“ไม่อยากจะเหงาแล้ว ฉันไม่อยากจะเหงาแล้ว~” ใครร้องเพลงนี้อยู่ อย่ามัวแต่อยู่บ้านเบื่อ ๆ ร้องเพลงเงียบ ๆ กันค่ะ อยากมีความรักก็ต้องลองเปลี่ยนบรรยากาศ ไปเที่ยวในที่ใหม่ ๆ กันบ้าง เผื่อจะได้เจอคนที่ถูกใจระหว่างทาง วันนี้ Super Sung ก็เลยถือโอกาสชวนเพื่อน ๆ ไป ทริปไหว้พระขอพรความรัก ต้อนรับปีใหม่ เช็กอินที่เที่ยวกรุงเทพฯสุดฟิน งานนี้ไม่การันตีว่าจะได้ว่าที่แฟนกลับมารึเปล่า แต่ยืนยัน นั่งยัน นอนยันว่าได้ลิสต์ทั้งที่เที่ยวกรุงเทพฯ ร้านเด็ดฝั่งพระนคร แล้วยังได้รู้แหล่งขอพรความรัก เสริมมงคลให้ชีวิตปัง ๆ ต้อนรับปีใหม่ พูดแบบนี้อยากรู้แล้วใช่มั้ยล่ะคะ ว่าทริปนี้จะไปไหนกันบ้าง ถ้าพร้อมแล้วมาเที่ยวกรุงเทพฯรับปีใหม่กันดีกว่าค่า ~
ฝากวิดีโอไว้รับชมกันด้วยค้าาา
แผนที่ไหว้พระเที่ยวกรุงเทพฯ
1ศาลเจ้าแม่ประดู่
เริ่มจากที่แรกใน “ย่านเยาวราช” ย่านเก่าแก่ชื่อดังของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าเก่าแก่ที่โด่งดั่ง พูดกันแบบปากต่อปากเรื่องการมาขอพรเรื่องความรัก ได้ยินอย่างนี้ก็หูผึ่ง รีบบึ่งมาย่านตลาดเก่าเยาวราช ซึ่ง “ศาลเจ้าแม่ประดู่” ที่ซังจะพามาตั้งอยู่ที่นี่ วิธีการเดินทางมาก็ไม่ยากค่ะ สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) ลงสถานีวัดมังกร ทางออก 1 และเดินมาบริเวณย่านตลาดเก่าเยาวราช ซ้ายมือคือตลาดเก่า จะมีซอยเล็ก ๆ เดินตรงไป เข้ามาประมาณไม่ถึง 100 เมตร ก็จะพบประตูเข้าศาลอยู่ด้านขวามือ โดย “ศาลเจ้าแม่ประดู่” เปิดบริการทุกวัน ช่วงเวลาประมาณ 07.00-17.00 น.
“ศาลเจ้าแม่ประดู่” มีอายุเก่าแก่กว่า 100 กว่าปี คนนิยมมาขอพรเรื่องความรักที่นี่ แล้วจะสุขสมหวังตามความปรารถนา โดยที่นี่มีตำนานว่าในอดีตแถวบริเวณนี้มีสภาพเป็นคลอง มีน้ำไหลผ่าน วันหนึ่งเจ้าแม่ประดู่องค์นี้ก็ลอยผุดมาตามน้ำ ชาวบ้านพบเจอก็อัญเชิญมาอยู่ที่นี่ เพื่อเป็นที่เคารพยึดเหนี่ยวและกราบไหว้ของคนแถวนี้ สาวโสดอย่างเราจะพลาดได้ยังไงคะ เข้าไปไหว้เจ้าแม่ประดู่ พร้อมถวายผลไม้รสหวาน เพื่อให้เราได้เจอกับความรักที่แสนหวาน หลังจากขอพรความรักเสร็จเรียบร้อย พฤทก็ชวนไปเดท (อันนี้พฤทไม่ได้พูดนะคะ) ฮ่า ๆ ๆ พฤทบอกว่าร้านอยู่ในซอยใกล้ ๆ นี่เอง เดินไปไม่ถึง 2 นาทีก็ถึงร้านแล้ว อย่างนี้ก็สบายสิคะ เพราะท้องเริ่มร้องซะแล้ว
2ภัตตาคารตั้งใจอยู่
อย่างที่บอกค่ะว่าเดินจากศาลเจ้าแม่ประดู่ มาแป๊บเดียวก็จะเจอกับร้านอาหารระดับตำนานที่อยู่คู่เยาวราชมากว่า 90 ปี อย่าง “ภัตตาคารตั้งใจอยู่” ร้านอาหารจีนที่ถือเป็นอีกตำนานตั้งอยู่ในเยาวราชมาอย่างยาวนาน คงจะเป็นอีกหนึ่งเครื่องยืนยันว่ารสชาติอาหารและคุณภาพต้องไม่เป็นสองรองใครในย่านนี้อย่างแน่นอน บอกเลยว่า “ภัตตาคารตั้งใจอยู่” เป็นภัตตาคารอาหารจีนดั้งเดิม ที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่สมัยก่อน เข้ามาภายในร้านบรรยากาศที่ยังคงความคลาสสิก และพนักงานที่มียูนิฟอร์มสีม่วงที่ลูกค้ารุ่นเก่าเห็นต้องคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี นั่งรอไม่นานเมนูอาหารก็เรียงรายกันมาเสิร์ฟเต็มโต๊ะกลมของเรา
