินไปทางขวาเรื่อยๆ จะเห็นทิวมะพร้าวเอน บางต้นเอียงท้าลมจนแทบขนานกับพื้นโลกเลยทีเดียว สวยงามแปลกตาดีครับ
แต่ถ้าหากมองไปทางซ้ายมือ จะมองเห็นท่าเรือมะกะธานี ชายหาดทางซ้ายมือนี้ดูสะอาดกว่าบริเวณทิวมะพร้าวอยู่มาก นับเป็นอีกหนึ่งจุด Check in ที่ไม่ควรพลาดเช่นกัน
ถึงแม้อ่าวขาวจะมีหาดทรายเล็กๆ แต่ที่แตกต่างจากหากอื่นๆ เห็นจะเป็นหินก้อนใหญ่ๆ ที่มีรูพรุน คล้ายๆ กับหินศิลาแรง มองดูแล้วแปลกตาดีเหมือนกัน หาดแห่งนี้ค่อนข้างเงียบ เหมาะกับการมานั่งฟินฟังเสียงคลื่นกระทบฝั่งมากๆ ครับ
ถึงแม้อ่าวทองหลางจะไม่ได้ขายชายหาด แต่อ่าวทองหลางก็นับเป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าจะมานอนเล่นสูดกลิ่นอายของทะเล จุดชมวิวของอ่าวทองหลางอยู่ภายใน Talay Time Resort ซึ่งมีร้านอาหารเล็กๆ ของรีสอร์ทไว้คอยบริการด้วยครับ
พิพิธภัณฑ์เกาะหมากเป็นพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิตของชาวเกาะหมากซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะ รวมถึงประวัติศาสตร์โบราณคดี ศิลปหัตถกรรมอันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาของกลุ่มชนที่อาศัยอยู่บนเกาะหมาก ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์มี 2 ชั้น เปิดให้เข้าชมฟรี ตั้งแต่เวลา 10.30-17.00 น. แต่ถ้าหากนักท่องเที่ยวประสงค์จะช่วยสานต่อลมหายใจให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ก็สามารถบริจาคเงินเพื่อช่วยซ่อมแซมอาคารพิพิธภัณฑ์ให้อยู่คู่เกาะหมากไปนานๆ ได้นะครับ พิพิธภัณฑ์เกาะหมากอยู่บริเวณเดียวกับเกาะหมากซีฟู๊ดครับ
วัดเกาะหมาก เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2490 ใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา นับเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเกาะหมากมาอย่างยาวนาน ภายในวัดมีต้นโพธิ์ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาให้ความสงบร่มเย็นแก่วัดเป็นอย่างมาก
สะพานไม้สู่ฝัน ที่ทอดตัวลงสู่น้ำทะเลใสๆ กว่า 460 เมตร ในวันที่แดดดีๆ นี่ มันสวยงามเกินบรรยายเลยครับ มองเห็นสีของน้ำทะเลหลายเฉดสี ความใสของน้ำทะเลไม่ต้องพูดถึง เพราะใสมาก
ความอุดมสมบูรณ์ของหญ้าทะเลที่อยู่บริเวณกึ่งกลางสะพานพลิ้วไหวไปตามกระแสคลื่น
ความใสของน้ำทะเล เรียกได้ว่าใสกิ๊กเลยทีเดียว
จะเรียกว่ามัลดีฟเมืองไทย ก็คงไม่ผิดนะครับ สะพานสู่ฝันอยู่ในพื้นที่ของ The Cinnamon Art Resort & Spa
ที่อ่าวตั๋นเป็นอีกหนึ่งจุดชมพระอาทิตย์ตกที่ไม่ควรพลาดครับ
