“Ohayou Gozaimasu” สวัสดียามเช้าครับ! จากกระผมล่ามทรงนายฮ้อย ไม่ต้องแปลกใจไปไยที่กระผมทำเก๋ ทักทายด้วยภาษาญี่ปุ่น เพราะวันนี้กระผมจะพาทุกท่านเข้ามาสู่สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของคนไทยอย่างประเทศญี่ปุ่นนั่นเองงง~ และความพิเศษของการมาเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้ กระผมได้ล่องใต้เข้าสู่ทริปเที่ยวเกาะคิวชู (Kyushu) ฝั่งตกวันตก สู่เมืองที่มีความน่าสนใจที่งดงามไปทั้งวัฒนธรรมและธรรมชาติอย่างจังหวัด “ซากะ” (Saga) มั่นใจกันได้เลยครับมากับกระผมล่ามทรงนายฮ้อย ไม่ผิดหวังงง~

ข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงสนามบินฟุกุโอกะ สนามบินหลักในภูมิภาคคิวชู แต่จุดหมายของกระผมในครั้งนี้ยังไม่ใช่ที่นี่ กระผมเลยต้องออกทะยานเพื่อเดินทางต่อ เป้าหมายของกระผมคือการจะไปเที่ยวซากะ ต้องใช้เวลาเดินทางจากที่สนามบินคิวชูอีกประมาณ 1 ชม. ทั้งทางรถไฟหรือรถยนต์ก็ตามแต่ หลังจากถึง จ.ซากะ เมืองคารัตสึ แล้วก็เริ่มร่อนต่อไม่รอให้เสียเวลา
Day 1 : Karatsu
Nanatsugama Cave
“Nanatsugama Cave“ มาขึ้นเรืออิกะมารุเป็นเรือนำเที่ยว (1,600 เยน / คน) เพื่อเดินทางไปสู่ถ้ำนานัทสึกามะ เป็นถ้ำที่หินที่รูปร่างแปลกตาแต่กลับดูงดงาม สาเหตุที่ถ้ำเป็นรูปร่างแปลก ๆ ก็มาจากลมกับทะเลที่กัดเซาะจนเป็นรูปร่างแบบนี้ หากคิดภาพไม่ออกก็จินตนาการถึงผลึกคริปโตไนท์ที่ Superman กลัวนั่นแหละครับแต่เป็นสีดำ บริเวณอ่าวนี้ก็ยังขึ้นชื่อเรื่องปลาหมึกสด ๆ มากมาย จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ชื่อเรือ อิกะมารุ ที่เรานั่งด้วยครับ (อิกะ แปลว่า ปลาหมึก)



Hado Cape
กระผมมาต่อที่ “Hado Cape” ถูกเรียกเป็นหนึ่งในที่ศักดิ์สิทธิ์เรื่องความรัก (Heart ออกเสียงสำเนียงญี่ปุ่นว่า ฮาโดะ) มีอนุสรณ์หัวใจเกลียวคลื่นสีขาวที่เป็นจุดถ่ายรูปที่โด่งดัง



และยังมีอควาเรียมขนาดเล็ก (ค่าเข้า 560 เยน / คน) ที่สามารถเดินเข้าไปชมความงดงามกับปลาใต้น้ำที่อยู่ในธรรมชาติ ย้ำว่าเป็นธรรมชาติจริง ๆ ไม่เหมือนในอควาเรียมที่เราเคยไปตามที่ต่าง ๆ แน่นอน! เพราะสัตว์น้ำที่เห็นคือสัตว์น้ำที่แหวกว่ายในมหาสมุทรจริง ๆ ไม่มีที่กั้นแต่อย่างใด

Iroha Hotel
จากที่ได้ยินมาว่าที่เมืองนี้โด่งดังมากในเรื่องปลาหมึกใจก็นึกอยากจะลองกิน กระผมมาต่อห้องอาหารที่ “Iroha Hotel” เพื่อมาจัด Lunch Set (ราคาเริ่มต้นที่ 2,570 เยน) มีซาชิมิปลาหมึกสด ๆ อย่าง “Ikaikizukuri” สดจนขนาดที่ว่าเซลล์ผิวของปลาหมึกที่เห็นตอนเสิร์ฟนั้นยังเปล่งสีผิวเป็นกราฟฟิกระยิบระยับอยู่เลยครับ และในเซตเมนูที่เราเลือกกินนั้นก็ยังมีทั้งปูวาตาริ กับเนื้อซากะ ให้ได้กินกันจนหายอยากเลยทีเดียวครับ



