เบื่อไหม เที่ยววันเสาร์-อาทิตย์แล้วต้องเจอกับรถติด คนเยอะ คิวยาว จะไปไหนก็ไม่สะดวกเลย เราขอเปิดโลกใหม่ไปกับการไปเที่ยวจันทบุรีในวันธรรมดา อยากกินร้านดังก็เข้าไปนั่งได้เลย ไม่ต้องรอ จะถ่ายรูปที่ไหนก็ออกมาสวยราวกับสถานที่นี้เป็นของเราคนเดียว #วันธรรมดาน่าเที่ยว ขนาดนี้ เริ่มสนใจแล้วล่ะสิ ตามมาได้เลย เราจะพาไปที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ แห่งนี้เองบอกเลยว่า #Amazingไทยเท่ จริง ๆ ค่ะกับ เช็กอินที่เที่ยวจันทบุรีแบบชีวีตดี๊ดี เพราะเรามาเที่ยววันธรรมดา!
1ชุมชนริมน้ำจันทบูร
“ชุมชนริมน้ำจันทบูร” ชุมชนเก่าแก่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ชุมชนนี้ยังคงรักษาเอกลักษณ์ความสวยงามของตึกรามบ้านช่องไว้ได้เป็นอย่างดี เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในสมัยก่อน ในชุมชนมีร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านของฝากมากมาย ปัจจุบันเป็นที่เที่ยวจันทบุรียอดฮิตที่ใครมาก็ต้องไม่พลาดที่จะแวะมาชมความงามและเช็กอินกัน
2ร้านเจ๊อี๊ดริมน้ำ
มาถึงชุมชนริมน้ำจันทบูรแล้วก็ต้องลองร้านเด็ดกันหน่อย “เจ๊อี๊ด ริมน้ำ” ร้านเก่าแก่ประจำจังหวัด ที่มีเมนูอาหารทะเลสด ๆ หลากหลายให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นกุ้ง ปู ปลาหมึก และทีเด็ดเลยก็คือกั้งที่ให้เยอะ ไม่มีกั๊ก เลยทำให้ร้านเจ๊อี๊ดโด่งดังไปทั่วดินแดน และทริปนี้เรามาเที่ยวกันในวันธรรมดาเลยไม่ต้องรอคิว เข้าไปนั่งแล้วสั่งได้เลย เราสั่ง “ก๋วยเตี๋ยวต้มยำทะเล” (100 บาท) น้ำซุปรสชาติเผ็ด เปรี้ยว หวาน กลมกล่อม จัดจ้านถึงใจจนอยากสั่งชามที่สอง แต่ต้องห้ามใจไว้ก่อน เพราะทริปนี้เรายังมีที่กินจันทบุรีรออยู่อีกเยอะ
3โบสถ์อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล
ท้องอิ่มแล้วก็เที่ยวกันต่อกับ “โบสถ์อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล” โบสถ์เก่าแก่ที่อยู่คู่ชุมชนริมน้ำจันทบูรมากว่า 300 ปี ถือเป็นที่เที่ยวจันทบุรีที่เป็นสัญลักษณ์ของชุมชนที่พลาดไม่ได้เลย ตัวโบสถ์ถูกสร้างแบบสถาปัตยกรรมตะวันตก หรือเรียกว่าศิลปะแบบกอทิก ถึงแม้จะมีการรื้อสร้างใหม่และซ่อมแซมอยู่หลายครั้ง แต่โบสถ์หลังนี้ตกแต่งอย่างสวยงามทั้งภายนอกและภายใน ข้างในมีกระจกสีสเตนกลาสอายุกว่า 100 ปี ที่เป็นรูปของนักบุญต่าง ๆ ให้เราได้ชมกัน รวมไปถึงองค์พระแม่มารีประดับพลอยที่ถูกสร้างขึ้นโดยช่างสิบหมู่ด้วย สวยงามตราตรึงจริง ๆ
4จันทรโภชนา ถนนมหาราช