เกาะขาม เป็นเกาะเล็กๆ ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะหมาก อยู่ห่างจากอ่าวสวนใหญ่ประมาณ 1 กิโลเมตร จากเกาะหมากเราสามารถซื้อทัวร์ข้ามไปเกาะขามได้ ในราคา 300 บาท (รวมค่าเรือไป-กลับและค่าขึ้นเกาะ) นั่งเรือยนต์เล็กๆ ประมาณไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึงเกาะขามแล้วครับ ติดต่อซื้อทัวร์ได้ที่ด้านหน้าเกาะหมากรีสอร์ท หรือถ้าใครมีกำลังวังชาดีๆ สามารถพายเรือคายัคข้ามไปที่เกาะขามก็ไม่ผิดกติกาครับ
ขอบอกเลยว่า ที่เกาะขาม หาดทรายขาวละเอียด นุ่มเท้ามากๆ แถมน้ำก็ใสมากๆ ครับ เมื่อขึ้นไปบนเกาะขามแล้วเราสามารถนำตั๋วเรือไปแลกน้ำอัดลมเย็นๆ ได้คนละ 1 กระป๋องด้วยนะครับ
นอกจากความขาวละเอียดของหาดทราย ความใสของน้ำทะเลแล้ว ที่เกาะขามยังมีกลุ่มหินภูเขาไฟสีดำทะมึน ตั้งตระหง่านกระจัดกระจายอยู่ตามชายหาดด้วยนะครับ สวยงามแปลกตาเชียว นักธรณีวิทยาสันนิษฐานว่าเมื่อหลายร้อยล้านปีก่อน บริเวณนี้เคยเป็นปล่องภูเขาไฟมาก่อน แต่ในปัจจุบันได้หยุดประทุแล้ว จึงเหลือแต่เพียงร่องรอยหินสีดำให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน
ถ้าหากมาถูกช่วง ถูกเวลา จะเห็นสันทรายขาวทอดยาวลงสู่ทะเล เห็นว่าช่วงน้ำลงมากๆ สันทรายจะยาวออกไปไกลจนเกือบถึงเกาะหมากเลยครับ
ใกล้ๆ กับจุดลงเรือ มีสะพานไม้ทอดตัวยาวลงสู่ทะเล สามารถเดินไปชมวิวได้ครับ
บนเกาะขาม ยังมีกลุ่มอาคารที่คาดว่าน่าจะสร้างเป็นรีสอร์ท แต่เนื่องจากเหตุผลอันใดไม่ทราบ ทำให้การก่อสร้างต้องหยุดชะงักลง เหลือเป็นอนุสรณ์เก๋ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้มาถ่ายภาพเล่นๆ กันครับ
เรือที่จะข้ามไปยังเกาะขาม มีบริการวันละ 3 รอบ คือรอบ 10.30 น., 13.30 น. และรอบ 15.00 น. โดยนักท่องเที่ยวที่ไปกับเรือรอบ 15.00 น. จะมีเวลาพักผ่อนบนเกาะขามจนถึงเวลา 17.00 น. ก็จะมีเรือมารับกลับเข้าฝั่ง มาเกาะหมากแล้ว แนะนำว่าไม่ควรพลาดข้ามไปเที่ยวที่เกาะขามด้วยนะครับ ถ้าไม่ไปถือว่าพลาดมากๆ ครับ
ตามพระราชหัตถเลขาของ ร.5 ทรงเขียนชื่อ “เกาะกระดาด” น่าจะมาจากชื่อของต้นกระดาด ที่พบมากบนเกาะ ลักษณะของต้นกระดาดจะคล้ายๆ ต้นบอน ต้นเผือก ที่ชอบขึ้นอยู่ตามชายหาดชื้นแฉะ โดยหัวของต้นกระดาดมีสรรพคุณใช้ทำยาได้ ต่อมาพบในตราจองเขียนว่า “เกาะกระดาด” น่าจะมาจากลักษณะทางภูมิประเทศของเกาะที่มีลักษณะแบนราบทั้งเกาะ ไม่มีภูเขา เกาะกระดาดมีการออกโฉนดถูกต้องตามกฎหมายตั้งแต่สมัย ร.5 สาเหตุมาจากในสมัยนั้นฝรั่งเศสได้เข้ามาล่าอาณานิคมในแถบเอเชียอาคเนย์ และพยายามจะยึดครองแผ่นดินของไทย ซึ่งเกาะกระดาดก็เป็นที่หมายหนึ่งที่ฝรั่งเศสต้องการยึดครอง ดังนั้น ร.5 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ออกโฉนดที่ดินของเกาะขึ้น เพื่อให้รู้ว่าเกาะกระดาดคือผืนแผ่นดินไทย