Karatsu Burger
ว่าจะอิ่มสักหน่อย คุณไกด์ใจดีเพื่อนซี้คู่ใจของล่ามทรงนายฮ้อยในทริปนี้นาม สุมิซัง ช่วงนี้ก็เรียกกระผมว่า “ล่ามทรงสุมิ” แทนละกันครับ <3 คุณสุมิบอก “ยังอิ่มม่ายด้าย มีบาก้าให้กินอี้กกก” เลยพามากินต่อกันที่ “Karatsu Burger” Foodtruck ชื่อดังของเมืองคารัตสึลิ้มลองเมนู “Special Burger” (490 เยน) เบอร์เกอร์ราคาประหยัดที่มีทั้ง แฮม ไข่ ชีส ล่ามทรงที่เคยลองชิมอาหารมาหลากหลายที่ ยังต้องซูฮกให้กับที่นี่เลย.. เพราะทำตกก่อนจะกิน ถรุ้ย! เพราะขนมปังกับน้ำซอสเข้ากันกับตัวไส้ได้อย่างดีเยี่ยมไปเลย ”Coffee Ice/Hot” (220 เยน) กาแฟดริปที่มีให้เลือกทั้งเย็นและร้อน มานั่งดื่มกาแฟชมป่าสนดำ “Niji no Matsubara” ในบริเวณนี้ได้ชิลล์ ๆ





Mountain Kagami
จุดชมวิวสำคัญของเมืองคารัตสึ “Mountain Kagami” เห็นวิว 180 องศา รอบเมืองคารัตสึ จะเห็นได้เลยว่าผังเมืองของประเทศญี่ปุ่นนี้เป็นระเบียบเรียบร้อยจริง ๆ ความพิเศษของเมืองคารัตสึจะแบ่งโซนชัดเจนเลยว่าส่วนไหนเป็น ทะเล ต้นไม้ เมือง แถมจุดชมวิวนี้ก็เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่งดงามมากจริง ๆ


Naginoto
ยามค่ำคืนอันเหนื่อยล้าจากการเดินทาง สวรรค์ของการผ่อนคลายคือการได้แช่ออนเซ็น “Naginoto” เรียวกังสุดหรูริมทะเล กระผมได้กินมื้อค่ำไคเซกิสุดหรูในค่ำคืนนี้ มีเมนู “Q-Saba” มีความพิเศษตรงที่มหาวิทยาลัยคิวชูได้ร่วมวิจัยกับเมืองคารัตสึจนได้เป็นปลาซาบะสายพันธ์ุนี้

บอกเลยว่าถ้านำมาทำเป็นซาชิมิกินนี้ละลายในปากเลยยย~ อิ่มเสร็จก็ลงออนเซ็นต่อ ออนเซ็นของที่ “Naginoto” โด่งดังเรื่องบำรุงสุขภาพผิวและมีแร่ธาตุของเกลือ จบค่ำคืนเเรกได้อย่างประทับใจแต่นี่แค่คืนแรกเอง ความสนุกยังไม่จบไปกันต่อครับ!


Day 2 : Imari-Arita-Takeo
Okawachiyama Village
“Okawachiyama Village” หมู่บ้านที่มีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ของญี่ปุ่นในเรื่องการทำเซรามิกที่มีประวัติการผลิตมากว่า 300 ปี ที่ตั้งของหมู่บ้านอยู่ใจกลางภูเขาล้อมรอบ ภายในหมู่บ้านเราก็ยังสังเกตเห็นปล่องไฟที่ในอดีตเคยใช้เผาเครื่องเซรามิก



และใจกลางหมู่บ้านก็ยังมีจุดที่พี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ เคยมาถ่ายทำละครเรื่อง กลกิโมโน ด้วยครับ และกระผมก็ยังได้ลอง Workshop ปั้นเครื่องเซรามิก (เริ่มต้นที่ 3,000 เยน) ที่ร้าน “Oshugama” ใครทำไม่เป็นก็ไม่ต้องห่วงเพราะมีอาจารย์มาแนะนำอย่างใกล้ชิดเลยล่ะ