มาเที่ยวจันทบุรีทั้งที ต้องลองอาหารพื้นเมืองกันหน่อย แต่มากินกันแบบชาววงใน จะกินแบบธรรมดาได้ยังไง เราต้องมากินร้านเด็ดในตำนานของเมืองจันทบุรีที่เปิดมากว่า 50 ปี และการันตีความดีงามด้วยรางวัล Wongnai User’s Choice 2019 อย่าง “จันทรโภชนา” ที่มีเมนูพื้นเมืองแปลกตามากมาย ไม่ว่าจะเป็น “ลอมาจู” (300 บาท) แกงพื้นเมืองที่ใส่ไข่ มะเขือเทศ และเนื้อปลา หากินที่อื่นยากนะ ต้องที่นี่เท่านั้น หรือจะเป็น “หมูชะมวง” (120 บาท) อาหารพื้นเมืองจันทบุรีที่ทุกคนจะต้องรู้จัก เนื้อหมูนุ่ม ละลายในปาก และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ “เส้นจันท์ผัดปูนิ่ม” (100 บาท) เข้มข้นได้รสชาติของความเป็นจันทบุรีแท้ ๆ
5สวนอรุณบูรพา
มาถึงไฮไลต์ของทริปเที่ยวจันทบุรีครั้งนี้แล้ว คนรักทุเรียนขอให้มามุงตรงนี้พร้อมกันเลย เพราะเราจะพาไปต่อกันที่ “สวนอรุณบูรพา” ที่เที่ยวสวนผลไม้จันทบุรี ที่เราสามารถชี้นิ้วเลือกทุเรียนที่ชอบใจ แล้วทางสวนจะปอกให้ นั่งกินพร้อมชมวิวสวนทุเรียนได้เลย หรือถ้าอยากชมวิวสวนมากกว่านี้ ทางสวนก็มีบริการรถพาชมสวน สวนเขากว้างใหญ่มากจริง ๆ ผลไม้ก็มีเยอะมาก หลากหลายชนิด ทั้งเงาะ ทุเรียน ลองกอง มังคุด
ชมสวนกันจนจุใจแล้วก็มานั่งชิลที่คาเฟ่ชั้นบนกันดีกว่า ที่นี่ไม่ได้มีดีแค่ผลไม้สดนะ เขามีการครีเอทเมนูขนมหวานจากผลไม้ในสวนออกมาได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็น “เค้กง้อววว” (75 บาท) และ “เค้กมะปี๊ด” (95 บาท) หอม หวาน เปรี้ยว กลมกล่อมโดนใจคนรักขนมอย่างเรามาก ๆ
6Koff House Bar and Eatery
ปิดท้ายวันกันด้วยร้านอาหารริมน้ำจันทบูรสุดโรแมนติก “Koff House Bar and Eatery” ที่ตกแต่งแบบดิบ ๆ ในธีมเหมืองพลอยออกมาได้อย่างสวยงามและลงตัว มุมถ่ายรูปเพียบ จะเลือกนั่งโต๊ะด้านในฟังเพลงชิล ๆ หรือจะนั่งโต๊ะด้านนอกชมวิวแม่น้ำจันทบูรก็โรแมนติกไม่แพ้กัน
และวันนี้เราได้แขกคนพิเศษที่จะมาสร้างสรรค์เมนูอาหารแบบชาวจันทบุรีแท้ ๆ ให้ได้ทานกัน นั่นก็คือ “เชฟปิง สุรกิจ” กับเมนู “ข้าวคลุกพริกเกลือ” อาหารพื้นบ้านเมืองจันทบุรีที่เพิ่มความพิเศษด้วยอาหารทะเลอัดแน่นเต็มชาม และ “กรรเชียงปูเคลือบน้ำพริกไข่ปู” หยิบทานง่าย เข้มข้น หอม มัน เรียกได้ว่ามื้อนี้เป็นมื้อที่พิเศษสุด ๆ ไปเลย
7บ้านพักประวัติศาสตร์หลวงราชไมตรี
ที่พักจันทบุรีสำหรับคืนนี้เราเลือก “บ้านพักประวัติศาสตร์หลวงราชไมตรี” ตั้งอยู่ในชุมชนริมน้ำจันทบูร สามารถเห็นวิวแม่น้ำจากห้องพักได้เลย ตัวบ้านนี้ไม่ธรรมดานะ เพราะเป็นบ้านที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 150 ปีเลยทีเดียว ชั้นล่างของที่พักจะจัดแสดงข้าวของต่าง ๆ ที่ยังหลงเหลืออยู่ ส่วนห้องพักแต่ละห้องก็ตกแต่งแตกต่างกันไป
ตื่นเช้ามาเราก็เปิดม่านชมวิวแม่น้ำจันทบูรยามเช้าได้เลย หรือจะลงมานั่งจิบกาแฟข้างล่างก็ชิลไม่แพ้กัน อาหารเช้าของที่นี่จะเป็นอาหารพื้นบ้านง่าย ๆ อย่างก๋วยจั๊บโบราณหรือโจ๊ก ที่ทางที่พักไปซื้อมาจากตลาดในชุมชน ถือว่าได้อุดหนุนชาวบ้านในชุมชนไปในตัว ดีสุด ๆ ไปเลย