ขึ้นมาบนเกาะกระดาดแล้ว แนะนำให้ไปนั่งรถอีกแต๊กกินลมชมวิวบนเกาะ ไปส่องกวางที่ออกหากินตามธรรมชาตินับร้อยๆ ตัวกันด้วยนะครับ คนเรือเล่าให้ผมฟังว่าเดิมทีเดียวมีกวางเพียงแค่ 2 ตัว ต่อมาภายหลังได้ออกลูกออกหลานจนมีจำนวนนับร้อยๆ ตัว ทำให้เกาะกระดาดแห่งนี้ได้รับฉายาว่าเป็น “ซาฟารีกลางทะเล” และทาง ททท. ได้เลือกให้เกาะกระดาดเป็นหนึ่งใน Unseen Thailand ด้วยครับ
เพียงแค่ได้ก้าวเท้าขึ้นสู่ฝั่ง เหล่ากวางน้อยใหญ่ต่างก็มาแทะเล็มหญ้าอวดสายตานักท่องเที่ยว จนทำให้ผมอดตื่นเต้นไม่ไหวเพราะไม่คิดว่าจะเห็นกวางได้ง่ายขนาดนี้ บางตัวก็คุ้นเคยกับคนจนสามารถเข้าไปลูบหัวได้ บางตัวก็ยังตื่นๆ คนอยู่บ้างครับ
ถ้ามีนักท่องเที่ยวขึ้นมาเที่ยวบนเกาะเยอะก็จะมีรถอีแต๊กไว้บริการพาชมวิวรอบเกาะ แต่ถ้านักท่องเที่ยวน้อยก็จะใช้รถมอเตอร์ไซด์พ่วงข้างเป็นยานพาหนะแทนครับ
โชเฟอร์เรือผมทำ 2 หน้าที่เป็นทั้งคนขับเรือและคนขับรถมอเตอร์ไซด์พ่วงข้าง พาขับรถฝ่าดงมะพร้าว ลูกทริปต่างหัวสั่นหัวคลอนกันเป็นแถว สักพักรถมอเตอร์ไซด์พ่วงข้างก็พาผมไปโผล่ที่ด้านหลังของเกาะ และด้านหลังเกาะนี้เองก็จะพบกับอีกหนึ่งไฮไลท์ นั่นคือ ต้นมะพร้าวที่เอนลู่ไปตามแรงลม ทอดลำต้นเข้าหาชายทะเล นับเป็นต้นมะพร้าวหนึ่งเดียวที่โอนเอนบนเกาะกระดาดครับ
ขากลับโซเฟอร์พาขับไปอีกทาง ผ่านดงดอกแพงพวยที่ต่างพากันบานอวดโฉมอยู่เต็มทุ่ง มีฉากหลังเป็นทิวมะพร้าว สวยงามมาก หากมาจังหวะดีๆ จะเห็นฝูงกวางออกมาแทะเล็มหญ้าอยู่ในดงดอกแพงพวยด้วย เสียดายที่กวางตื่นเสียงมอเตอร์ไซด์พ่วงข้าง เลยกระโดดหนีไปก่อนที่ผมจะกดชัตเตอร์ได้ทัน
เกาะกระดาดเป็นเกาะส่วนตัว ด้านบนเกาะมีรีสอร์ทเพียง 1 แห่งเท่านั้น มีทั้งแบบเรือนแถวและเป็นหลัง ผมว่าถ้าใครอยากจะมาพักผ่อนแบบตัดขาดจากโลกภายนอก ที่เกาะกระดาดนี่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุดแล้วครับ
สำหรับใครที่สนใจจะข้ามไปเที่ยวที่เกาะกระดาด สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ The Cinnamon Art Resort & Spa ที่เบอร์ 099-2869714 (เป็นท่าเรือที่ใกล้เกาะกระดาดที่สุด) ค่าบริการ 400 บาท (ค่าเรือไป-กลับ, ค่าขึ้นเกาะ, ค่านั่งรถอีแต๊ก)
