#วงในบอกมา
- ชื่อ “ท่าพระจันทร์” เพราะสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้คนอพยพมาตั้งรกราก เกิดเป็นชุมชนการค้า และมีท่าน้ำที่สามารถมองเห็นพระจันทร์สวยงามที่สุด
- เป็นย่านการค้าคุ้นเคยของนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ ที่มีสินค้าหลากหลาย และที่นิยมคือ เครื่องราง พระเครื่อง ชุดครุย ยาแผนโบราณ และร้านอาหาร
- สายมูเตลูต้องรู้ สำนักโหราศาสตร์ท่าพระจันทร์ มีตำราดูดวงหลากหลายให้เลือก


การเดินทางไปท่าพระจันทร์
นั่ง MRT มาลงสถานีสนามไชย ต่อวินมอเตอร์ไซค์ หรือเดินชมเกาะรัตนโกสินทร์มาเรื่อย ๆ ครู่เดียวก็ถึงแล้ว หรือใครที่สะดวกนั่งเรือด่วนเจ้าพระยาลงที่ “ท่าพรานนก” แล้วนั่งเรือข้ามฟากจากฝั่งโรงพยาบาลศิริราช ที่ท่าวังหลังมายังท่าพระจันทร์ก็สามารถมาได้เช่นกันค่ะ

ทำไมท่าพระจันทร์ถึงดังเรื่องพระเครื่อง ?
เซียนพระชื่อดัง มักจะมีนามสกุลต่อท้ายด้วยคำว่า “ท่าพระจันทร์” เสมอ เช่น “บอย ท่าพระจันทร์” หรือ “หมึก ท่าพระจันทร์” ทำไมท่าพระจันทร์ถึงดังเรื่องพระเครื่อง ถ้าข้ามเวลาย้อนกลับไปในอดีต เดิมท่าพระจันทร์เป็นเพียงย่านการค้าในหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีการค้าขายสินค้านานาชนิด แต่ด้วยอยู่ใกล้วัดมหาธาตุ คนที่เคยเล่นพระเครื่องภายในวัด ก็ริเริ่มออกมาเช่าพระหรือเล่นพระที่ชุมชนท่าพระจันทร์กันมากขึ้น ทำให้ปัจจุบันกลายเป็นตลาดพระที่มีชื่อเสียงนั่นเอง
“นักเลงพระ” คืออะไร และทำไมต้อง “เช่าพระ” ?
คำว่านักเลงพระ ว่ากันว่าต้องมีคุณสมบัติ 3 ประการด้วยกัน
- ดูพระได้เฉียบขาด สามารถแยกได้ว่าพระแบบไหนเป็นพระจริงหรือพระปลอม มีความรู้อธิบายได้
- กล้าเช่าพระได้โดยลำพังไม่ปรึกษาคนอื่น
- ไม่ปากพล่อยว่าคนอื่นด้วยความอคติ
หรือถ้าสรุปง่าย ๆ ก็คือผู้ที่ผ่านการคลุกคลีใกล้ชิดกับพระเครื่อง มีประสบการณ์สูงคุ้นกับการเห็นพระมามาก มีครูบาอาจารย์คอยแนะนำ และนักเลงพระที่ดีต้องยึดมั่นในคุณธรรม
ส่วนคำว่า “เช่าพระ” ทำไมไม่ใช้คำว่า “ซื้อ” หรือ “ขาย” เพราะผู้ศรัทธาเห็นว่าพระเครื่องถือเป็นของสูง การจะเรียกว่าซื้อหรือขายกันนั้น เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม จึงหันมาใช้คำว่าเช่าบูชาแทน

เมื่อพูดถึงความรู้สึกแรกที่มาถึงท่าพระจันทร์คือ มีผู้คนหลากหลายเดินกันขวักไขว่ มีทั้งของกิน พระเครื่อง ของขายเต็มไปหมด เห็นเพลินตา จนทำให้เลือกไม่ถูกว่าจะเริ่มจากตรงไหน เลยตัดสินจากความคิดแแรก ซึ่งออกมาเป็น “ตลาดพระเครื่อง” ตรอกแรกที่เราตัดสินใจเลือกเดินกัน ก่อนอื่นขอยอมรับตรง ๆ เลยว่าเพิ่งเคยมาเดินเป็นครั้งแรก เปิดประสบการณ์ใหม่มาก ๆ ที่นี่มีพระเครื่องจำนวนมากให้ผู้ที่สนใจและศรัทธาเช่า รวมทั้งเครื่องรางประเภทต่าง ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เดินเลือกเพื่อเหมาะสำหรับเป็นของที่ระลึก