8จุดชมวิวเนินนางพญา
เริ่มต้นวันใหม่กันที่ “จุดชมวิวนางพญา” ที่เที่ยวทะเลจันทบุรี ใกล้กับหาดคุ้งวิมานและปากอ่าวคุ้งกระเบน เมื่อขึ้นไปข้างบนแล้วมองลงมา เราจะพบกับทะเลกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ภูเขาสูงใหญ่ และถนนเลียบริมทะเล ถือเป็นจุดชมวิวจันทบุรีที่สวยที่สุดเลยก็ว่าได้
นั่งรถต่อไปอีกนิดจะเจอกับ “ชุมชนบ้านหัวแหลม” หมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ ที่มีสะพานไม้ทอดยาวให้เราได้เดินชมวิวทะเล และไปสุดปลายทางที่ “เจดีย์บ้านหัวแหลม” เป็นเจดีย์กลางน้ำอายุกว่า 200 ปี ที่สร้างขึ้นเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวประมงให้มาสักการะบูชากันก่อนที่จะออกทะเล แน่นอนว่าเรามากันวันธรรมดาแบบนี้ สะพานไม้แห่งนี้เป็นของเราเพียงคนเดียวเลย
9ทุ่งโปรงทอง
ก่อนกลับกรุงเทพฯต้องแวะ “ทุ่งโปรงทอง” ที่เที่ยวระยองยอดฮิต ที่ทุกคนต้องไม่พลาดมาเช็กอิน เพราะความสวยงามของต้นโปรงจำนวนมากมายมหาศาลที่เป็นสีเขียวทอดยาวไปไกลจนไม่เห็นเส้นขอบฟ้า
หลังจากที่เราเดินชมวิวป่าชายเลนบนสะพานไม้มากันสักพัก ก็มาถึงทุ่งโปรงทอง จุดนี้ต้องหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปรัว ๆ เลย เพราะสวยงามมากจริง ๆ มาเที่ยววันธรรมดาแบบนี้ยิ่งสวยเข้าไปใหญ่ เพราะไม่มีคนสักคนเลย มีเพียงเราเท่านั้น ได้รูปสวย ๆ กลับไปเพียบ
10โจโจ้ซีฟู้ด
เดินที่ทุ่งโปรงทองจนเหนื่อย ขอแวะเติมพลังที่ “โจโจ้ซีฟู้ด” ร้านอาหารทะเลระยองชื่อดัง หิวแบบนี้ต้องสั่ง “โป๊ะแตก” (280 บาท) เมนูโปรด เผ็ดร้อนจัดจ้าน แต่ยังไม่พอ เราขอเสริมทัพความแซ่บด้วย “ยำผักกระชับ” (180 บาท) แซ่บจี๊ดจ๊าดแบบคนสุขภาพดี และ “หอยตลับผัดโหระพา” (220 บาท) หอยตัวใหญ่มาก ให้เยอะ กินคนเดียวฟิน ๆ เลย
ถ้าอยาก เช็กอินที่เที่ยวจันทบุรีแบบชีวีตดี๊ดี เพราะเรามาเที่ยววันธรรมดา แบบนี้ ขับรถจากกรุงเทพฯ มาแค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้น ส่วนใครที่ไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯ ก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะ #แอร์เอเชีย มีไฟล์ทบินตรงจาก เชียงใหม่ หาดใหญ่ ภูเก็ต ขอนแก่น อุดรธานี มาถึงสนามบินอู่ตะเภาในราคาเพียงแค่ 800 - 1,500 บาท (ไปดูไฟล์ทเพิ่มเติมได้ที่ www.airasia.com) ถูกใจสายเที่ยวอย่างเรามาก ๆ ใช่ไหมล่ะแถมต่อรถอีกนิดเดียวก็ถึงจันทบุรีแล้ว เมืองน่ารัก เดินทางสะดวก เที่ยวง่าย ยิ่งวันธรรมดายิ่งเที่ยวสนุกแบบนี้ ไม่มาไม่ได้แล้ว อย่าลืมกดติดตามเพจ Wongnai Travel ไว้นะ คราวหน้าเราพาไปเที่ยวไหนจะได้ไปด้วยกันอีก
เรายังมีบทความที่กินที่เที่ยวอีกเพียบ