สำรวจเกาะหมากกันจนจุใจแล้ว ขอข้ามไปสัมผัสเกาะกูดกันบ้าง การเดินทางข้ามไปเกาะกูด ผมจอง Speed Boat ของ ไก่แบ้ฮัท สปีดโบด เอาไว้ (ค่าโดยสารคนละ 400 บาท) โดยเรือจะมารับที่ท่ามะกาธานี เวลา 10.00 น. และจะไปส่งบริเวณชายหาดหน้ารีสอร์ทที่เราพักเลยครับ สามารถแจ้งท่าเรือที่ต้องการจะขึ้นตอนอยู่ที่ท่าเรือมะกะธานีได้เลย ใช้เวลานั่งเรือประมาณ 45 นาที ก็มาถึงเกาะกูดแล้วครับ
ผมมาอาศัยขึ้นเรือที่ท่าเรือสีฟ้ารีสอร์ท ซึ่งอยู่ที่หาดตะเภา (รีสอร์ทที่จองไว้ไม่ได้อยู่หน้าหาด) สารภาพเลยว่าเมื่อเท้าเหยียบผืนทรายของเกาะกูด เล่นเอาเนื้อตัวสั่นไปหมด ที่สั่นไม่ใช่เพราะหนาวหรือผีเข้านะครับ แต่สั่นเพราะอยากที่จะถ่ายภาพมากๆ เนื่องจากชายหาดของเกาะกูดขาว สะอาด น้ำทะเลใสและเป็นสีฟ้าเข้มมากๆ
เกาะกูดอยู่ทางตอนล่างของเกาะหมาก นับเป็นเกาะสุดท้ายแห่งน่านน้ำตะวันออกไทย มีเนื้อที่ประมาณ 65,625 ไร่ ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของประเทศไทย รองจากเกาะภูเก็ต, เกาะสมุย, เกาะช้าง, เกาะตะรุเตา และเกาะพะงัน (ที่มาจาก http://km.dmcr.go.th/th/c_52/d_240) เกาะกูดมีฐานะเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดตราด เกาะกูดยังมีสภาพความเป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ มีภูเขาและที่ราบสันเขา ซึ่งเป็นต้นกำเนิดลำธาร มีแหล่งต้นกำเนิดน้ำจืดบนเกาะอย่างน้ำตกคลองเจ้า น้ำตกคลองยายกี๋ และน้ำตกห้วงน้ำเขียว นอกจากนี้ยังมีอ่าวและชายหาดสวยๆ อีกหลายจุดเลยครับ ทีนี้เรามาดูกันว่าบนเกาะกูดจะมีที่ไหนที่น่าสนใจบ้าง ผมจะมาแนะนำ 12 จุดที่ไม่ควรพลาด หากมาเที่ยวเกาะกูดครับ
1. หาด 3 น้ำที่อ่าวคลองเจ้า
แนวหาดทรายขาวเนียนละเอียด สะอาด ทอดตัวยาวจากบนเกาะออกสู่ปากอ่าวคลองเจ้า หาดนี้พิเศษกว่าหาดอื่นๆ คือเป็นหาด 3 น้ำ คือที่หน้าหาดจะเป็นน้ำทะเล ที่ปลายสุดของหาด (ปากอ่าว) จะเป็นน้ำกร่อย และที่ด้านในถัดเข้ามาในพื้นที่เกาะจะเป็นน้ำจืดที่สวยใส เมื่อน้ำไหลลงมารวมกันกับน้ำทะเล มันทำให้น้ำใสราวกับกระจก นักท่องเที่ยวนิยมมาพายเรือคายัคกันเยอะเลยครับ
หากขี่มอเตอร์ไซด์ไปที่ต้นหาดก็เป็นอีกจุดที่สวยงาม และยังมีมุมเก๋ๆ ให้ถ่ายภาพคู่กับต้นมะพร้าวเอนสู่ทะเล ที่สำคัญไม่ใช่เอนแค่ต้นเดียว แต่ยังเป็นการเอนคู่กันของมะพร้าว 2 ต้น แถมยังมีชิงช้าให้โล้เล่นด้วย โดยสามารถขี่รถมอเตอร์ไซด์มาจอดไว้ที่ด้านข้างของ Tinker Bell Resort แล้วเดินไปตามชายหาดเรื่อยๆ จะเห็นต้นมะพร้าวคู่อยู่ช่วงกลางๆ ชายหาดครับ ส่วนช่วงเย็นๆ จะมีนักท่องเที่ยวมาจับจองที่นั่งบนชายหาดเพื่อรอชมพระอาทิตย์ตกกันเยอะเลยครับ แนะนำเลยว่าถ้ามาเกาะกูดแล้วไม่มากินลมชมวิวที่หาดคลองเจ้าถือว่าพลาดมากๆ