นอกจากเมนูอาหารจีนแบบดั้งเดิมแล้ว เมนูที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยนั่นก็คือ “ซาชิมิปลาดิบจีน” ไซส์ L (ราคา 500 บาท) หรือที่คนจีนเรียกกันว่า “ฮื่อแซ” หรือ “ปลาดิบจีน” เมนูเด็ดของร้านที่หากินได้ยาก ทางร้านหั่นมาได้แบบบาง ๆ ชิ้นกำลังพอดี กินคู่กับน้ำจิ้มบ๊วย และเครื่องเคียงต่าง ๆ เข้ากันสุด ๆ เหมาะกับครอบครัวใหญ่ ตามมาด้วยเมนูหม้อไฟร้อน ๆ อย่าง “เนื้อปลาเก๋าทองหม้อไฟ” (ราคากิโลกรัมละ 2,000 บาท) และยังมีอีกหนึ่งเมนูที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร “ปูเนื้อนึ่งหมูสับหนำเลี้ยบ” (ราคากิโลกรัมละ 2,000 บาท)
กินเมนูของคาวกันจนอิ่มหนำสำราญแล้ว ทางร้านจะเสิร์ฟเมนูของหวานปิดท้ายอย่าง “เผือกหิมะ” เพื่อเป็นของหวานตบท้าย ซึ่งบอกเลยว่าเมนูนี้เหมาะสำหรับช่วงเทศกาลปีใหม่มาก ๆ เพราะถือเป็นขนมมงคลของชาวจีนซึ่งมีความเชื่อว่า “เผือก” หมายถึงความอุดมสมบูรณ์ เจริญงอกงาม เพิ่มพูนบอกเลยว่ามื้อนี้อิ่มอร่อย แล้วยังเสริมเฮงได้อีก ดีงามสุด ๆ ไปเลยค่ะ กินอิ่มกันแล้ว เราจะพาทุกคนไปขอพรความรัก เสริมมงคลต้อนรับปีใหม่กันต่อที่ย่านเสาชิงช้า
3วัดสุทัศน์เทพวราราม
ขยับจากย่านเยาวราช ย้ายมาอยู่กันที่บริเวณเสาชิงช้า ซึ่งเป็นที่ตั้งของอีกหนึ่งที่ขอพรความรักที่เราจะพาทุกคนมาในทริปนี้นั่นก็คือ “วัดสุทัศน์เทพวราราม” ตั้งอยู่ติดกับเสาชิงช้าเลย ใครมาแถวนี้รับรองว่าไม่มีหลงแน่นอน วัดสุทัศน์ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร ที่มีอยู่เพียงไม่กี่แห่งของประเทศไทย ซึ่งที่ซังตั้งใจพามาขอพรความรักที่วัดนี้ เพราะว่าจริง ๆ แล้วผู้คนมักนิยมมาขอพรเพื่อให้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีเสน่ห์แก่คนทั่วไป เกิดสติและปัญญา ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเราจะมีความรักทั้งที ก็ขอมีความรักที่ดี และความรักนั้นต้องเกิดจากการคิดมาอย่างดีแล้วใช่มั้ยล่ะคะ แหม้~ เราก็แหลมคมไม่ใช่เล่นเลยนะ
จุดที่นักท่องเที่ยวหรือพุทธศาสนิกชนจะมาเป็นประจำคือ มาสักการะองค์พระประธาน นั่นคือ พระศรีศากยมุนี หรือหลวงพ่อโตที่เป็นพระพุทธรูป หล่อด้วยสำริดสมัยสุโขทัยที่มีอายุมากกว่า 600 ปี ซึ่งนับเป็นพระพุทธรูปหล่อที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เเละชมศิลาสลักหลังบัลลังก์ องค์พระเป็นศิลปะแบบทวารวดีที่หาดูยากมากเเละคาดว่ามีแค่ชิ้นเดียวในโลก นอกจากนี้ยังมีจุดไฮไลต์ที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ บรรดารูปปั้นจีนที่มีอยู่รอบบริเวณวัด ซึ่งมีเรื่องราวตั้งแต่สมัยก่อน เป็นการบอกเล่าว่าเมืองสยามมีความผูกพันกับชาวจีนแน่นแฟ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น