Gallery Arita
ร้าน “Gallery Arita” ร้านดังใจกลางเมืองอาริตะ ภายในร้านถูกตกแต่งเก๋ ๆ เต็มไปด้วยถ้วยเซรามิกกว่า 2,000 ลวดลาย สามารถเลือกนำมาเป็นภาชนะมาใส่เครื่องดื่มร้อนของเรา แล้วเอามากินคู่กับ “Oven Baked Imari Beef Curry” (1,500 เยน) เนื้อวัวอิมารินำมาอบกับแกงกะหรี่โปะด้วยไข่กับชีส ยิ่งกินยิ่งฟิน ตบด้วยชาร้อนในถ้วยสวยที่เลือกเอง ถูกใจล่ามทรงจริง ๆ ครับมื้อนี้


Keishuen
มาเดินย่อยพร้อมเรียนรู้วิธีการชงชาแบบญี่ปุ่นที่ “Keishuen” บริเวณโดยรอบเป็นสวนญี่ปุ่นที่ถูกออกแบบมาอย่างลงตัว บรรยากาศสดชื่น มีต้นบ๊วยที่ออกดอกช่วงนี้พอดี งดงามสะดุดตา กระผมเดินมาทดลองการชงชาแบบญี่ปุ่นที่บ้านไม้ในสวนซึ่งเป็นที่ตั้งของ “Keishuen” ภายในบ้านสไตล์ญี่ปุ่นพร้อมลองชงชาในวิถีแห่งเซน ช่วยทำให้จิตใจสงบได้อย่างไม่น่าเชื่อ



Takeo City Library
“Takeo City Library” ห้องสมุดขนาดใหญ่ที่มีหนังสือกว่า 200,000 เล่ม ด้านในก็ยังโดดเด่นทั้งการออกแบบทันสมัย มีหลายโซนให้ได้เลือกนั่งอ่านหนังสือมากมายหลากหลายภาษา และประเภท มีทั้งหนังสือเก่า - ใหม่ให้ได้เลือกอ่านกัน สำหรับคนหล่อและมีความรู้อย่างผมล่ามทรงนายฮ้อย ก็สามารถใช้เวลากับห้องสมุดทาเคโอะนี้ได้ทั้งวัน



Sagaya
อิ่มความรู้ ก็ต้องอิ่มท้องด้วย “Sagaya” ร้านยากินิกุที่เสิร์ฟเนื้อพรีเมียมระดับ A5 (เนื้อซากะหากเป็นเกรด A1 - A3 เรียกว่า Beef from Saga หากเป็น A4, A5 จะเรียกว่า Saga Beef) กระผมเลยจัดมา 1 Set (4,480 เยน) ที่มีทั้งเนื้อ A5 และเนื้อรวมด้วยอีกจาน เสิร์ฟพร้อมผักต่าง ๆ คู่กับเครื่องเคียงมากมาย ชุดเดียวอิ่มแน่นอนนน~ และกระผมล่ามทรงที่ผ่านสงครามอาหารมาหลากหลายจาน เจอเนื้อ A5 เข้าไปก็น้ำตาแทบร่วงเพราะรสชาติอันลึกล้ำเนื้อขั้นสูงเป็นแบบนี้ นี่เองงง!



Central Takeo Hotel
ค่ำคืนที่ 2 กระผมเลือกพักที่ “Central Takeo Hotel” โรงแรมโลเคชั่นดีใจกลางเมืองทาเคโอะ ติดรถไฟสถานี “Takeo Onsen Staion” แค่เพียงปลายจมูกแบบปลายจมูกของจริง เรียกได้ว่านับก้าวเดินไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว ส่วนด้านบนของโรงแรมก็มีออนเซ็นที่น่าจะถูกใจสาว ๆ เพราะโด่งดังเรื่องทำให้ผิวพรรณชุ่มช่ำ เพิ่มความเปล่งปลั่ง ที่สำคัญก็ยังเหมาะกับกระผม ล่ามทรงหล่อใสที่สุด~