A-Na-Lay Resort ตั้งอยู่ที่อ่าวตุ่ม อ่าวที่มีทั้งหาดหินและหาดทราย เป็นอ่าวที่เงียบสงบ เหมาะกับการพักผ่อนเป็นอย่างมาก จากหาดหินจะมีทางเดินไม้ระแนงเรียบเลาะชายหาดไปเรื่อยๆ เพื่อไปยังหาดทรายที่สะอาด มีทิวมะพร้าวยืนต้นล้อลมและมีชิงช้าให้แกว่งไกวพร้อมกับเอาเท้าสัมผัสคลื่นทะเล ที่อ่าวนี้มีเรือคายัคและบอร์ดยืนพายให้นักท่องเที่ยวได้ทำกิจกรรมด้วยครับ
เวิ้งอ่าวบางเบ้าเป็นที่ตั้งของ 4 รีสอร์ท (Koh Kood Rerort, The Beach Natural Resort, To The Sea Resort และ Siam Beach Resort) พื้นที่ของหาดทรายอาจจะไม่กว้างเท่าที่หาดคลองเจ้า แต่ความใสและความฟ้าครามของน้ำทะเลไม่ได้ด้อยไปกว่าหาดใดๆ เลย ที่อ่าวบางเบ้ามีสะพานที่ทอดยาวลงสู่ท้องทะเลถึง 4 จุด และที่อ่าวบางเบ้านี้เองมีหนึ่งจุดถ่ายภาพเก๋ๆ นั่นคือชิงช้าคู่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเล บริเวณด้านหน้าหาดของ To The Sea Resort ครับ
อีกหนึ่งบรรยากาศที่ไม่อยากให้พลาดของอ่าวบางเบ้าคือช่วงพระอาทิตย์ตก การได้ไปนั่งชมพระอาทิตย์ตกตรงชิงช้าคู่ มันสุดแสนจะโรแมนติกเสียจริงๆ
อ่าวตะเคียน อยู่ทางตอนใต้ของเกาะกูด เป็นอ่าวที่ค่อนข้างเงียบสงบ นักท่องเที่ยวน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ชายหาดด้านหน้า Cham’s House มีก้อนหินน้อยใหญ่กระจายอยู่โดยรอบและยังมีชิงช้ารังนกหวายแกว่งไกวรับลมทะเลอยู่ใต้ต้นสนด้วยครับ
อ่าวพร้าว อยู่ทางใต้สุดของเกาะกูด นับเป็นชาดหาดสุดท้ายของเกาะกูดที่เงียบสงบ มีความเป็นส่วนตัว ชายหาดทอดตัวเป็นแนวยาว เหมาะแก่การเล่นน้ำ บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยทิวมะพร้าวริมชายหาด มีสะพานไม้ยื่นลงไปในทะเลด้วยครับ
อ่าวตะเภาอยู่ทางตอนกลางของเกาะกูด นับเป็นอีกหนึ่งชายหาดที่สวยมากๆ ความยาวของชายหาดสีขาวสะอาดตัดกับสีฟ้าครามของน้ำทะเล ตลอดชายหาดร่มรื่นด้วยทิวมะพร้าว ช่วงเย็นสามารถมาชมพระอาทิตย์ตกที่อ่าวตะเภาได้เช่นกัน ทางด้านขวาสุดของหาดมองเห็นสะพานน้ำลึก สามารถมาถ่ายภาพช่วงพระอาทิตย์ตกโดยใช้สะพานน้ำลึกเป็นฉากหน้า ก็คงจะสวยไม่ใช่น้อยครับ
อ่าวคลองยายกี๋เป็นโค้งอ่าวที่มีชายหาดประมาณ 500 เมตร มีทิวมะพร้าวเป็นฉากหลัง มีลานหินซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเกาะแรดอยู่ริบๆ ครับ
