Wind in my hair, I feel part of everywhere
Underneath my being is a road that disappeared
Late at night I hear the trees
They're singing with the dead
Overhead
ท่อนเด็ดจากบทเพลง Guaranteed ของศิลปิน Eddie Vedder กำลังบรรเลงจาก Ipod ตัวเก่งช่วยสร้างบรรยากาศของการเดินทางได้เป็นอย่างดี ขณะที่เรานั่งชิลล์อยู่บนเรือสปีดโบ๊ตที่กำลังเดินทางจาก แหลมศอก เพื่อเดินทางเข้าเกาะกูด ขอบอกว่าการเดินทางครั้งนี้เรายังมี Special Guest อย่าง เอ้ The Voice สาวสวยสุดฮิปมาช่วยแชร์ประสบการณ์ด้วย เอ้า! พร้อมหรือยังครับไปลุยกันเลย

1เกาะยักษ์ใหญ่, เกาะยักษ์เล็ก, ดำน้ำเกาะแรด
สปีดโบ๊ตจากทางพาร์ตเนอร์ Cham’s house ออกจากท่าเรือแหลมศอกมุ่งหน้าสู่จุดแรกของการเดินทางเราใช้เวลาประมาณ 45 นาทีก็ถึง “เกาะยักษ์ใหญ่” ร่างกายของเรากำลังต้องการสัมผัสกับน้ำทะเลอย่างมาก เอ้ ไม่รอช้า! ทาครีมกันแดด สวมชูชีพ รีบโดดน้ำไปแบบรวดเร็ว ขณะที่เรายังถ่ายภาพรัว ๆ เพราะ วันที่เรามาถึงฟ้าฝนเป็นใจมาก น้ำทะเลเป็นสีเขียวมรกตคล้ายอัญมณี เวลาสะท้อนกับแสงแดดนี่สวยมาก ๆ ไม่ไกลกันก็จะมี “เกาะยักษ์เล็ก” ซึ่งสวยไม่แพ้กัน และอีกจุดสำคัญถัดมาก็คือ “จุดดำน้ำเกาะแรด” ที่นี่ก็น่าถ่ายรูป เพราะเจ้าหน้าที่จะนำรูปปั้นสัตว์ต่าง ๆ เช่น ช้าง ม้า วัว นำมาอนุบาลปะการังจับตัวอยู่กับรูปปั้นสวยงามแปลกตาดี



2ชมน้ำตกคลองยายกี๋
หากใครได้เดินทางมาเที่ยวถึงเกาะกูดแล้วจะต้องเข้าใจเลยว่าที่นี่ยังสมบูรณ์ไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติทั้งน้ำตก และทะเลมีให้เที่ยวครบ “น้ำตกคลองยายกี๋” เป็นอีกหนึ่งที่ขึ้นชื่อ การเดินทางไม่ลำบากนัก เราจอดรถได้ตรงจุดจอดทางเข้า พอเข้ามามีช่วงทางชันนิดหน่อย เดินไม่นานก็จะพบกับตัวน้ำตกที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติ น้ำเย็นใสสะอาด และไม่ลึกจนเกินไป แต่น่าเสียดายช่วงที่เรามาถึงน้ำน้อยไปนิด โดยช่วงที่น้ำตกเยอะและสวยที่สุดจะเป็นช่วง ตุลาคม-มกราคม ของทุกปี

3เดินเล่นหมู่บ้านชาวประมงอ่าวสลัด
นั่นแหละครับตามชื่อว่า “อ่าวสลัด” ในอดีตจุดนี้เคยเป็นจุดพักเรือของโจรสลัดที่ออกปล้นน่านน้ำในแถบนี้จนทำให้ได้ชื่อนี้มา แต่ปัจจุบันกลายเป็นหมู่บ้านชาวประมงที่ยังคงใช้วิถีชีวิตแบบดั้งเดิมอยู่ ผู้คนแถวนี้ยึดอาชีพชาวประมงเป็นหลัก หากเราอยากช๊อปปิ้งอาหารทะเลสด ๆ ที่นี่มีให้พร้อม! เพราะอ่าวสลัดเป็นแหล่งขายอาหารทะเลแหล่งใหญ่ของเกาะกูดอีกด้วย

4อลังการ ต้นมะค่ายักษ์, ต้นไทรยักษ์
จากนั้นพวกเราก็นั่งรถต่อมาอีกจุดท่องเที่ยวหลักของเกาะกูดที่ต้องมาชมให้ได้ จุดแรกคือ “ต้นมะค่ายักษ์” เดินเท้าต่อไม่ทันเหนื่อย ก็จะพบกับความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ เห็นครั้งแรกก็อึ้งในความใหญ่จริง ๆ ครับ สังเกตด้วยตาจากเส้นรอบวงของต้นแล้วน่าจะมากกว่า 500 ปีเป็นอย่างน้อย นั่งรถต่อมาไม่ไกลกันก็จะพบกับจุดที่สอง “ต้นไทรยักษ์” เป็นต้นไทรป่าต้นมหึมายืนตระหง่านอยู่กลางดงไพร อายุน่าจะราว ๆ 500 ปีเช่นเดียวกัน