Day 3 : Takeo-Ureshino-Kashima-Tara
Takeo Shrine
เช้าวันที่ 3 ของกระผมนี้ เราก็เดินทางมายัง “Takeo Shrine” ศาลเจ้าสีขาวโด่งดังเกี่ยวกับความรักแม้แต่คนญี่ปุ่นเองยังเดินทางมาไหว้ขอพรเรื่องความรัก ระหว่างทางเข้ามีต้นไม้สองต้นที่ลำต้นประสานกัน จึงเปรียบเสมือนสายสัมพันธ์ของคู่รักที่ค้ำชูกัน และที่สำคัญด้านหลังของศาลเจ้ามีต้นไม้ขนาดใหญ่ ที่คาดว่ามีอายุกว่า 3,000 ปี เป็นต้นไม้ที่ให้แรงบันดาลใจกับ คุณฮายาโอะ มิยาซากิ ในเรื่อง My Neighbor Tororo ของ Studio Ghibli อีกด้วย




Suisha Tofu Hotpot
อากาศวันนี้ค่อนข้างเย็นเป็นพิเศษ สุมิซัง ไกด์ประจำทริปเลยแนะนำว่าให้หาอะไรอุ่น ๆ กินและดีต่อสุขภาพกันเถอะ สุมิซังเลยพามาที่ร้าน “Suisha” แปลว่าเครื่องวิดน้ำในภาษาญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของร้านนี้ เมนูที่กระผมสั่งกินก็เป็นเมนูเด็ดของร้าน “Yodofu Gozen Signature” (1,350 เยน) สำหรับคนรักสุขภาพต้องถูกใจมากสำหรับเมนูนี้ เต้าหู้ที่เป็นวัตถุดิบเด่นที่เมืองซากะถูกทำมาเสิร์ฟในหม้อร้อน กินคู่กันกับผักต่าง ๆ เพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย สดชื่น และดีต่อสุขภาพแน่นอนครับ



Chaoshiru
หลังจากกินอิ่มเสร็จกิจกรรมก็ยังไม่หมดที่ “Chaoshiru” เป็นกึ่งพิพิธภัณฑ์และให้การเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องชา ถือว่าเป็นที่หนึ่งในประเทศที่ Expert เรื่องชามากเลยครับ และเรายังได้ทำ Workshop มัดย้อมผ้าจากชา ฟังไม่ผิดครับบ้านเราอาจจะคุ้นเคยเรื่องผ้ามัดย้อมจากคราม แต่รู้หรือไม่ว่าชาก็นำมาทำสีมัดย้อมได้ สีออกน้ำตาลอ่อนสวย กระผมก็เลยบรรเลงไปหนึ่งผืน เพื่อนำกลับไปฝากนายฮ้อยเพื่อนรักด้วย หวังว่านายฮ้อยจะซึ้งใจในความคิดถึงของกระผมในครั้งนี้ (ฮา)



Hizen Hamashuku
ที่เมืองคาชิมะ มีย่าน “Hizen Hamashuku” ที่ขึ้นชื่อในเรื่องการโรงทำสาเกจนถึงกับขนานนามว่า “ถนนแห่งโรงเหล้า” เนื่องจากน้ำย่านนี้เหมาะแก่การทำสาเกและยังบริสุทธิ์มาก ถึงขนาดที่มีแท่นน้ำบาดาลให้คนเข้าไปกินเพื่อดับกระหาย นอกจากจะแปรรูปเป็นสาเกแล้ว ขึ้นชื่อว่าญี่ปุ่นแทบทุกจุดต้องมีให้ลองกินซอฟต์ครีมที่ผลิตจากวัตถุดิบขึ้นชื่อของเมืองนั้น ๆ ที่ “Hizen Hamashuku” ก็มีซอฟต์ครีมรสสาเก ถูกใจกระผมล่ามทรงนายฮ้อยมากกก เวรีกู้ด!



Yutoku Inari Shrine
ประเทศญี่ปุ่นถือว่าเป็นประเทศที่เทคโนโลยี วัฒนธรรม ความเชื่อ ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว “Yutoku Inari Shrine” มี Inari หรือเทพเจ้าจิ้งจอกที่ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นเทพเจ้าที่ประทานพรให้พืชผลอุดมสมบูรณ์ ศาลเจ้านี้มีอายุกว่า 300 ปีและเป็นศาลเจ้า Inari ที่ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศญี่ปุ่น กระผมล่ามทรงยังได้มีโอกาสขอพรเทพเจ้าเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต และปลอดภัยจากการเดินทาง ที่สำคัญขอให้มาประเทศญี่ปุ่นบ่อย ๆ เถอะคร้าบบบ สาธุ~