อ่าวสลัดเป็นอ่าวที่ไม่มีชายหาด จะเรียกเป็นประตูหน้าด่านก็คงไม่ผิดนัก เพราะนักท่องเที่ยวที่ข้ามฝั่งมาจากแหลมศอกส่วนใหญ่แล้วจะมาขึ้นเรือที่อ่าวสลัดนี้ ที่อ่าวสลัดเป็นที่ตั้งของสำนักสงฆ์อ่าวสลัด นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมวิวมุมสูงบนหอระฆังของทางวัดได้ นอกจากนี้บริเวณท่าเรือยังมีร้านอาหารทะเลและร้านขายของฝากประเภทอาหารทะเลแห้งจำหน่ายด้วย
น้ำตกคลองเจ้าเป็นน้ำตกประวัติศาสตร์ของชาวเกาะกูด เป็นน้ำตกขนาดกลาง สายน้ำจะตกจากผาสูงประมาณ 10 เมตรลงสู่แอ่งน้ำที่กว้างและลึก ในช่วงฤดูฝนที่นี่น่าจะน้ำเยอะเพราะเห็นมีป้ายเตือนให้นักท่องเที่ยวสวมเสื้อชูชีพก่อนเล่นน้ำด้วย ร.5 และ ร.6 ท่านเคยเสด็จประพาสที่น้ำตกคลองเจ้าด้วย และ ร.6 ยังทรงจารึกพระปรมาภิไธยย่อ “วปร” และทรงได้พระราชทานนามน้ำตกแห่งนี้ว่า “น้ำตกอนัมก๊ก” เพื่อเป็นที่ระลึกแก่ “องค์เชียงสือ” กษัตริย์ญวน ด้วยครับ การเดินทางมาเที่ยวก็ไม่ยาก จากจุดจอดรถเดินเท้ากันต่อสักประมาณ 400 เมตร เส้นทางเป็นทางราบ เดินสบายๆ แต่ช่วงใกล้ๆ ที่จะถึงตัวน้ำตกจะต้องเดินบนโขดหินกันเล็กน้อยครับ
น้ำตกคลองยายกี๋เป็นน้ำตกขนาดกลาง ช่วงที่ผมไป ถึงแม้จะเป็นฤดูแล้งแต่ก็ยังพอมีสายน้ำไว้ให้นักท่องเที่ยวใช้คลายร้อนอยู่บ้าง เท่าที่เห็นส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติที่ลงเล่นน้ำคลายร้อนกัน จากจุดจอดรถต้องเดินเท้ากันเล็กน้อย สภาพเส้นทางบางช่วงเป็นทางลาดชัน แต่ไม่ถึงกับอันตรายอะไร
บนเกาะกูดยังมีประติมากรรมทางธรรมชาติที่รังสรรค์ให้ภูเขาหินมีลักษณะคล้ายหัวเรือรบสองลำจอดเคียงคู่กัน จนชาวเกาะกูดให้สมญานามกับเขาลูกนี้ว่า “เขาเรือรบ” ด้านบนเขาบริเวณหัวเรือ มีพระบรมราชานุสาวรีย์เสด็จเตี่ย กรมหลวงชุมพรฯ ให้นักท่องเที่ยวได้กราบสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลด้วย การเดินทางก็ไม่ลำบาก จากจุดจอดรถเดินเท้าประมาณ 150 เมตรก็ถึงแล้วครับ
เส้นทางที่จะมายังต้นไทรใหญ่และต้นมะค่ายักษ์ ใช้เส้นทางเดียวกัน ระยะทางไกลพอสมควร เมื่อขี่รถมอเตอร์ไซด์มาเรื่อยๆ จะเห็นป้ายเลี้ยวขวาเพื่อไปยังต้นไทรใหญ่ เลี้ยวรถเข้าไปไม่ไกลก็จะถึงจุดจอดรถ จากนั้นเดินต่ออีกนิดเดียว สามารถมองเห็นต้นไทรใหญ่จากจุดจอดรถได้เลย
ต้นไทรใหญ่ตั้งตระหง่านอวดยอดชูสูงเฉียดฟ้า จนต้องแหงนหน้ามองคอตั้งบ่ากันเลยทีเดียว ส่วนที่โคนต้นมี “พูพอน” แผ่ออกมาราวกับปีกที่กางออก พูพอนเหล่านี้เป็นส่วนค้ำยันลำต้นไม่ให้โค่นล้มง่ายยามเผชิญกับลมพายุ แถมยังช่วยดูดซึมอาหารแร่ธาตุต่างๆ ไว้หล่อเลี้ยงลำต้นอีกด้วย
