จากขนส่งเมืองกาญจน์ให้นั่งรถตู้มาลงที่ตลาดทองผาภูมิ แล้วขึ้นรถสองแถวได้ที่ตลาด รถมีแค่สองรอบ คือ 10.00น. และรอบสุดท้าย 13.00น. แนะนำมาให้ทันรอบเช้าสุดจะได้มีเวลาเที่ยวทั้งวัน
บรรยากาศบนรถค่อนข้างคึกคัก อัดแน่นไปด้วยไทย 4 หน่อ พม่าร่วมสิบ
แนะนำให้พกหูฟัง ยัดเพลงที่ชอบๆ จะใส่ไอพอด โหลดจากจู๊ค หรือใส่เอ็มพีสามแล้วแต่สะดวก จากนั้นยัดใส่รูหู ฟังไปเลย 2 ชั่วโมง เอาให้ขี้หูสะเทือนกันไปข้าง
ระหว่างทาง...ทำใจไว้ได้เลย สัญญาณมือถือจะขาดๆ หายๆ ใครอยากไลฟ์ส้น ด้นสด อดทนเอาไว้ก่อน หายจากโซไม่ถึงสองชั่วโมงคงไม่ขาดใจตาย
หลังจากนั่งอึด ถึก และทนมาร่วมชั่วโมงกว่าๆ คุณลุงสองแถวใจดีแวะจุดพักรถให้ลงไปขี้ ปี้ เยี่ยว แต่พอเห็นวิวข้างหน้าปุ๊ปหายปวดทุกสิ่งอย่างเลย ควักมือถือโพสเฟซบุ๊คให้โลกรู้
วิวหลักล้าน หาได้ไม่ยาก แค่เก็บกระเป๋า แล้วออกเดินทาง ภูเขา ต้นไม้ ใบหญ้ารอทุกคนอยู่
หลังจากนั่งมาสองชั่วโมงครึ่งก็ถึงที่หมายสักที เวลคัมทูอีต่อง ปิล็อก เราจะเดินต๊อกแต๊กๆ ไปด้วยกัน
หลังจากเอากระเป๋าฝากไว้ที่ห้องพักเราก็เช่ามอเตอร์ไซค์แว้นเที่ยวกันเลย
เช็คอินจุดแรก...จากที่พักแว้นขึ้นเนินมายังจุดประสานสัมพันธไมตรี ไทย-เมียนมาร์กันก่อนเลย
หันซ้ายมองบน จะเป็นที่ฝึกของทหารพม่า คนไทยห้ามเข้า
หันซ้ายเดินขึ้นจุดชมวิวฝั่งไทยโลดค่าาาา
เดินขึ้นบันไดมาปุ๊ปจะเจอธงสองสัญชาติโบกสะบัดเคียงคู่กันทำให้เป็นชื่อเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า 'เนินเสาธง'
จุดเช็คอินที่สอง จ๊อกกระดิ่ง
ขามาตอนนั่งสองแถวถ้าไม่หลับตลอดทางก็จะรู้ว่าขับผ่านตรงนี้ เราก็แว้นจากที่พักขับย้อนออกมา ถนนมีเส้นเดียวไม่ต้องกลัวหลง ขับเข้าไปอีกเกือบ 3โล ทางไม่ได้สบายอย่างที่คิด ใครว่าไม่ชันเราเถียงสู้ ขาไปนี่ดิ่งลงสบาย ขากลับแม่เจ้าโว้ยยยยย จะขึ้นรอดไหมถามใจดู แต่สายแข็ง ใจสู้ยังไงก็ถึง สายอ่อน สายด๋อย บางคันวกหัวเลี้ยวกลับก็ยังมี มาไม่ถึงก็เหมือนพลาด ใจใจหน่อยเพราะทางมันขึ้นสุดลงาุดจริง
ทางเข้าน้ำตกจะมี จนท.อุทยานเก็บค่าบำรุงคนละ 40บาท ซึ่งเก็บตั๋วให้ดีเพราะเราต้องใช้ตั๋วนี้เข้า อช.ทองผาภูมิอีกรอบ
ที่หน้าทางเข้าใครอยากเข้าห้องน้ำ ทำธุระ หรือเปลี่ยนชุดก็มีห้องน้ำบริการฟรี
จากทางเข้าเราต้องจอดรถไว้และเดินเท้าเข้าไปไม่เกิน 5นาที ก็จะเจอกับน้ำตกที่ใสและสวยงาม
น้ำตกจ๊อกกระดิ่นมีแหล่งกำเนิดจากภูเขาอีบู่ในพื้นที่เหมืองแร่ทังสเตน ไหลผ่านหมู่บ้าน มีระยะทางความยาว 5 กิโลเมตร เป็นน้ำตกชั้นเดียวที่มีน้ำไหลตลอดปี มีความสวยงาม เพราะว่าสายน้ำตกที่ไหลผ่านหน้าผาสูงประมาณ 30 เมตร ลงสู่พื้นล่างแล้วแตกกระจายออกมากลายเป็นกลุ่มไอน้ำลอยตัวขึ้นมาจากพื้น และเดิมคำว่า จ๊อกกระดิ่น เป็นชื่อเพี้ยนมาจากคำเดิมว่า“ก๊อกกระด่าน” จ๊อกหรือก๊อก หมายถึง 'หิน' และกระดิ่นหรือกระด่านหมายถึง 'น้ำตก' โดยมีความหมายร่วมกันว่า 'เป็นน้ำตกที่ไหลผ่านซอกหินผา'