Hoyoso
จริง ๆ แล้วที่ “Hoyoso” นอกจากจะมีห้องพักที่ขึ้นชื่อแล้ว ที่นี่ก็ยังเป็นห้องอาหารอีกด้วย “Hoyoso” มีเมนูดังอย่าง “Kanimabushi” (2,700 เยน) เป็นเมนูปูที่ถูกใจกระผมมากกก ข้าวสวยร้อน ๆ ที่โปะเนื้อปูมาจนพูนจานและมีวิธีกินโดยการให้เราแยกเป็น 4 ส่วนด้วยซอสที่ต่างกันไป 1.มันปู 2.ซอสเผ็ดเกาหลี 3.น้ำส้มสายชู 4.ซุปปลา ซึ่งแต่ละซอสก็ให้รสชาติที่แตกต่างกันไปแต่ทุกซอสกระผมต้องยกนิ้วเลยว่า เวรีกู้ด! และที่เรียวกังนี้ก็มีกล้องดูดาวให้เราได้ชมหมู่ดาวต่าง ๆ ยามค่ำคืน ถือว่าเปิดหน้าประสบการณ์ใหม่เลยกับการย่อยอาหารโดยการดูดาวกลางอากาศเย็น ๆ ฟิน!



Yatomiso Ryokan
กินปู ดูดาว กันจนอิ่มใจและท้องอิ่มมาก หนังตาเริ่มจะปิด คืนนี้เรามานอนที่เรียวกัง “Yatomiso Ryokan” ถือว่าเป็นเรียวกังดั้งเดิมที่ตั้งอยู่ในเมืองนี้ มีออนเซ็นให้เรามาแช่คลายหนาวหลังจากดูดาว คืนนี้ล่ามทรงนายฮ้อยหมดแรงขอพักสักประเดี๋ยว แล้วลุยกันต่อพรุ่งนี้นะคร้าบบบ~

Day 4 : Saga-Yoshinogari-Tosu
Tenzan Ski Resort
เช้าวันใหม่ตื่นมาอย่างสดใส พลังงานเต็มประจุ สุมิซัง เห็นว่าดีดจัดไปเอาพลังงานออกหน่อยท่าจะดีเลยพามากันมาที่ลานสกี “Tenzan Ski Resort” ช่วงที่เรามาตอนนี้ใช้เป็นหิมะเทียม เหมาะสำหรับการฝึกเล่นครั้งแรกอย่างกระผมมาก หากใครไม่เคยเล่นแล้วคิดว่าไม่มีอุปกรณ์ก็ไม่ต้องกังวล แค่มาแต่ตัวก็สามารถลองเล่นได้แล้ว ที่ลานนี้มีอุปกรณ์ให้เช่าครบครันทั้ง สกี สโนว์บอร์ด หรือเด็ก ๆ จะมาเล่นลากเลื่อนหิมะก็สนุกไปอีกแบบ นอกจากนี้ยังมีครูสอนเล่นอย่างใกล้ชิด คนเก่งอย่างกระผมลองเล่นไม่นานก็พลิ้วเป็นสายลมเลย นอกจากความหล่อแล้วพรสวรรค์กระผมก็ไม่แพ้กันจริง ๆ




Kawara Soba Inaka
ร้าน “Kawara Soba Inaka” ร้านโซบะที่ถูกเสิร์ฟมาด้วย “กระเบื้องหลังคาร้อน” ย้ำว่ากระเบื้องหลังคาจริง ๆ ตอนแรกอย่างเบลอบอกเลย แต่เป็นกระเบื้องหลังคาใหม่นะจ้ะ ไม่ได้ใช้มาแล้ว เส้นโซบะจานใหญ่ที่ถูกจัดวางบนกระเบื้องหลังคาร้อนเพิ่มความกรุบ ๆ ให้เส้นโซบะโรยด้วยท็อปปิง สาหร่าย ไข่ม้วนย่างหั่นเส้น ต้นหอมญี่ปุ่น และเนื้อย่าง ซดคู่กับซุปโซบะ สูดดังจ๊วบ~ เผลอแว๊บเดียวก็หมดจานแล้ว ราคาก็สุดคุ้มอยู่ที่ 1,000 เยน เท่านั้นเอง