จากต้นไทรใหญ่ ขี่มอเตอร์ไซด์ต่ออีกสักเล็กน้อยจนเห็นป้ายชี้บอกว่าถึงต้นมะค่ายักษ์ 500 ปีแล้ว ก็จอดรถไว้ข้างถนนได้เลย จากจุดจอดรถสามารถมองเห็นต้นมะค่ายักษ์ได้เลย ลำต้นของต้นมะค่ายักษ์ดูอวบอิ่มกว่าต้นไทรหลายเท่านัก เมื่อผมเข้าไปยืนใกล้ๆ แล้วดูตัวเล็กเพียงนิดเดียว
ตลอด 5 วันที่ผมได้มาสัมผัสกับบรรยากาศทั้ง 2 เกาะ บอกเลยว่าทะเลแต่ละวันมีความสวยงามไม่เท่ากัน ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับสภาพของท้องฟ้าว่าเปิดหรือไม่ มีแดดแรงหรือไม่ ถ้าวันไหนฟ้าเปิด แดดยิ่งแรง ทะเลจะยิ่งสวย ความเข้มของสีฟ้าครามของน้ำทะเลจะเข้มมาก แต่ถ้าวันไหนฟ้าปิด แดดน้อย ความเข้มของสีฟ้าครามของน้ำทะเลก็จะจางหายไปครับ
ผมมีเวลาที่ได้สัมผัสเกาะหมากและเกาะกูด ประมาณเกาะละ 2 วันเต็มๆ พอที่จะได้เห็นถึงข้อแตกต่างของทั้งสองเกาะอยู่บ้าง ผมเลยจะขอมาเปรียบเทียบข้อแตกต่างของทั้ง 2 เกาะ เพื่อให้เพื่อนๆ ได้ใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ แต่บอกไว้ก่อนว่า บทสรุปที่ผมเขียนขึ้นมานั้น คือความคิดเห็นส่วนตัวจากสิ่งที่ผมได้สัมผัสมาด้วยตัวเองล้วนๆ นะครับ
1.ความใสของน้ำทะเล
ความใสของน้ำทะเลของทั้งเกาะกูดและเกาะหมากข่มกันไม่ลงจริงๆ
2.ความสะอาดของหาดทราย
เกาะกูด : หาดทรายขาว สะอาด ทอดตัวยาว เหมาะกับการลงเล่นน้ำเป็นอย่างมาก
เกาะหมาก : สีของทรายขาวสู้เกาะกูดไม่ได้ หาดทรายบางจุดมีเศษขยะที่ถูกพัดมาจากคลื่นมาติดที่ชายหาด แถวชายหาดมีริ้นทะเล
3.เงียบสงบ ไม่พลุกพล่าน
เกาะกูด : เป็นเกาะที่มีความเจริญมากกว่าเกาะหมาก สิ่งอำนวยความสะดวกค่อนข้างครบครันกว่า ทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่เกาะกูดเยอะกว่าเกาะหมากมาก เลยอาจจะดูพลุกพล่านไปบ้าง
เกาะหมาก : ยังคงสภาพแวดล้อมความเป็นธรรมชาติที่สวยงาม เงียบสงบ และยังคงรักษาวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นไว้ได้ท่ามกลางกระแสการท่องเที่ยวที่เน้นความสะดวกสบาย ชาวเกาะหมากยังคงวิถีชีวิตแบบเดิมๆ มีความ Slow life ค่อนข้างสูง บนเกาะหมากไม่สนับสนุนให้เปิดสถานเริงรมย์ยามค่ำ เช่น ผับ บาร์ ร้านเหล้า ลานเบียร์ ที่นี่จึงเหมาะกับการพักผ่อนเป็นอย่างมาก
4.ความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยว
เกาะกูด : มีทั้งชายหาด น้ำตก จุดชมวิว
เกาะหมาก : เน้นชายหาด
5.มุมถ่ายภาพ
เกาะกูด : เกาะกูดมีมุมถ่ายภาพสวยๆ ค่อนข้างเยอะ เช่น มะพร้าวเอนลู่สู่ทะเล รีสอร์ทหลายๆ แห่งพยายามสร้างจุดขาย เช่น สะพานที่ทอดยาวลงสู่ทะเล, ชิงช้ากลางทะเล และด้วยความสวยใสของชายหาดขาว ทำให้ถ่ายภาพยังไงก็สวย
เกาะหมาก : มุมถ่ายภาพส่วนใหญ่เป็นภาพริมชายหาดเสียเป็นส่วนใหญ่ มีสะพานไม้ทอดยาวลงสู่ทะเลอยู่บ้าง