พูดแล้วก็ถือโอกาสเข้าไปไหว้สักการะ พระศรีศากยมุนี เพื่อให้เป็นมงคลต้อนรับปีใหม่กันค่า ไหว้พระเสร็จก็สามารถถ่ายรูปในวัดและบริเวณโดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรมในวัด เสาชิงช้า และอีกหนึ่งอย่างก็คือร้านเด็ดในย่านนี้ ซึ่งเราเพิ่งกินข้าวเที่ยงกันมา คงจะต้องหาของหวานกินกันแทนค่ะ ซึ่งร้านที่เราจะพาไปก็ไม่ไกลจากจุดนี้ เรียกได้ว่าใช้เวลาเดินไปไม่ถึง 5 นาที ถ้าพร้อมแล้วไปลุยเที่ยวกรุงเทพฯต่อกันเลยดีกว่าค่าทุกคน
4บ้านขนมปังขิง
อย่างที่บอกค่ะว่าเดินมาจากวัดสุทัศน์เทพวรารามไม่เกิน 5 นาทีก็ถึงจุดหมายที่ต่อมาของเราแล้ว นั่นก็คือ “บ้านขนมปังขิง” นั่นเอง ที่ตั้งชื่อนี้เพราะว่าตัวบ้านเป็นบ้านไม้เก่า ที่มีอายุกว่าร้อยปี มีลวดลายและวัสดุที่หาชมยากสไตล์ Ginger Bread House ขนมปังขิง มีความเป็นเรือนไทยสไตล์ฝรั่ง ซึ่งปัจจุบันได้ถูกปรับมาเป็นคาเฟ่ ทางร้านเสิร์ฟทั้งขนมไทยประยุกต์ ขนมเค้ก และเครื่องดื่มเติมความสดชื่น ซึ่งบอกเลยว่าเห็นจากเมนูแล้ว หน้าตาดีทุกเมนูค่ะ ถ่ายรูปได้รัว ๆ แน่นอน
ใครที่มาที่ร้าน “บ้านขนมปังขิง” กันกับแก๊งเพื่อนหรือมาหลายคน ก็แนะนำให้สั่งเมนูขนมเป็นเซตเลยค่า วันนี้ซังเลือกสั่ง “เซตข้าวเหนียวมะม่วง” (ราคา 599 บาท) ซึ่งมีทั้งข้าวเหนียวมะม่วง 2 จาน ชาแมงโก้เบอร์รี ไอศกรีมกะทิ + ลอดช่อง และสตรอว์เบอร์รีชีสเค้ก 1 ชิ้น ซึ่งขนมหวานอย่างลอดช่องและเค้กสามารถเปลี่ยนได้ค่า บอกเลยว่าคนรักขนมไทยต้องอินเลิฟกับเซตนี้อย่างแน่นอน นอกจากบริเวณชั้นล่างแล้ว ชั้นบนก็มีที่นั่งให้เลือกมุม และห้องส่วนตัวให้เลือกนั่งได้อย่างเต็มที่เลยค่ะ ใครที่อยากได้ฟีลบรรยากาศเก่า ๆ สุดคลาสสิกแนะนำว่าห้ามพลาดมาเช็กอินที่ร้าน “บ้านขนมปังขิง” อย่างเด็ดขาดเลยค่ะ กินของหวานกันเสร็จก็มีแรงจะไปขอพรความรักกันต่อ ซึ่งที่ต่อไปจะเป็นที่สุดท้ายของทริปนี้ ใครที่อยากจะขอพรความรักแนะนำว่าห้ามพลาดที่สุดท้ายของเราเลยค่ะ
5วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์)