Yoshinogari Historical Park
เป็นพื้นที่ให้ศึกษาประวัติศาสตร์ของยุคยาโยอิ ที่เป็นชนเผ่าโบราณเคยมาตั้งรกรากอยู่ในบริเวณ “Yoshinogari Historical Park” ที่คาดคะเนว่ามีประวัติมายาวนานหลายร้อยปี มีการขุดพบเครื่องปั้นดินเผา อาวุธ กระดูกมนุษย์ เสื้อผ้า ฯลฯ มีจุดบ้านจำลอง ป้อม วิถีชีวิตของคนในยุคนั้นให้ได้ศึกษา และยังมี Workshop การจุดไฟด้วยไม้แบบวิธีโบราณ กระผมยังได้ลองทำเครื่องรางจากยุคยาโยอิที่ทำจากหินขัดด้วยมือเปล่าอีกด้วย




Tosu Premium Outlet
มาญี่ปุ่นแล้ววว จะไม่ช็อปปิงไม่ด้ายยย~ อุตสาห์แลกเงินมาเยอะเพื่องานนี้นั่นแหละ “Tosu Premium Outlet” เอาท์เลทที่มีร้านค้ากว่า 150 ร้าน เรียกได้ว่าช็อปกันจนตาแตก กระเป๋าเงินแหลกกันไปข้างหนึ่งเลย มีแบรนด์ดังมากมาย ตอบโจทย์ทุกการเสียเงินจริง ๆ ว่าแล้วกระผมก็ขอตัวไปช็อปปิงก่อนนะครับ ว่าจะซื้อของไปฝากเพื่อนซี้นายฮ้อยสักหน่อย


Tonkatsu Kimura
ช็อปเพลินจนเกือบจะหมดตัว ท้องก็ชักจะหิวกินอะไรที่ราคาไม่แพงแต่อิ่มและคุ้มค่าดีกว่า สุมิซัง ก็เลยพาเรามาต่อที่ร้าน “Tonkatsu Kimura” ร้านทงคัตสึที่ภายในร้านมีของเล่น โปสเตอร์ แผ่นเสียงยุคเก่ามาตกแต่งได้อย่างลงตัว และที่ร้านนี้ก็ยังใช้รถไฟจำลอง วิ่งมาเสิร์ฟเมนูด้วยแหละแปลกใช่ไหมครับ? ตอนแรกก็กลัวจะหกอดกินหมดนะสิ (ฮา) แต่เชื่อมือคนญี่ปุ่นเลยว่าเค้าออกแบบมาอย่างดีแน่นอน! กระผมเลือกสั่งเมนู “Signature Tonkutsu” (1,010 เยน) ผิวกรอบกรุบ ๆ กินกับซอสทงคัตสึเพิ่มรสชาติ กินกันจุกครับมื้อนี้



Bientos Hotel
โรงแรม “Bientos Hotel” ที่พักคืนสุดท้ายใจกลางเมือง Tosu ของกระผม ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟสะดวกสบายกับการเดินทาง ห้องพักก็มีให้เลือกหลากหลายราคามีห้องนอนทั้งแบบญี่ปุ่นหรือตะวันตกให้ได้เลือกตามต้องการ นอนหลับฝันดีกับค่ำคืนสุดท้ายที่จังหวัดซากะ ประเทศญี่ปุ่นในทริปนี้





จบสวยสำหรับการเดินทางมาที่เที่ยวเกาะคิวชูอย่างทริป เที่ยวซากะ ประเทศญี่ปุ่น กับ ล่ามทรงนายฮ้อย ฉบับ Exclusive ส่วนตัวของกระผมแล้วบอกเลยว่ารักจังหวัดนี้มาก ๆ มีให้เที่ยวได้ครบได้ทุกอารมณ์ที่ใจต้องการทั้งอาหารการกิน ธรรมชาติ วัฒนธรรม กระผมมั่นใจเลยครับว่าจะต้องหลงรักในการเที่ยวซากะนี้ หรือจะติดต่อว่ากระผมล่ามทรงนายฮ้อยจะพาไปเที่ยวที่ไหนต่อกดไลก์ที่ Wongnai Travel ได้เลย~ เวรีกู้ด!
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องกับประเทศญี่ปุ่นได้เลย!
- 4 แผนที่ย่านฮิตโตเกียว ญี่ปุ่น
- รวมของฝากเกียวโต
- รวมที่เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว