เริ่มทริปกันที่คาเฟ่สไตล์ Minimal ร้านดังจากเชียงใหม่ ก่อนที่เราจะข้ามเรือไปเกาะสีชังกัน เรื่องมุมถ่ายรูปนี่ไม่ต้องพูดเยอะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นมุมรถบ้านน่ารัก ๆ หน้าร้าน ส่วนในร้านก็ตกแต่งแบบโปร่ง โล่ง สบายตา แสงเข้ากำลังดี วิถีคาเฟ่ฮอปปิงแบบเราต้องถูกใจ ส่วนเรื่องอาหารและเครื่องดื่มนี่ก็ไม่อยากพูดเยอะนะคะ เพราะเขาได้รับคัดเลือกเป็นร้าน Wongnai Users' Choice 2020 สำหรับเมนูที่อยากแนะนำก็คือ Black Latte ที่มีส่วนผสมของ Espresso นม และผงชาร์โคล เสิร์ฟมาสีสวยเลยค่ะ ขาวเหลือบดำ ถ่ายรูปกับร้านโทนสีขาว ก็คือสุดปัง
เช็กอินคาเฟ่กันพอได้รูปกรุบแล้วเราก็เดินทางข้ามเรือมาเที่ยวที่ “สะพานอัษฎางค์” ถ้าจะให้นิยามเกาะสีชังซังว่าเขาเหมือนคุณลุงน่ารัก ที่ใจดีกับเรา เพราะบรรยากาศเงียบสงบ แต่ก็มีเสน่ห์ไม่ซ้ำใคร ตอนนี้เรามากันที่ “สะพานอัษฎางค์” เป็นแลนด์มาร์กที่เรียกได้ว่า มาเกาะสีชังแล้วห้ามพลาด! ด้วยความเป็นสะพานไม้สีขาว ตัดกับท้องฟ้าสีแจ่ม ถ่ายแล้วเหมือนอยู่ต่างประเทศเลยค่ะคุณ ขอบอก! แนะนำหมวกปีกกว้างกับชุดสีขาวพริ้ว ๆ มาด้วย
เดินเล่นถ่ายรูปกันที่สะพานอัษฎางค์ กันพอหอมปาก หอมคอแล้ว เริ่มหิวแล้ว ทางเราก็ขอแนะนำร้านอาหารกลางวันที่เกาะสีชังที่ “The Verandah Restaurant” เป็นร้านอาหารในโรงแรม ภายในร้านก็บรรยากาศดี๊ดี น่ารัก อบอุ่น เหมาะกับการมากุ๊กกิ๊กกับแฟน อาหารก็หลากหลายค่ะ ทั้งอิตาเลียน สปาเกตตีเส้นสูตรพิเศษ หรืออาหารไทยรสชาติจัดจ้านก็เลือกชิมกันได้ตามสะดวก
กินอิ่มกันแล้วก็ใกล้ถึงเวลาที่เราจะต้องนั่งเรือกลับฝั่งแล้วละค่ะ “ช่องเขาขาด” จากสะพานวชิราวุธเราสามารถเดินไปยังปลายแหลมที่เรียกว่าช่องเขาขาดได้ สำหรับใครที่มาค้างที่เกาะสีชัง แนะนำให้มาแวะที่นี่ เพราะถือเป็นจุดชมพระอาทิตย์ที่สวยไม่แพ้ใครเลยค่ะ มองเห็นทั้งหน้าผาและทะเล เหมาะกับมาเดินเล่นในบรรยากาศโรแมนติก อิอิ แต่ทางเราก็ชิลได้ไม่นานค่ะ เพราะกลัวตกเรือเลยได้เก็บภาพมาฝากนิด ๆ
ข้ามฝั่งกลับมาจากเกาะสีชัง ก็ถึงเวลาอาหารเย็นกันที่ร้าน “มุมอร่อย” ร้านประจำของใครหลายคน ร้านก็ใหญ่โตค่ะ มีโต๊ะเยอะ นั่งสบาย ๆ เมนูอาหารก็หลากหลาย ทั้งอาหารทะเล เมนูแนะนำที่ใครหลาย ๆ คนบอกต่อ ออส่วนกระทะร้อน ข้าวผัดปู ปลากระพงทอดน้ำปลา ปลาหมึกผัดไข่เค็ม ต้มยำกุ้ง และกุ้งอบวุ้นเส้น เผื่อเป็นไอเดียเวลาไปถึงแล้วไม่รู้จะสั่งอะไรค่ะ ของหวานกินเล่นเขาก็มีข้าวเหนียวมะม่วงฉ่ำ ๆ ให้กินปิดท้ายค่ำคืน ก่อนไปนอนหลับฝันดีกับโรงแรมของเราคืนนี้
“Balcony Seaside Sriracha Hotel” ที่พักสุดชิลของเราในคืนนี้ มองเห็นวิวทะเล ที่สำคัญอยู่ไม่ไกลจากที่เที่ยวเขาเขียวมากนัก นอกจากห้องพักที่ดีงามแล้ว ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียบค่ะ ทั้งสระว่ายน้ำกลางแจ้ง บุฟเฟ่ต์อาหารเช้า ห้องแช่ออนเซน เปิดบริการตั้งแต่ 17.00-00.00 น. และบ้านไหนมีน้อง ๆ หนู ๆ ล่ะก็ตอบโจทย์แน่นอนเพราะมี Harbor Land ไว้ต้อนรับครอบครัวและเด็ก ๆ เรียกได้ว่าพักที่นี่คุ้มค่าคุ้มราคาแน่นอนค่ะ
ทุกคนรู้แฟนคลับรู้ ชั้นหาคาเฟ่เช็กอินตลอด ขากลับจากศรีราชาเราก็ผ่านบางแสนกัน แล้วจะพลาดได้ยังไงคะ บอกเลยว่าตอนนี้บางแสนมีคาเฟ่ใหม่ ๆ เพียบ แต่ละร้านก็มีสไตล์ ไปเช็กอินกันไม่หวาด ไม่ไหว ทางเราขอเลือกร้าน “Clay Crown” คาเฟ่ริมน้ำ สวนสวย เพราะเล็งแล้วว่ามุมถ่ายรูปเยอะ ทั้งในร้าน ในร้านก็มีมุมถ่ายรูปน่ารัก มีต้นตะบองเพชรขายด้วยค่ะ เผื่ออยากจะโคฟเวอร์เป็นญาญ่ากัน และนอกร้านก็มีมุมริมน้ำ กับต้นไม้ใหญ่ให้ไปนั่งชิลได้
ก่อนกลับกรุงเทพฯก็คือแวะที่ “สะพานชลมารควิถี” จริง ๆ แล้วสะพานแห่งนี้เป็นแผนพัฒนาจังหวัดเพื่อแก้ปัญหารถติดในเมือง และส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกด้วย ซึ่งสะพานจะเลียบชายฝั่งทะเลของจังหวัดชลบุรี ทำให้เราได้เห็นวิวตอนขากลับกรุงเทพฯชิล ๆ มองดูแล้วโล่ง สบายตาสุด ๆ ค่ะ เขามีจุดจอดรถให้แวะถ่ายรูปกันด้วยนะคะ ใครที่ผ่านก็แวะถ่ายรูปวิวสวย ๆ กันได้ค่ะ
ถึงเวลาจะต้องปิดทริปกันจริง ๆ แล้วค่ะ แต่ถ้าเราปิดโดยไม่หาของดีชลบุรีกิน กลัวจะนอนไม่หลับ กระสับกระส่ายขอแวะที่ร้าน “ป้าอ่อน ซอยก๊วน” ร้านลับ ที่ตอนนี้น่าจะไม่ลับแล้วค่ะ เพราะชื่อเสียงของร้านดังกระฉ่อนมากกก แถมยังเป็นหนึ่งในร้าน Wongnai Users' Choice 2020 เมนูที่ร้านป้าอ่อน ตรอกก๊วน ก็เป็นอาหารตามสั่งที่เป็น วัตถุดิบสด ๆ จากทะเลอย่างปู กั้ง กุ้ง หอยเชลล์ เครื่องแน่น ๆ ปรุงรสชาติจัดจ้านโดยฝีมือป้าอ่อน ใครจะมากินก็ต้องรีบมานะจ๊ะ ร้านเขาปิดบ่าย 2 ไม่งั้นมาเก้อไม่รู้ด้วยนะ
กินอาหารร้านป้าอ่อน ตรอกก๊วนกันจนอิ่มพุงกางแล้ว ก็ถึงเวลาต้องโบกมือลาทริปสั้น ๆ ของเราที่ชลบุรีกันแล้วละค่ะ เห็นไหมคะว่า แค่ 2 วัน 1 คืน ก็เที่ยวชลบุรีได้แบบจุก ๆ เก็บได้ครบทั้งศรีราชา เกาะสีชัง และปิดท้ายที่บางแสน ใครที่มองหาที่เที่ยวเสาร์-อาทิตย์ ชนิดที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯแค่ชั่วโมงนิด ๆ ทางเราแนะนำแพลนนี้ รับรองว่าแฮปปี้วันหยุดนี้ไม่มีเบื่อแน่นอนค่ะ