7:30 น. นั่งรถไฟฉึกกะฉักออกจากสถานีรถไฟหาดใหญ่ไปยังสถานีปาดังเบซาร์ ในราคา 50 บาท (1 ชม)
8:30 น. ถึงด่านตม. มาเลเซีย-ปาดัง ตรวจพาสปอร์ต ซื้อตั๋วรถไฟฟ้า ไปยังเมือง Butterworth สุดสายของมาเลย์ ในราคา ประมาณ 11 ริงกิต ประมาณ 80 บาทไทย
10:30 น. รอต่อเรือเฟอร์รี่เพื่อข้ามยังเกาะปีนัง ราคา 7 บาท
รวมค่าโดยสารขาไป 137 บาท + ค่าGrab ไปโรงแรมแรก 35 บาท = 172 บาท
** เดือนสิงหาคมค่าเงินบาทไทยแลกได้อยู่ที่ประมาณ 1 บาท =7.25 ริงกิต
ถึง Butterworth ประมาณ เกือบ 11 โมง ให้ออกจากสถานีแล้วเดินต่อมาตามป้ายบอก Ferri จะเข้าตัวตึกซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าที่เชื่อมต่อกันกับท่าเรือเฟอร์รี่ ระหว่างนี้แวะทานเที่ยงก่อนละกันนะ
เลือกร้านอาหารญี่ปุ่นที่คาดว่าจะปลอดภัยกับท้อง ทาโกะยากิ ยากิโซบะนี่แหละง่ายสุด เซ็ตเมนูเฉลี่ยอยู่จานละ 180-200 บาท
อิ่มแล้วก็เดินไปซื้อตั๋วเฟอร์รี่ข้ามฟากที่จะมีออกทุกๆ 15 นาที ค่าโดยสารคนละประมาณ 8 บาท ใช้เวลา 15 นาทีถึงเกาะปีนัง เรียก Grab ต่อไปโรงแรมได้เลย
Recommendation:
• ที่นี่ใช้ Grab Car เป็นหลัก ก่อนเดินทางให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นไว้ใช้งานได้เลย วิ่งในเมือง ตกที่ประมาณ 5-7 ริงกิต (35-50 บาท)
• ที่ห้าง Butterworth มีร้านจำหน่ายซิมนักท่องเที่ยว บอกจำนวนวันที่จะอยู่ ก็จะได้ Internet Sim Card, 4 วันราคา 200 บาท
แล้ว Grab ที่เราเรียกจากท่าเรือ Butterworth ก็พาเรามายังที่พักสำหรับคืนนี้ คืนเดียว ก่อนเข้าไปพักในโซนใกล้กับแหล่งท่องเที่ยว (โซนกลาง)
• ราคาที่พักไม่แพง 700 บาทต่อห้อง สำหรับ 4 คน
• เหมาะสำหรับ Backpacker มากกว่าเราจึงย้ายไปโรงแรมในเมืองในวันต่อมา
หลังจากเช็คอินก็เริ่มเดินเที่ยวจากถนนตรัง ออกมาเส้นจอร์จทาวน์ มีโอกาศได้เข้ามาบูชาวัดแขกเพื่อเป็นสิริมงคล ปีนังเป็นเมืองที่มีทั้งประชากรที่เป็นฮินดู จีน และ มุสลิม
บ่ายกว่าๆหลังจากเยี่ยมชมวัดแขก เราข้ามถนนกลับไปห้าง Penang Times Square เด่นหรูหรา ก็แค่อยากไปจิบชายามบ่าย ก่อนกลับเข้าที่พัก
เจอแล้ว อยู่ชั้นล่างสุดของห้าง Times Square ร้านชาสไตล์ Tea frosting/ Driping ที่อยากลอง มีโซนนั่งดื่มชาสะดวกสะบาย พกขนมเปี๊ยะจากร้านประจำเมืองนี้มาทานคู่กับชา กลายเป็นมื้อเย็นก่อนกลับเข้าที่พัก
เรื่องเล่าของวันนี้
• ทานร้านบะหมี่โบราณตรงข้ามที้พักก่อน Check out
• Check in ที่โรงแรม Mansion One โซนกลางของปีนัง
• ตะลุยขึ้นเขาไปสักการะพระแม่กวนอิมที่ Kek Lok Si
• ขึ้นกระเช้าไปชมวิวที่ Penang Hill
เช้าตรู่ เติมพลังก่อนออกเดินทางที่ร้านบะหมี่จีนโบราณ เป็นราดหน้า บะหมี่ไข่ ชาชงแบบสภากาแฟจีนโบราณคล้ายบ้านเรา รวมๆตกคนละ 50 บาท
หลังจากเรียก Grab ย้ายที่พักมาในตัวเมือง (รีวิวที่พักตอนท้ายทริป) ด้วยราคา 6 ริงกิต เราก็ไม่รอช้าเรียกบริการรถต่อไปยังวัดพระแม่กวนอิม Kek Lok Si อันยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียง เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่นักท่องเที่ยงต้องมา
• ใช้เวลาเยี่ยมชมโดยการเดิน 3-4 ชม.
• ขึ้นกระเช้าไปสักการะพระแม่กวนอิมองค์ใหญ่ที่กำลังสร้าง ขึ้นลง 6 ริงกิต
• เดินขึ้นเขาไปเยี่ยมชมเจดีย์เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ค่าบำรุงสถานที่ 3 ริงกิต
หลังจากลงมาจาก Kek Lok Si แวะทานอาหารกัน แล้วเรียก Grab ต่อไปยัง Penang Hill 6 ริงกิตซึ่งอยู่ในเส้นทางเดียวกัน
• อัตราค่าเยี่ยมชมโดยขึ้นรถรางความเร็วธรรมดา อยู่ที่คนละ 30 ริงกิต (210 บาท)
• จุดชมวิว 360 องศามองเห็นรอบเมืองปีนัง
• อากาศเย็นกำลังดี
• สักการะองค์ขัณฑกุมารที่วัดแขก
• ชมพิพิธภัณฑ์ เล่าเรื่องของ ปีนังฮิลล์
บนปีนังฮิลล์ เดินขึ้นจากจุดชมวิวอีกชั้น จะเป็นวัดแขกของชาวฮินดูที่งดงามมาก มีโอกาสได้สักการะองค์ขัณฑ์กุมาร โดยมีพราหมณ์ทำพิธีเจิมหน้าผากให้
ถัดจากวัดแขกขัณฑ์กุมารขึ้นมาหน่อยเป็นบ้านกึ่งพิพิธภัณฑ์สีขาวที่งดงามมากตกแต่งสไตล์ยุโรปสวน ดอกไม้งดงามมาก ด้านในแสดงรูปภาพประวัติความเป็นมาการสร้างรถรางขึ้นมายังด้านบน
วันนี้แน่นอนต้องเป็น Street Art และ Little India (Part 1) เดินวันเดียวไม่จบบอกเลย
เรียก Grab จากที่พักมาลงที่ถนนอาร์มาเนียน 12 ริงกิต แต่เช้า
• เดินถนนวัฒนธรรมชมภาพวาดผนังย้อนไปมาทะลุกันหมด ใครอยากนั่งรถสามล้อปั่นก็ได้ 20-25 ริงกิตต่อรอบ
•เข้าร้านของที่ระลึก ชอปปิ้งงานฝีมือเป็นของฝาก
พื้นที่ติดกันกับย่านวัฒนธรรมจีนมาเลย์คือ Little India เดินถึงกันได้ มีสินค้าราคาไม่แพงขายเป็นที่ระลึก กลิ่นเครื่องเทศคลุ้งโดยรอบจากร้านอาหารอินเดียหลายๆร้าน
*ที่ฉันได้มาและตามหาจนเจอคือ มาซาลาที ชาประจำชาติของชาวอินเดีย ตายตาหลับ
ทานเที่ยงที่นี่ แล้วบ่ายแก่ๆเรียก Grab กลับที่พัก อาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวไปมื้อเย็นกันที่ Street food night Market บอกเลย ลอดช่องทุเรียนคือนิพพาน
วันสุดท้ายแล้วในปีนัง จองไฟล์บินตรงกลับกรุงเทพ ช่วงเย็น เวลาเหลือเลย เช็คเอาท์จากที่พักเร็วหน่อย เรียก Grab กลับไปเดินเล่นกันต่อที่ Street Art ที่เดิม เพิ่มเติมคือร้านกาแฟดริป และเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์บะบ๋ายะหย่า
ขอนั่งพักมองดูผู้คนเดินไปมา ซึมซับบรรยากาศ ที่ร้านกาแฟสไตล์ดริป ที่ร้าน Kopi Loewak เจ้าของร้านไอเดียสุดเจ๋งยังวัยรุ่นอยู่เลย
ระหว่างนั่งรอเวลาเรียก Grab ไปสนามบิน สรุปค่าใช้จ่ายโดยประมาณการ สำหรับทริปนี้ 4 วัน 3 คืน 4 คน ค่าเที่ยว ที่พัก เดินทางโดยสารรถไฟขามา นั่งเครื่องขากลับ (1,200/คน) เฉลี่ย 3,500 บาทต่อคนจ๊ะ
ท้ายสุดของทริปรีวิวที่พัก 2 คืนหลัง Mansion โรงแรมในเมืองที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม Grab เข้าถึงตลอดเวลา พนักงานเสนออัพเกรดห้องเป็น Penthouse Family suite สำหรับ 4 คน ในราคา 1,500 บาท สำหรับ 2 คืน ห้องพักอยู่ชั้นบนสุด ห้องมุมวิวเป็นทะเล และเมือง มีครัวเล็กๆไว้อุ่นอาหารทาน ด้านล่างโรงแรมมี มินิมาร์ท ห้องอาหาร และ ร้านกาแฟสตาร์บัค ข้อเสียเดียวคือเข้าไวไฟไม่ได้ พนักงานไม่ได้ให้ความสำคัญกับการช่วยแก้ปัญหา แต่ห้องพักราคาถูก
ส่งหัวใจและแชร์ทริปนี้เพื่อเป็นกำลังใจแก่เจ้าของบทความ