เป็นถ้ำอยู่ในเทือกเขาหินปูนยาวคล้ายอุโมงค์ใต้ภูเขา ภายในถ้ำเป็นทางคดเคี้ยวมีระยะทางจากทางเข้าถึงทางออกประมาณ 4 กิโลเมตร ยาวที่สุดในประเทศไทย ในถ้ำพบซากดึกดำบรรพ์ของแรดสมัยไพลสโตซีน และ ช้างสกุล สเตโกดอน ซึ่งเป็นที่มาของการเรียกชื่อถ้ำแห่งนี้ว่า “ถ้ำเล สเตโกดอน” สนใจเที่ยวถ้ำ อบต.ทุ่งหว้า โทร 074-789317 , 084-8585100
รถบริการรับส่งนักท่องเที่ยวไป-กลับถ้ำเล
พร้อมแล้วไปได้ อ้าวไหนคนขับ
ระหว่างนั่งรถไปถ้ำเลสเตโกดอน บรรยากาศก็ประมาณนี้เลยครับ
ผ่านด่านความมั่นคงมานิด ก็ถึงทางเข้าไปให้ถ้ำแล้ว
ทางเข้าจะเป็นอุโมงค์ป่ายางร่มรืนเขียวขจี
ถึงแล้ว ลงได้
แหงนมองไปบนหน้าถ้ำ คล้ายหน้าโพหรือหน้าผาของช้าง
เรือพร้อมสตาฟพร้อม
มีน้องช้างมาต้อนรับด้วย
สังเกตดีๆ ปากทางเข้าถ้ำจะมีลักษณะเหมือน มีงวงช้ายื่นออกมา
ฮไลท์จุดแรกคือ "สาวผมแดง" หินย้อยสีแดงขนาดใหญ่
กระต่ายหมายจันทร์
ประติมากรรมบนเพดานถ้ำ
หินหอกหินย้อยก้อนนี้ เปรียบเสมือนปอดของช้าง เพราะเมื่อเราเข้าล่องเรือในถ้ำ ก็เปรียบได้ว่าเราเข้ามาอยู่ในท้องช้างสเตโกดอน
"ปูเขาหินปูนทุ่งหว้า" ปูน้ำจืดชนิดใหม่ของโลก มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Terrapotamon thungwa ภาพใบนี้เป็นมุมเงยครับ ปูจะอยู่เกาะเพดานถ้ำ ถ้าโชคไม่ได้ก็ไม่ได้เห็นง่ายๆนะครับ
เมื่อสุดทางถ้ำ จะพบเจอหัวใจที่ปลายอุโมงค์ เรามาตามหาหัวใจที่ปลายอุโมงค์กัน เจอแล้ว
เมื่อออกจากถ้ำ เราก็มาพบกับอีกหนึ่งบรรยากาศหนึ่งคือ พายเรือผ่านป่าโกงกาง สองข้างทางได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติในคลองท่าอ้อย
หลังจากนั้นเราก็ได้ ขึ้นเรืองหางยาวนั่งชมบรรยากาศสองข้างทางไปท่าเทียบเรือ บ้านท่าอ้อยหรือจุดชมวิวท่าอ้อย
ทิวป่าโกงกาง ลมพัดเย็น น้ำสะท้อน เสียงคลื่นกระทบป่ารวมกับเสียงเรือ
ใกล้ถึงท่าเรือแล้ว
จุดชมวิวท่าอ้อย
ชมวิถีชีตบ้านๆ แลเรือพรีด
แสงเย็นในวันที่ฟ้าสดใสสะท้อนลงพื้นน้ำ
เรือแจวก็มีนะ แจวไปเรื่อย
กระชังหรือที่เลี้ยงปลาของชาวบ้าน
ตะวันเริ่มจะลับเราเริ่มจะกลับแล้ว
น้ำตกธารปลิวเป็นน้ำตกสูงประมาณ 5 เมตร มีน้ำไหลออกมาจากช่องโพรงหินปูนบริเวณตีนเขาหินปูนที่อยู่ด้านหลังบริเวณน้ำตกประมาณ 50 เมตร แหล่งต้นน้ำนี้เป็นโพรงถ้ำในเทือกเขาหินปูนที่ทอดยาว และ เป็นหน้าผาสูงชัน น้ำที่ไหลออกมาจากถ้ำในภูเขาไหลลาดไปตามพื้นหินลาดเอียง แล้วไหลตกลงเป็นน้ำตกสูงประมาณ 5 เมตร พื้นหินที่น้ำไหลผ่านมีการพอกพูนของสารแคลเซียมคาร์บอเนตเป็นปูนน้ำจืดเคลือบพื้นผิวโขดหินโค้งมน สามารถเดินผ่านไปโดยไม่ลื่น สะดวกสบายมีถนนเข้าถึงจุดน้ำตก มีร้านค้าสะดวกสบาย นักท่องเที่ยวที่ใช้เส้นทาง สตูล – ตรัง สามารถแวะมาท่องเที่ยวพักผ่อนได้ทุกวันCr.http://www.satun-geopark.com/
ชมวิดีโอได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=l0nMJaINVBc