ความตื่นเต้นของการมาท่าพระจันทร์ครั้งนี้ อยู่ที่ตรงนี้เลย ตลอดทางที่เดินผ่านมา จะเห็นเครื่องรางของขลังหลากหลายรูปแบบ บางประเภทมีหน้าตาที่แปลกตาออกไป ไม่เคยพบเห็นมาก่อน พูดง่าย ๆ คือ เจอได้ที่ท่าพระจันทร์แห่งนี้ที่เดียว ในระหว่างทางเราก็เดินกันเพลิดเพลินกับแผงพระเครื่องน้อยใหญ่ ที่พ่อค้าแม่ค้าตั้งหน้าตั้งตาเรียกลูกค้าเข้าร้าน เดินมาได้สักพักเราก็เจอสิ่งที่น่าสนใจเข้าแล้ว


เราหยุดยืนอยู่ที่แผงนึง เป็นร้านค่อนข้างใหญ่ มีพระเครื่อง และเครื่องรางหลากหลาย เราเลือกดูกันอยู่สักพัก ก็เกิดคำถามในใจว่า แต่ละชิ้นมีไว้สำหรับบูชาในเรื่องใดกันบ้าง ที่มาของแต่ละเครื่องราง หรือเรื่องราวความเชื่อต่าง ๆ ที่ซ่อนอยู่ในนั้นเป็นอย่างไร



เครื่องรางนักษัตร พระเครื่อง ตะกรุด หรือยันต์ต่าง ๆ แม้ไม่มีความรู้ด้านศาสตร์ความเชื่อเรื่องเครื่องรางของขลังต่าง ๆ แต่ก็เดาได้ไม่อยากว่าแต่ละประเภทนั้นมีไว้บูชาเรื่องอะไรบ้าง สามารถดูได้จากรูปร่างหน้าตาของเครื่องราง ทุกคนก็เดากันได้ไม่ยากใช่ไหมคะ และตัวช่วยที่นักส่องพระเครื่องทุกคนต้องรู้จัก “กล้องส่องพระ” ตลอดทางที่เดินมาจะเจอผู้คนมากหน้าหลายตายืนส่องพระกันอยู่ กล้องตัวนี้จะมีไว้เพื่อส่องดูเนื้อมวลสาร และลวดลายพิมพ์ หรืออักษรวันที่ต่าง ๆ ค่ะ

ด้วยความที่เรามาเยือนถึงถิ่นพระเครื่องทั้งที ไม่มีเครื่องรางติดตัวกลับบ้านไม่ได้ เราเลือกเครื่องรางนักษัตรปีจอ กลับไปฝากคนที่บ้าน ได้มีโอกาสพูดคุยกับแม่ค้าสั้น ๆ แม่ค้าบอกว่า ชาวต่างชาติจะตื่นเต้นและชอบมาก และมักจะซื้อกลับไปฝากคนที่สนิทหรือคนรักของตน ใครที่มีความเชื่อเรื่องโชคลาง ก็แวะมากันได้เลยนะคะ บอกเลยว่าเดินเพลินมาก ๆ หรือใครที่ไม่มีความเชื่อเรื่องนี้ ก็แนะนำว่ามาเปิดโลกเถอะค่ะ รับรองว่ามาไม่ผิดหวังแน่นอน
ที่ถัดมาที่เรามาเยือนกันคือบริเวณท่าเรือข้ามฟากท่าพระจันทร์ บรรยากาศบริเวณนี้จะมีร้านค้าต่าง ๆ เปิดอยู่บ้างประปราย แต่ที่น่าสนใจและดึงดูดเราให้เข้าไปมากที่สุด “สำนักโหราศาสตร์ท่าพระจันทร์” ที่จะมีหมอดูหลากหลายตำรา ให้คนที่สนใจและเชื่อเรื่องการทำนายดวงชะตาได้เข้ามาดูดวงกัน
ทำไมต้องดูดวงที่ท่าพระจันทร์ ?
จากการได้พูดคุยกับอาจารย์พ่อหมอและแม่หมอที่ท่าพระจันทร์ ได้ข้อมูลมาว่า ในอดีตพื้นที่บริเวณใกล้เคียงนี้เป็นแหล่งรวมหมอดูหลายแขนง แต่ปัจจุบันได้ลดน้อยลงไปมาก เนื่องจากหมอดูเก่าแก่หลายคนได้ล้มหายตายจากกันไป สมัยก่อนหมอดูจะรวมกลุ่มกันเป็นสมาคม หลังจากนั้นไม่นานก็แยกย้ายกันออกมาริเริ่มสังคมการดูหมอใหม่ที่ท่าพระจันทร์แห่งนี้ เป็นเวลา 30 กว่าปีแล้ว ต่อมาก็เริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะคนที่มาดูก็มีบอกเล่าปากต่อปากว่าที่นี่แม่น จนเกิดเป็นประโยคที่ว่า “ถ้าดูหมอต้องไปท่าพระจันทร์ จะซื้อผ้าต้องไปพาหุรัด จะซื้อเพชรพลอยต้องไปบ้านหม้อ”
ได้ยินแบบนี้แล้ว เรามาเริ่มดูดวงกันเลยดีกว่า
ตำราโหราศาสตร์พม่า
“เมื่อก่อนหมอดูมีเยอะ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีแล้ว”
“...แก่ตายกันหมด...”
.
“บอกไว้เลยนะ จำไว้นะ คำพูดชั้นนะ”
“ดวงเธอขอโทษทีนะ ไม่มีผัวหรอก มียาก มีกี่คนก็เลิก ทายไว้เลย”
“...ตาย..หย่า..ร้าง..เลิก..จดไว้เลย!…”
“...ดวงของเธอจะไม่มีผัว หรือถ้ามีไม่ตายก็เลิกกัน...”
.
“อายุ 29 ห้ามออกจากงาน แกออกแกตกงานทันที...”
.
“ก็ชั้นอุตส่าห์บอกแกแล้วไง ถ้าแกอยากจะไปก็ไปตอนนี้สิ เข้าใจมั๊ย ชั้นถึงบอกให้ดูเป็นเดือน ๆ ไงล่ะ เข้าใจมั๊ย เออ...เข้าใจมั๊ยคะ”

ฉายา “หมอดูหัวร้อน” ไม่ใช่เพียงแค่นามเอ่ยเล่นกันตามประสาทั่วไป ดูได้จากบุคลิก และท่าทางที่ออกอาการเหมือนคนหัวร้อน ค่อนข้างพูดเร็ว มีคำพูด ดุดัน ตรงไปตรงมา ใช้คำห้วน ๆ ไม่มีพิธีรีตรองอะไรมากมาย แต่เข้าใจง่าย กำลังเอ่ยบอกถึงคำทำนายอนาคตแต่ละเดือนนับจากนี้ นี่เป็นการทำนายดวงชะตาของพม่าหมอดูตำราพม่า กับทีมงานที่ไปด้วย

พอดีได้ฟังแล้วก็รู้สึกขนลุกขั้นมาทันที นึกไม่ออกเลยว่าเมื่อถึงตาของตนเองแล้วผลทำนายจะออกมาเป็นอย่างไร แต่ถึงกระนั้นเหยียบย่างมาถึงที่นี่ทั้งที ไม่ลองดูก็คงจะไม่ได้ ไม่รอช้าเริ่ม “ประสบการณ์ดูดวงครั้งแรกในชีวิต” ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักตำราดูดวงแบบพม่ากันก่อน การดูดวงแบบพม่าจะต่างจากการดูดวงแบบอื่นที่จะ ใช้วัน เดือน ปี และเวลาเกิด ในการทำนายโชคชะตา ซึ่งจะสามารถทำนายได้อย่างแม่นยำ ฟันธงเหมือนตาเห็น มีการจับยามเทวดา และใช้วิชาเลข 7 ตัว มหาอุตม์ ช่วยในการวิเคราะห์
“...มีพี่น้อง 3 คนใช่มั๊ย...” (รู้ได้ยังไงนะ)
.
“จดไว้เลยนะ แล้วเดี๋ยวเธอก็รู้ว่าชั้นพูดถูกมั๊ย จดไว้เลย”
“...นี่เธออยากเปลี่ยนมือถือด้วยนะเนี่ย...” (เพิ่งบ่นไปอาทิตย์ที่แล้ว....)
.
“เดี๋ยวเธอต้องไปทำฟัน ถอนฟัน อุดฟัน เธอจดไว้เลยนะ” (อาทิตย์หน้าจะไปผ่าฟันคุด)
.
“เรื่องสุขภาพ เธอต้องระวังนะ นี่ชอบกินส้มตำยำปูม้าใช่มั๊ย ระวังท้องระวังไส้เธอด้วยแล้วกันนะ”
(หน้าหนูดูรู้ขนาดนั้นเลยหรอคะว่าชอบกิน)
.
บอกตรง ๆ เลยนะคะ ถ้าไม่ติดว่าเข้ามาดูดวงโดยไม่บอกล่วงหน้า คงคิดว่าหมอดูแอบมาส่องไอจีหนูอยู่แน่เลย
ขอสรุปการดูหมอตำราพม่าเลยนะคะ ความรู้สึกส่วนตัว ถือเป็นประสบการณ์ที่ตื่นเต้นและประทับใจอยู่พอสมควร มันเกิดคำถามในใจตลอดเวลาที่ดูว่า หมอรู้ได้ยังไง สังเกตจากหน้า ท่าทางของเราก็บอกได้เลยหรอ ถ้าเป็นการเดาสุ่มทำไมถึงระบุสิ่งที่เป็นจำนวนได้ตรงถึงขนาดนี้ พี่ทีมงานที่ไปด้วยกัน เป็นคนที่แพ้พริก มันมีแว๊บนึงที่เข้ามาในความคิดว่า ถ้าหมอดูทักพี่เขาเรื่องอาหารว่าให้ระวังอาหารประเภทรสจัด ก็คงมั่นใจได้ว่าเดาสุ่มแน่ ๆ แต่ทำไมถึงทักได้ถูกคนขนาดนั้น เรื่องนี้ขอยกให้เป็นวิจารณญาณส่วนบุคคลเลยค่ะ ถ้าใครอยากมาเพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ก็ขอแนะนำเลยค่ะ สักครั้งในชีวิต ตื่นเต้น ลึกลับ เหลือเชื่อ และได้ข้อคิดหลาย ๆ อย่างมาก ๆ สำหรับเรา ถือว่าหมออ๊อดพูดตรงในหลาย ๆ เรื่องเลยค่ะ สำหรับค่าดูหมอ ราคา 300 บาท
