อยากหาความเงียบสงบ เที่ยวใกล้ ๆ ไปแบบชิลล์ ๆ มาเที่ยวสังขละบุรี 3 วัน 2 คืนสัมผัสวิถีชีวิตล่าแสงแรกของสะพานมอญกับแก๊งเพื่อนรู้ใจ ถ้าพร้อมแล้ว ไปลุยกันเลย!
สรุปทริปเที่ยวสังขละบุรี 3 วัน 2 คืน
Day 1 ขับรถจากกรุงเทพฯ - สังขละบุรี - นอนแพซองกาเรียน้อย
Day 2 ดูแสงแรกที่สะพานมอญ - ชมวิถีชีวิตชาวมอญ
Day 3 ล่องเรือเที่ยววัดใต้น้ำ - ไหว้พระวัดสมเด็จ - กลับกรุงเทพฯ
วิธีการเดินทางกรุงเทพฯ - สังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
รถยนต์ส่วนตัว
ระยะทางจากกรุงเทพฯ - สังขละบุรีอยู่ที่ 339.2 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงกว่า เราขับรถออกจากรุงเทพฯ ไปยังนครปฐมโดยใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) จากนั้นขับตามทางหลวงหมายเลข 323 ไปยัง อำเภอเมือง กาญจนบุรี ถึงสี่แยกแก่งเสี้ยนเลี้ยวซ้ายไปยังทางอำเภอไทรโยก ก่อนเข้าตัวอำเภอทองผาภูมิจะเจอสามแยกไฟแดง 3 บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 199 - 200 บนถนนหมายเลข 323 ให้เลี้ยวขวาไปยังอำเภอสังขละบุรี ตรงไปก็จะถึงสะพานมอญ อำเภอเมืองสังขละบุรี
ขนส่งมวลชน
จากหมอชิตใหม่ ขึ้นรถ บขส.999 กรุงเทพฯ - ด่านเจดีย์สามองค์ไปลงที่อำเภอสังขละบุรี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 - 7 ชั่วโมง
1ชิลล์ริมน้ำ นอนแพซองกาเรียน้อย
หลังจากขับรถได้ 5 ชั่วโมง พวกเราก็มาถึงสังขละบุรี มาเที่ยวสังขละบุรีทั้งที ไม่นอนแพถือว่ามาไม่ถึงนะครับ ครั้งนี้เราเลือก แพซองกาเรียน้อย เป็นที่พักสำหรับการท่องเที่ยวในครั้งนี้
แพซองกาเรียน้อย เป็นแพลอยน้ำที่เราจะได้สัมผัสธรรมชาติอย่างแท้จริง เห็นวิวสะพานมอญใกล้ ๆ โดยไม่มีสิ่งใดมาบดบังทัศนียภาพ มีบ้านพักหลายแบบให้เลือก นอกจากนี้ ยังมีบริการล่องเรือชมวิวในลำน้ำอีกด้วย
สำหรับแพลุงบุญที่เรามาพัก ราคาเริ่มต้นคืนละ 600 บาท สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 034-595396, 081-2949308 ครับ
2ดูแสงแรกที่สะพานมอญ
สะพานมอญ สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย เป็นสะพานที่ใช้สัญจรไปมาของชาวมอญและชาวไทยที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ และเป็นจุดท่องเที่ยวกาญจนบุรีที่มีชื่อเสียง
ความตั้งใจของเราที่มาถึงที่สังขละบุรีคือ สัมผัสแสงแรกของสะพานมอญให้ได้นั่นเอง เราจึงตั้งนาฬิากาปลุกกันตั้งแต่ ตีสี่ครึ่ง เพื่อรอคอยแสงอาทิตย์ของเช้าวันใหม่ แล้วเราก็ไม่ผิดหวังกับสิ่งที่เรารอคอย หมอกจาง ๆ ปะทะอากาศหนาวเย็นจนเป่าปากออกมาเป็นไอ พร้อมกับแสงอาทิตย์สีทองที่ค่อย ๆ ขึ้นมา เป็นภาพที่น่าประทับใจมาก
3สัมผัสวิถีชีวิตชาวมอญ รับประทานอาหารเช้า ดูของฝาก