ท่าเทียบเรือบ้านท่าอ้อย (Ban Tha Oil Pier) ท่าเทียบเรือบ้านท่าอ้อยเป็นท่าเทียบเรือประมง ที่ได้รับการพัฒนาเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจมีสนามเด็กเล่น อาคารริมน้ำเพื่อการชมทิวทัศน์ จุดถ่ายภาพ ชมวิวพระอาทิตย์ยามเช้าและพระอาทิตย์ตกในยามเย็นและ อากาศบริสุทธิ์ รายล้อมด้วยป่าชายเลนที่สมบูรณ์ และยังเป็นท่าเทียบเรือสำหรับนักท่องเที่ยวที่พายเรือลอดถ้ำเล สเตโกดอน บางช่วงเวลาก็มีชาวประมงนำสินค้าทางประมงมาวางจำหน่ายแก่นักท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้
เป็นแหล่งเรียนรู้การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน การผสมเกษรของเมล่อน ผลไม้ที่ทำรายได้ให้แก่เจ้าของสวนแห่งนี้ ซึ่งเป็นวิธีการใหม่ในการปลูกพืช โดยเฉพาะการปลูกผักและพืชที่ใช้เป็นอาหาร เนื่องจากประหยัดพื้นที่ และไม่ปนเปื้อนกับสารเคมีต่างๆในดิน ทำให้ได้พืชผักที่สะอาดเป็นอาหาร การปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์ด้วยการปลูกที่ไม่ใช้ดิน จึงทำให้พืชไม่มีโรคที่เกิดในดิน ไม่มีวัชพืชและไม่ต้องจัดการดิน และยังสามารถปลูกพืชใกล้กันมากได้และยังมีร้านกาแฟ
บรรยากาศหน้านั่ง เมนูแนะนำ เมล่อนนมสด
จากความชอบและหลงเสน่ห์หม้อข้าวหม้อแกงลิงของบังวรวิช ควนข้อง ศึกษาหาความรู้ขั้นตอนการเพาะปลูกพันธ์ุไม้ชนิดนี้ที่มีความสามารถเปลี่ยนใบเป็นกรวยจอกเพื่อดักจับแมลงและมีรูปทรงสวยงามแตกต่างกันไปตามแต่ละสายพันธุ์ และมีการเพาะขยายพันธุ์มากขึ้นเรื่อยๆ จึงเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้และอนุรักษ์ในที่เดียวกัน
พิพิธภัณฑ์ ช้างดึกดำบรรพ์ทุ่งหว้า พิพิธภัณฑ์เป็นที่รวบรวมซากดึกดำบรรพ์ที่ขุดพบในพื้นที่ เช่น ชิ้นส่วนของกรามช้างสเตโกดอน, กรามของแรด, ขวานหินโบราณ ซึ่งถือได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ทางธรณีวิทยาและเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญของอีกแห่ง ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ของ อบต.ทุ่งหว้า และอยู่ตรงข้ามกับที่ว่าการอำเภอทุ่งหว้า ที่นี่เป็นที่เก็บรักษาฟอสซิลที่พบในท้องที่ อ.ทุ่งหว้า และใน จ.สตูล เปิดให้ชมฟรี ทุกวันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา08.30 – 16.30 น. ณ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งหว้า
บ้านท่าข้ามควาย เป็นหมู่บ้านเล็ก มาล่องเรือลงเที่ยวหอสี่หลังชมตะวันลับ เครื่องจามชามจีนโบราณ แลสันหลังมังกร ให้อาหารเหยี่ยวแดง ทานอาหารบ้านๆวิถีชุมชน ชมพิพิธภัณฑ์ของโบราณบ้านท่าข้ามควาย แล“ระบำค้างคาว” จากไปให้คิดถึง จากน้องๆเยาวชน FB.บ้านท่าข้ามควายการท่องเที่ยวและศูนย์เรียนรู้ บ้านท่าข้ามควาย
0993929256,0874792904,0958689704 ติดต่อการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านท่าข้ามควาย
ส่งหัวใจและแชร์ทริปนี้เพื่อเป็นกำลังใจแก่เจ้าของบทความ