น้ำตกมีทั้งตื้นเขินและลึกสุดบริเวณตรงกลางที่เป็นสีเขียวมรกต แต่มีบริการห่วงยางฟรี มีให้ใช้ประมาณ 3อัน วันที่มามีคนมาเล่นก่อนหน้าแค่ 4คนเท่านั้น ในน้ำก้อนหินค่อนข้างแหลมเลย เดินเล่นกันเจ็บเท้า เลยตัดสินใจนอนเล่นบนห่วงยางชิลล์ๆ ดีกว่า
หลังจากเปลี่ยนชุดหลังออกมาจากน้ำตกจ๊อกกระดิ่งแล้ว เราก็แว้นออกมาอีกนิด เพื่อมาชมวิวที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ตรงนี้ให้โชว์ตั๋วอันเดิมที่เข้าน้ำตกให้ จนท.เค้าดูฮะ
เข้ามาถึงในตัว อช. เราก็จะเจอป้ายเนินกูดดอย-เนินช้างเผือก แล้วก็ถึงเวลาออกสำรวจพื้นที่ซึ่งเป็นจุดไฮไลท์ในการชมวิวของการมาเที่ยวครั้งนี้
สำหรับใครที่อยากมาพักใน อช. ที่นี่ก็มีบ้านพักให้บริการ แต่กลางค่ำกลางคืนหาของกินยากหน่อยแนะนำว่าหาตุนเอาไว้เผื่อหิวกันด้วย
จุดเช็คอินที่สาม
ร้านเหมืองแร่ จะอยู่ก่อนถึงทางเข้าหมู่บ้านอีต่อง ขากลับจาก อช. เราก็แวะร้านนี้กัน ถ้าหาไม่เจอก็มาง่ายมากแค่แว้นแวะถามตลอดทาง
ทางร้านนี้รับเค้กจากร้านป้าเกล็นในเหมืองสมศักดิ์มาขายอีกที เพราะถ้าจะเข้าเหมืองสมศักดิ์ต้องใช้รถโฟรวีลขับเข้าไปเท่านั้น แบ็คแพ็คแว้นแมงกะไซด์อย่างเราต้องพึ่งร้านนี้เท่านั้น
ว่าด้วยความอร่อย บุกมากลางป่าถ้าไม่อร่อยคงไม่มีใครพูดถึงหรอกใช่ม้าาาาา ขอคอนเฟิร์มอีกหนึ่งเสียงนะค่ะ ว่าเค้กเนื้อแน่น อร่อยสมชื่อจริงๆ ค่ะ ราคาไม่แรงเลย 70หรือ75บาทนี่ล่ะ ซื้อไปทานสองชิ้นคือเค้กช็อกโกแลตและเค้าแครอท บอกเลยอร่อยและชิ้นเดียวเอาอยู่
จุดเช็คอินที่ 5, 6 และ 7
หลังจากเที่ยวน้ำตกจนฉ่ำ สูดโอโซนและชมวิวจนหนำใจ ทานเค้กอร่อยๆ เพิ่มระดับน้ำตาลในเส้นเลือดแล้ว เราก็กลับมายังหมู่บ้านทำการ explore รอบๆ หมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นเหมืองเก่าปิล็อก ที่ทำการไปรษณีย์ ชุมชนคนงานเหมืองแร่ เดินเล่นริมน้ำ จนตะวันเดทอบตก และเราก็เจอร้านกาแฟชิคๆ ท่ามกลางขุนเขาข้างๆ ที่พักเราเลย
Pilog Coffee Camp มีบริการอาหารและเครื่องดื่ม นอกจากนั้นยังมีบริการห้องพักริมน้ำอีกด้วย
ยามเย็นเรานั่งชิวสั่งชาเขียวหนึ่งแก้วพร้อมดื่มด่ำในบรรยากาศท่ามกลางสายหมอก บอกเลยว่านี่แหละบรรยากาศหลักล้านอีกแห่งในประเทศไทยที่ใครๆ ก็ไปได้ กลางคืนก็ตั้งวงจิบเบียร์ไปชมหมอกไป หาหมอนมากอดให้หายหนาว หาผ้าห่มมาคลุม ก็นั่งชิวได้ยาว ตื่นเช้ามาแนะนำเติมพลังได้กับอาหารพื้นๆ ไข่กระทะโด๊ปเติมพลังกันให้อิ่มท้อง
สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่าไปเอง ไปกันเถอะ เก็บกระเป๋า ออกเดินทางไปหาคาเฟ่กลางสายหมอกแห่งนี้กัน