อีกหนึ่งสเน่ห์ของที่นี่คือการได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวมอญ ชาวบ้านใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ไม่เร่งรีบ โดยส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพ เช่น การทำเกษตร ปลูกข้าว ปลูกกาแฟ ทำประมง ในปัจจุบันเมื่อสังขละบุรีกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว ชาวมอญจึงหันมาค้าขาย งานอาชีพบริการล่องเรือ เป็นการส่งเสริมอาชีพให้กับชุมชนบริเวณนี้ให้คึกคักขึ้น
หลังจากดื่มด่ำกับแสงอาทิตย์ยามเช้า เราก็ข้ามสะพานจากฝั่งไทยไปฝั่งมอญ ถึงเวลาอาหารเช้าพอดี มื้อนี้เราฝากท้องกับโจ๊กร้อน ๆ จิบกาแฟอุ่น ๆ คลายความหนาวลง
ตลอดข้างทางมีสินค้าพื้นเมืองให้เลือกซื้อกลับไปเป็นของฝากมากมาย ส่วนใหญ่เป็นของทำมือ เช่น กำไลข้อมือ สร้อยคอ กระเป๋า แก้วประจำวันเกิด
4ล่องเรือท่องเที่ยวตามลำน้ำวัดใต้น้ำ
วันสุดท้ายก่อนกลับกรุงเทพฯ อีกสิ่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้ถ้ามาเที่ยวสังขละบุรีคือการล่องเรือเที่ยวแม่น้ำซองกาเรียนั่นเอง เราสามารถแจ้งให้ท่องเที่ยวเรือมารับถึงที่พัก หรือเดินไปขึ้นบริเวณเชิงสะพานมอญก็ได้ โดยใช้เวลาต่อเที่ยว ไป-กลับ ประมาณ 45 นาที
จุดแรกที่เราไปคือ วัดใต้น้ำ หรือวัดวังก์วิเวการาม ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยว Unseen Thailand จากการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์ (เขื่อนเขาแหลม) ทำให้พื้นที่บริเวณนี้จมอยู่ใต้น้ำทั้งหมด รวมถึงซากศาสนสถานต่าง ๆ ที่ตั้งของวัดนี้ อยู่ในบริเวณเนินที่มีแม่น้ำสามสายมาบรรจบกันเรียกว่า สามประสบโชคดีที่เราไปช่วงน้ำลงพอดี เลยสามารถเดินลงไปเยี่ยมชมเมืองบาดาลแห่งนี้ได้
หลังจากไปวัดใต้น้ำ เราก็นั่งเรือไปต่อที่วัดสมเด็จ วัดสมเด็จตั้งอยู่บนเนินเขา ตรงข้ามกับวัดใต้น้ำ ลงเรือแล้วเดินฝั่งไปอีกเล็กน้อย ก็จะเจอวัดแห่งนี้
วัดสมเด็จเป็นวัดที่ไม่ได้จมน้ำ แต่ถูกทิ้งร้างไปหลังจากที่สร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์ อุโบสถของวัดสมเด็จมีพระประธานสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ ภายนอกโบสถ์มีต้นไทรใหญ่แผ่ปกคลุมดูมีมนต์ขลัง เมื่อเข้ามาในตัวอุโบสถก็มาสักการะพระประธานเพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนกลับกรุงเทพฯ
สรุปค่าใช้จ่ายทริปเที่ยวสังขละบุรี
ค่าที่พักแพซองกาเรียน้อย (2 คืน) ราคา 600 บาท/คืน
ค่าล่องเรือท่องเที่ยวตามลำน้ำ 2-3 ที่ 600 บาท
ค่าน้ำมันไปกลับ 2,000 บาท
รวม 3,800 บาท (เฉลี่ยคนละประมาณ 1,270 บาท)
กาญจนบุรียังมีที่เที่ยวดี ๆ รอให้เพื่อน ๆ ไปสัมผัสอีกมาก หากเที่ยวสังขละบุรีแล้วอยากไปนอนแพที่อื่นต่ออีกละก็ ตามไปดูที่พักดี ๆ ในกาญจนบุรีที่นี่ได้เลย หรืออยากเที่ยวผ่อนคลาย Slow Life อีก ขับรถกลับมาทางกาญจนบุรี ก็ยังมีที่เที่ยว ที่กินอีกมากมายให้เราได้ไปตาม กับ 32 ที่เที่ยวกาญจนบุรี เที่ยวไม่หมดไม่กลับบ้าน สุดท้าย ! กดไลค์แฟนเพจ Wongnai Travel ไว้ รับรองไม่ผิดหวัง อย่าลืมติดดาวด้วยนะ แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้านะครับ