และที่ขอพรความรักที่สุดท้ายของเราในทริปนี้ก็ไม่ใช่ที่ไหนไกลค่ะ เรามากันที่ “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร” หรือที่เรา ๆ เรียกกันติดปากว่า วัดโพธิ์ นั่นเองค่ะ วัดนี้ถือเป็นอีกวัดที่ขึ้นชื่อการมาขอพรความรัก เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก และเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี เมื่อมาวัดโพธิ์ก็ต้องไม่พลาดที่จะชมสิ่งมหัศจรรย์ของวัดโพธิ์ ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธไสยาสน์ หรือ พระนอน พระพุทธรูปขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ มีความพิเศษคือ มีประดับมุกภาพมงคล 108 ประการที่พระบาท, ตำราเวชเชตุพน ศิลาจารึกตำรานวดแผนโบราณ นับเป็นบันทึกที่รวบรวมสรรพวิชาต่าง ๆ และมหาเจดีย์สี่รัชกาล เป็นมหาเจดีย์ขนาดใหญ่ 4 องค์ประจำรัชกาลที่ 1-4 นอกจากนี้ก็ยังมีความมหัศจรรย์อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นยักษ์วัดโพธิ์ ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นเอกสารมรดกความทรงจำแห่งโลก แต่ส่วนที่คนมักจะนิยมมาขอพรความรักกันก็คือบริเวณ “พระไสยาส” หรือพระนอนนั่นเองค่ะ
เนื่องจากมีความเชื่อกันว่า องค์พระนอนมีความเกี่ยวข้องกับเลข 3 วัดนี้มีความเชื่อว่าใครได้มาไหว้พระนอนจะร่มเย็นเป็นสุข อยู่ดีกินดีตลอดปี เขาว่ากันว่าผู้หญิงคนไหนที่ยังโสดอายุมากกว่า 30 ปีมาขอพรจากพระนอนก็จะมีคู่ทุกราย อย่างนี้เราก็อย่ารอช้าค่ะ ถึงแม้อายุจะยังไม่ถึงเลข 3 ก็ขอพรความรัก เตรียมตัวรอไว้ก่อน ของอย่างนี้ว่ากันไม่ได้นะคะ ขอบอกเลยว่ามาเที่ยววัดโพธิ์ช่วงนี้ก็จะให้บรรยากาศที่แปลกออกไป เพราะธรรมดา วัดโพธิ์ก็จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ แห่แหนกันมาเที่ยวกันจนเต็มพื้นที่วัด แต่ช่วงนี้เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19 บรรยากาศในวัดก็ดูเงียบสงบ เดินเล่นถ่ายรูปได้สบายใจ ไม่ติดคน ไม่ต้องต่อคิวเบียดเสียด ก็ถือเป็นโอกาสสำหรับใครที่อยากจะมาสักการะ แนะนำให้มาช่วงนี้เลยค่า แต่ต้องห้ามลืมเรื่องเว้นระยะห่าง และใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่ในวัดกันด้วยนะคะ
บอกเลยว่าทริปวันนี้ทั้งอิ่มบุญ อิ่มใจ และที่สำคัญคือได้อิ่มท้องกับร้านเด็ดตามย่านดังในกรุงเทพฯอีกด้วย เพื่อน ๆ ที่อยากหาที่เที่ยวกรุงเทพฯไหว้พระขอพรต้อนรับปีใหม่ ส่งท้ายปีเก่าแบบซังก็ตามมาเที่ยวกันได้ตาม ทริปไหว้พระขอพรความรัก ต้อนรับปีใหม่ เช็กอินที่เที่ยวกรุงเทพฯสุดฟิน และเนื่องในโอกาสใกล้วันปีใหม่แล้ว ซังก็ถือโอกาสนี้อวยพรให้เพื่อน ๆ ชาว Wongnai Travel พบเจอแต่สิ่งดี ๆ มีความสุข มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะกันตลอดปี สิ่งเก่า ๆ ก็ทิ้งมันไว้ที่ปีนี้ แล้วปีหน้าเราเริ่มต้นไปกับสิ่งดี ๆ พร้อม ๆ กันนะค้า และที่สำคัญขอให้ทุกคนออกไปเที่ยวกันอย่างสนุกสนาน สุขภาพแข็งแรง เฮง ๆ ๆ ต้อนรับปีใหม่กันถ้วนหน้าค่า แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้านะค้าาา Happy New Year ~