โฮมสเตย์ริมน้ำในหมู่บ้านอิต่อง เมืองในสายหมอกที่ใครๆ ต่างก็พากันมาหาโอโซนบริสุทธิ์
เนื่องจากที่ตั้งอยู่ในหุบเขาทำให้อากาศเย็นตลอดทั้งปี ยิ่งตกเย็นหมอกจะปกคลุมทุกพื้นที่ ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่พักเต็มเร็ว แนะนำจองล่วงหน้าอย่างน้อย 6 เดือนเลย
โฮมสเตย์ที่นี่มีให้เลือกหลากหลายราคา หากพักริมน้ำราคาก็ขยับขึ้นมาอีกนิด แต่ได้บรรยากาศสุดๆ
'ปิล็อกต๊อกแต๊ก โฮมสเตย์' ชั้นบนมีแค่ 2ห้อง ห้องหน้ามาพร้อมระเบียงส่วนตัวหน้าห้อง ส่วนห้องหลังไม่มีระเบียงถ้าอยากนั่งชิวต้องเดินออกมา
แนะนำให้พักห้องหน้าวิวแม่น้ำ ค่ำๆ นั่งจิบเบียร์ชิลล์ๆ เย็นๆ เคล้าสายหมอก ได้มาในราคาวอร์คอิน 1,000 บาท+อาหารเช้า(โจ๊ก, ชา, กาแฟ) ถือว่าโชคดีมากๆ เพราะวันนั้นบ้านพักริมน้ำเต็มหมดเกือบทุกหลัง
Good Morningggg สวัสดีวันมอไม่ขยับ
จุดเช็คอินสุดท้ายก่อนลาอีต่อง ปิล็อค
แหกขี้ตาตื่นมาตีห้า น้ำเนิ้มไม่ต้องอาบ เย็นจะตายชัก รีบล้างหน้าแล้วบึ่งแมงกะไซด์จากที่พักย้อนออกไปนอกหมู่บ้านไม่ไกลแล้วขึ้นไปชมพระอาทิตย์ที่เนินช้างศึกกัน
เราใช้ทางเดินเท้าปีนขึ้นเขาฮะ เพราะนึกว่ามีแค่ทางเดียว สรุปมันมีถนนสบายๆ ราดยางมะตอยบิดทีเดียวขึ้นปรู๊ดอยู่บนจุดชมวิว แต่ถ้าถามว่าพลาดไหม ตอบเลยว่าไม่เพราะอะไร . . .
อิผี! ฝั่งที่เราเดินขึ้นมามันโผล่ด้านหลังของร้อย ตชด. จ้าาาาา หมาเหมอเห่ากันระงม อินี่กลัวไหม...ไม่กลัวแต่มองซ้ายขวาหาไม้กันหมาก่อน
จากนั้นต้องลำบากถึงพี่ตำรวจออกมาไล่หมาให้ และมันก็เลิกเห่าไปเอง ตรงนี้บอกเลยไม่เดินขึ้นมา ไม่ได้เข้ามาในเขตนี้หรอก เก็บภาพจนตะวันเกือบโด่ ถึงจะเดินออกมาหันกลับไปอีกที "เขตหวงห้าม ห้ามเข้า" ฉิบหายล่ะตู ไม่ทันล่ะค่ะ พี่ตำรวจก็ไม่ไล่ซ้ากกกกคำ ^^"
เดินออกมาจะเจอกับจุดชมวิวเนินช้างศึก หมอกหนาแต่ยังไม่เข้าขั้นทะเลหมอกแบบเต็มสตรีม
รอพระอาทิตย์โผล่มาก็เป็นอันเสร็จพิธีการตามหาแสงแรกของเช้าวันใหม่ ขากลับก็ขออนุญาตพี่ตำรวจที่เฝ้าป้อมเข้ากลับไปยังฐาน ตชด. อีกรอบ เพราะมอเตอร์ไซค์จอดอยู่ด้านล่างหลัง ตชด.
But I got a blank space baby & I write yr name
หลังจากลงมาจากจุดชมวิว ก็มาสร้างความหลังกับที่นี่กันหน่อย ว่ากาลครั้งหนึ่งเราเคยมาเยือนที่แห่งนี้กัน
ป้ายไม้ Love Lock @Pilok ตามเทรนกับเค้าหน่อย ซื้อป้ายไม้ชิ้นละ 20 ที่ตลาดริมน้ำมาเขียนความในใจหรืออะไรที่บ้าบอคอแตกกัน
เขียนเสร็จแล้วหาที่แขวน ชอบตรงไหนผูกมันตรงนั้นเลย เป็นอีกหนึ่งความทรงจำก่อนเดินทางกลับ เป็นอันปิดทริป 399โค้ง ถึงแม้ยังไม่อยากกลับก็ตาม แต่แน่นอนเราจะกลับมาเยือนที่นี่อีกครั้ง เพราะรู้สึกตกหลุมรักหมู่บ้านแห่งนี้เข้าเต็มเปาซะแล้วล่ะ
ส่งหัวใจและแชร์ทริปนี้เพื่อเป็นกำลังใจแก่เจ้าของบทความ