5ชิลล์ที่น้ำตกคลองเจ้า
“น้ำตกคลองเจ้า” เรียกได้ว่าเป็นทั้งน้ำตกประวัติศาตร์และสัญลักษณ์ของเกาะกูดเลยทีเดียว ลักษณะเป็นน้ำตกขนาดกลางที่มี 3 ชั้น ด้านบนเป็นธาร ด้านล่างสุดเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ โอบล้อมด้วยพรรณไม้นานาชนิด น้ำใสเย็นสบาย ที่สำคัญน้ำเยอะเล่นน้ำได้ตลอดทั้งปีครับ เป็นสถานที่สุดฮอตจนถึงกับมีคำว่า “หากมาเกาะกูดยังไม่มาน้ำตกคลองเจ้า ถือว่ายังไม่ถึงเกาะกูด”

6ชายหาดคลองเจ้า
“หาดคลองเจ้า” ถือว่าเป็นหนึ่งในหาดที่มีชื่อเสียงอย่างมากในเกาะกูด เหมาะแก่การทั้งเดินซึมซับบรรยากาศหรือนั่งเล่น เป็นหาดทรายยาวราว 600 เมตร น้ำสวยใส ทรายนุ่มละเอียด สามารถชมพระอาทิตย์ตกได้ที่หาดนี้เช่นกัน

7ผ่อนคลายที่ Cham’s House
หลังจากลุยกิจกรรมมาทั้งวันแล้วเราเข้าเช็กอินที่ Cham’s House หรือ จามส์เฮาส์ ตั้งอยู่ที่หาดคลองหินทางด้านฝั่งตะวันตกของเกาะกูด ก้าวแรกที่เข้ามาถึงเราก็ดับกระหายด้วยเวลคัมดริงก์ชื่นใจเป็นน้ำมิ๊นต์โซดา ฮ้า~


ชื่อ “จามส์เฮาส์” มาจากที่มาจากคำว่า “จามส์” เป็นบรรพบุรุษชาว เวียดนาม-เขมร ที่เคยมาตั้งรกรากในที่แถบนี้มีอาชีพหลักคือทำผ้าไหมกับปลูกข้าว ทำให้บรรดาป้ายชื่อโซนต่าง ๆ ในโรงแรมมีคอนเซปต์มาจากชาวจามส์ อย่างเช่น สระว่ายน้ำโคคูน นอกจากนี้ทางโรงแรมจะมี Happy Hour ทุกวันจะในช่วง 16:00-17:00 น. ฟรีค็อกเทล ม็อกเทล รวมถึงซอฟต์ดริงก์ ทุกอย่าง! ย้ำว่าทุกอย่างนะครับ เปรมจริง ๆ



ความฟินไม่จบเท่านี้ เพราะในห้องมีมินิบาร์ฟรีตลอดการเข้าพัก! ถ้าหมดแล้ว ในวันรุ่งขึ้นสตาฟฟ์ก็จะนำมาเติมให้ ถูกใจโก๋สุด ๆ ห้องพักจะมีโซนบ้านและโซนตึก รอบนี้เราเลือกแบบบ้านบีชฟรอนต์ที่มีเพียง 3 หลัง มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมสรรพ ทั้งสระว่ายน้ำ จากุซซี ส่วนตัวให้เราได้พักผ่อนกันแบบเต็มที่


8กินอาหารริมหาดสุดโรแมนติก
หลังจากกรึ่ม ๆ กับเครื่องดื่มพอให้ท้องหิว มื้อเย็นของวันนี้เราก็ได้มาดื่มด่ำพระอาทิตย์ตกพร้อมทั้งกินอาหารริมหาดทรายภายใต้แสงเทียนสุดโรแมนติก “Romantic candle light” (1,900 บาท / 1ท่าน) ซึ่งเป็นแพกเกจของทาง จามส์เฮาส์ เป็นคอร์สเมนูที่เชฟได้เลือกสรรวัตถุดิบตามฤดูกาล แต่วันนี้ทางเชฟจัดให้เราได้ลองหลาย ๆ เมนูที่ไม่ได้อยู่ในคอร์สอย่าง “ไก่อบลิ้นจี่ซอสแกงเผ็ด” (250 บาท) ที่พอตักกินพร้อมกัน รสชาติของลิ้นจี่กับไก่อบเข้ากันเป็นอย่างดี หรือ “กุ้งทอดซอสมะขาม” (380 บาท) รสชาติกลมกล่อมเปรี้ยวหวานกุ้งกรุบกรอบกินได้ทั้วตัว “เส้นจันท์ผัดปูนิ่ม” (290 บาท) รสชาติจัดจ้าน โดยเชฟบอกว่าอาหารที่นี่จะเน้นวัตถุดิบที่สด มีคุณภาพ และจริงจังเรื่องการคัดทุกวัตถุดิบครับ