ตำราโหราศาสตร์ไทย
“คุณจะได้แต่งงาน 2 รอบด้วยกัน” (หมอพูดกับพี่ทีมงานที่มาด้วย)
.
“จะทำอะไรให้ระวังเรื่องปากเป็นพิเศษนะครับ อย่าไปพูดเยอะ ให้เงียบ ๆ เอาไว้”
.
“บั้นปลายชีวิตคุณจะมีเงินนะ เข้าขั้นรวยเลยก็ว่าได้”
.
จากที่ฟังหมอทำนายพี่ทีมงาน ฟังแล้วลองมาคิดเปรียบเทียบดู ถือว่าทำนายได้ใกล้เคียงกับหมอดูตำราพม่าเลยนะ แต่งงาน 2 รอบ ใช่หมายถึงการอาภัพเรื่องความรักรึเปล่า?

มาต่อกันที่ อาจารย์บรรจบ อาจารย์เป็นอดีตที่ปรึกษาสมาคมโหรแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมถ์ อาจารย์บรรจบ สามารถดูได้ทั้ง ดูดวงไทย ลายมือ ไพ่ยิบซี และคัมภีร์พราหมณ์ค่ะ วันนี้เราเลือกดูดวงไทย และต่อด้วยไพ่ยิบซี

การดูดวงแบบไทยจะต่างจากการดูดวงแบบพม่าตรงที่ จะใช้วันเดือนปีเกิด ที่ใช้คำนวณตำแหน่งดวงดาว ตัวเลข องศา ราศี เพื่อทำนายดวงชะตา คาดคะเนเหตุการณ์ที่มีเกณฑ์จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้จนถึงปีหน้า ส่วนตัวคิดว่าตำราโหราศาสตร์ของไทยจะแอบมีความคล้ายของพม่า ถือว่าได้อีกความรู้สึกนึงเลยค่ะ และถือว่าตรงในหลาย ๆ เรื่องเลย ใครที่สงสัยเรื่องไหนก็ถามได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะการงาน การเงิน ความรัก ครอบครัว หรือการลงทุนอื่น ๆ ก็ถามได้หมดเลยค่ะ
ตำราไพ่ยิบซี
“โห้ ไพ่ใบนี้ดีที่สุดในสำรับนี้ แล้วผมใส่รวมทั้งหมด 2 สำรับเลยนะ แต่คุณได้ใบนี้มา” (ไพ่ The Sun)
“ถ้าเป็นฝรั่งมาดู แล้วได้ใบนี้เป็นใบสุดท้าย เขาจะบอกกับผมว่า ไพ่ใบนี้ดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว เขาจะไม่ไปเปิดไพ่ที่ไหนอีก เพราะกลัวดวงเปลี่ยน”
.
“ภายใต้ดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงสว่างสดใส เด็กน้อยผู้ร่าเริงออกเดินทางครั้งใหม่ ผ่านกำแพงที่กั้นขวางไว้ ด้วยความหวังอันเต็มเปี่ยม” (ความหมายของไพ่ The Sun)
.
โดยรวมของการเปิดไพ่ทาโรต์หรือไพ่ยิบซีทั้งหมดในวันนี้ ดีที่สุดเลย
ไพ่ที่เราเปิดได้เป็นใบสุดท้ายเป็นไพ่ที่มีความหมายดีที่สุดใบหนึ่งในไพ่ทั้งหมด มีความหมายในเรื่องการมีความหวังเต็มเปี่ยม มีความสดใส มีแสงสว่างท่ามกลางที่มืดมิด หรืออาจหมายถึงการเปิดเผย ได้สะสางปัญหาคาใจ หรือการจบลงของเรื่องที่ไม่ชัดเจน ให้คลี่คลายค่ะ