6.ตัวเลือกด้านที่พัก
เกาะกูด : เกาะกูดเจริญกว่าเกาะหมาก นักท่องเที่ยวมาเที่ยวค่อนข้างเยอะ ทำให้มีรีสอร์ทมากพอสมควร รีสอร์ทมีให้เลือกมากมาย ตั้งแต่รีสอร์ทระดับ 2-5 ดาว ราคาหลักร้อยปลายๆ ยันเหยียบๆ หลักแสน มีทั้งแบบริมทะเลและแบบสวนป่า สามารถเลือกเข้าพักได้ตามความต้องการของเราได้เลย
เกาะหมาก : ที่พักยังมีให้เลือกค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับเกาะกูด มีให้เลือกตั้งแต่ระดับ 2-5 ดาว แต่โรงแรมระดับ 4-5 ดาวอาจจะมีให้เลือกน้อยหน่อย โดยรวมแล้วราคาของที่พักที่เกาะหมากจะย่อมเยากว่าที่เกาะกูด
เกาะหมาก เป็นต้นแบบการท่องเที่ยวแบบ Low Carbon ผู้ประกอบการรีสอร์ท รวมถึงชาวบ้านร่วมกันลดใช้พลังงานไฟฟ้า เลือกใช้แผงโซลาเซลล์ในการผลิตไฟฟ้า เพิ่มแสงสว่างตามทางเดิน มีการสร้างเตาเผาขยะคุณภาพเยี่ยมไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม มีการคัดแยกขยะ ขยะสดจะนำมาหมักทำเป็นไบโอแก๊สและปุ๋ย รวมถึงมีการปลูกผักสลัด ผักสวนครัวรับประทานกันเองบนเกาะ ลดการขนส่งวัตถุดิบทางเรือ เน้นกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ขี่จักรยานชมวิถีชีวิตตามแหล่งชุมชนชาวเกาะหมาก
สำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทางทริปนี้ ผมจะไม่บีบค่าใช้จ่ายให้ดูต่ำเพื่อใช้เรียกความน่าสนใจให้กับรีวิว เพราะค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นบนเกาะอยู่ที่รสนิยมการกิน การพักของเพื่อนๆ แต่ละคน บางท่านเลือกที่จะกินดีพักหรู ซื้อความสะดวกสบาย ความฟู่ฟ่าให้กับตัวเอง บางท่านอาจเลือกประหยัดที่จะกินที่จะพักเพื่อเอาเงินส่วนต่างไปลงกับการท่องเที่ยวยังจุดต่างๆ เอาเป็นว่าผมจะสรุปค่าใช้จ่ายที่จำเป็น ที่ยังไงทุกคนก็ต้องควักเงินจ่ายเมื่อข้ามมายังเกาะทั้งสองครับ
“เกาะหมาก” หรือ “เกาะกูด” เกาะไหนสวยกว่ากัน คงจะตอบยาก แต่ถ้าคุณยังลังเลและยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดีระหว่างเกาะหมากกับเกาะกูด ผมอยากให้คุณย้อนถามตัวเองก่อนว่าทริปที่คุณวางแผนจะไป คุณต้องการจะไปพักผ่อนแบบเงียบๆ ต้องการให้เวลากับตัวเอง หรือว่าคุณต้องการเที่ยว ต้องการถ่ายรูป ผมว่าถ้าคุณตอบคำถามข้อนี้ได้ คุณน่าจะมีคำตอบอยู่ในใจคุณแล้ว แต่ถ้าคุณยังตัดสินใจเลือกไม่ได้ เกิดอาการรักพี่เสียดายน้องเหมือนผม คุณก็คงต้องหาวันหยุดเพิ่มอีกสัก 2-3 วัน แล้วออกไปพิสูจน์ความงามของทั้ง 2 เกาะด้วยตัวของคุณเองครับ
ส่งหัวใจและแชร์ทริปนี้เพื่อเป็นกำลังใจแก่เจ้าของบทความ