9โยคะริมหาด
เป็นอีกกิจกรรมของทางโรงแรม ถ้าเป็นแขกที่พักกับทางโรงแรมราคาจะอยู่ที่ 200 บาท แขกนอก 400 บาท มี 4 รอบต่อวันรับได้ 20 คนต่อ 1 รอบเป็นสอนโยคะเบื้องต้น แต่ถ้าคนไหนที่มีสกิลล์อยู่แล้วสามารถติดต่อเป็น ไพรเวตคลาสได้ จะสอนระดับแอดวานซ์ขึ้น คิดคลาสละ 800 บาท เป็นกิจกรรมยืดเส้นสายยามเช้าช่วยให้พร้อมรับกับวันใหม่อย่างสดชื่น



10แคมป์ปิงบนผืนทราย
มาพักที่จามส์ เฮาส์ รอบเดียวได้ทำกิจกรรมดี ๆ ของทางโรงแรมทั้งหมดเลยในคราวเดียว “Cham’s house romantic beach picnic” เป็นกิจกรรมชิค ๆ จะเป็นการกินอาหารที่เต็นท์ริมหาดที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้ เหมาะสำหรับการถ่ายรูปอวดบรรดาเพื่อนฝูงให้อิจฉากัน จะมีเมนูอาหารเตรียมไว้ให้ตามแพกเกจที่เราเลือก ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1,800 บาท มีเวลา 3 ชม. แต่มีเฉพาะวันอาทิตย์เท่านั้นนะครับ



11พายคายักแบบใส เล่นเเพดเดิลบอร์ด
“หาดคลองหิน” ก็ถือเป็นอีกหาดที่ขึ้นชื่อเรื่อง สวยใส ของเกาะกูด โรงแรมก็ยังมีทั้งคายักแบบใสมองทะลุเห็นปลาแหวกว่ายในเวลาเดียวกันกับที่เราพายคายัก หรือใครจะฝึกการทรงตัวก็มีแพดเดิลบอร์ดให้ได้ลองฝึกกันถึงจะล้มแต่ก็สนุกไม่เบื่อเลยล่ะ


12รีแลกซ์ด้วยสปาอโรมา
หลังจากกิจกรรมใช้แรงเยอะ ๆ ก็มีที่ให้รีเฟรชพลังงานอย่าง “Weave Spa” ที่มีการนวดทั้งแบบไทยโบราณหรือแบบอโรมา ให้เราได้พักด้วยการนวดผ่อนคลายโดยการใช้สมุนไพรต่าง ๆ และน้ำมันมะพร้าวที่เป็นจุดขายของที่นี่ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1,000 บาท



การเดินทาง
พวกเราใช้ตัวช่วยในการเดินทางที่แสนสะดวกสบายในครั้งนี้ด้วยการเช่ารถ Toyota Fortuner จาก Chic Car Rent ที่จุดรับรถสาธรซึ่งใกล้บ้านเราเป็นอย่างมาก แถมตอนนี้ยังมีถึง 4 สาขาในกรุงเทพฯ และยังกระจายอยู่ทุกภูมิภาคทั้งประเทศอีกต่างหาก


ใช้เวลาขับรถประมาณเกือบ 4 ชม. เพื่อเข้าสู่จังหวัดตราด ท่าเรือแหลมศอกเพื่อนั่งเรือเฟอร์รี่ตรงต่อไปยังเกาะกูดได้เลย มีรอบ 10:00, 12:00, 14:00 สามรอบต่อวัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1:30 ชม. ก็จะถึงท่าเรืออ่าวสลัดเกาะกูด หากใครนำรถส่วนตัวมา ก็มีที่ฝากรถทางฝั่งแหลมศอก ค่าที่จอดคืนละ 50 บาท เท่านั้น
สรุปค่าใช้จ่าย เที่ยวเกาะกูด 3 วัน 2 คืน
ค่าน้ำมัน 1,700 บาท
ค่าที่พัก (ราคาเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล) 4,500 บาท
ค่าอาหาร 4,500 บาท
ค่าดำน้ำครึ่งวัน 800 บาท
ค่าทัวร์รอบเกาะ 2,800 บาท
ค่าโยคะ 200 บาท
รวมทั้งหมด 14,500 บาท


อ่านจนจนกันแล้ว เป็นยังไงบ้างคะ ? พักผ่อนอย่างเต็มที่โดยใช้เวลาแค่ 3 วัน 2 คืน แถมใกล้กรุงเทพฯ แค่นี้เอง ได้ทริปเที่ยวทะเลฝั่งอ่าวไทยง่าย ๆ แล้ว ใครสนใจ คู่มือเที่ยวเกาะกูด กิน-เที่ยว-พักที่ไหน? อ่านได้จบ ครบในที่เดียว! เตรียมไว้กันก่อนไปเที่ยว หรือใครจะลองไปสัมผัสทะเลสวยฝั่งอันดามันอย่างทริประนอง 3 วัน 2 คืนพวกเรา Wongnai Travel ก็มีให้ได้ไปเที่ยวตามกันครับผมมม!