การดูดวงแบบไพ่ยิบซี ซึ่งเป็นที่นิยมมากในโซนยุโรป เดิมมีต้นกำเนิดมาจากกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่าเป็นชาวยิบซี คาดว่าเป็นชาว อินเดีย หรือ ฮินดู หรือ ชาวอียิปต์ ที่ได้เข้ามาอาศัยในแทบยุโรป ทำให้การทำนายด้วยไพ่ยิบซีได้แพร่หลาย และเป็นที่นิยมมาจนถึงปัจจุบันการทำนายอนาคตด้วยการเปิดไพ่ยิบซีนั้น สำหรับเรา ไพ่ยิบซีเป็นเหมือนการทายใจเราว่าตอนนี้เรากำลังเจออะไรอยู่ และอนาคตจะเจอกับอะไร เพื่อเป็นแนวทางให้เราได้คิดหรือตัดสินใจเรื่องอะไร ๆ ได้ง่ายขึ้น บอกตรง ๆ เราตื่นเต้นมาก เราชอบตรงที่เป็นการสุ่มเปิดไพ่ มันทำให้เรารู้สึกลุ้นไปในตัวว่าจะได้ไพ่ใบไหน ที่สำคัญไพ่ใบนั้นมีความหมายว่าอย่างไร ส่วนตัวเมื่อได้ฟังการทำนายก็เกิดความคิดขึ้นมากมายในใจ ว่าจะจริงหรือไม่ มีแนวโน้มเกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน การทำนายเรื่องอนาคตได้ให้อะไรกับเราบ้าง

สิ่งนึงที่เราได้จากการดูดวงทั้ง 3 ตำรานี้ คือ เราได้ย้อนคิดถึงเรื่องราวที่เคยทำในอดีตว่าเราทำดีที่สุดแล้วหรือยัง มีเรื่องไหนที่เราอยากปรับปรุงหรือพัฒนาตนเอง และทำให้เราฉุกคิดได้ว่า ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ขอเพียงเราดำเนินชีวิตอย่างมีสติ และไม่ประมาท สร้างแต่ความดี เพียงเท่านี้เราก็มีความสุขในชีวิตได้ง่าย ๆ แล้ว หลังจากดูดวงจนเสร็จ ค่าเสียหายทั้งสิ้น 900 บาท ตำราละ 300 บาท บอกเลยว่าประสบการณ์ครั้งแรกในวันนี้ คุ้มค่ามาก ๆ ค่ะ เพราะได้เปิดโลกอีกใบที่ไม่เคยเจอมาก่อนเลย
คนดังแห่งม.ธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์

มาถึงท่าพระจันทร์ทั้งที จะไม่แวะเดินเล่นบริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เลยก็คงจะไม่ได้ เมื่อเดินเข้าประตูมาภาพแรกที่เห็นเลยคือ ภาพคุณลุงคนหนึ่งที่นั่งขายถั่วอยู่บริเวณทางเข้าขอมหาวิทยาลัย เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ๆ จึงได้รู้ว่าคือคุณลุง “เบอร์นาร์ด” ลุงบังขายถั่วผู้โด่งดังนั่นเอง

คุณลุงเบอร์นาร์ดผู้อยู่ทันทุกเหตุการณ์สำคัญของย่านท่าพระจันทร์ ตลอดจนถึงเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองทุกยุคทุกสมัย เรียกได้เป็นตำนานของที่นี่กว่า 50 ปีแล้ว นักศึกษาที่ผ่านไปผ่านมา ลุงเบอร์นาร์ดทักทายอย่างเป็นกันเอง บ้างชวนกิน บ้างชวนซื้อ นักศึกษาเองก็ดูจะชื่นชอบการพูดคุยกับลุงอย่างสนิทสนม ในย่านนี้ไม่มีใครไม่รู้จักคุณลุงเบอร์นาร์ดคนนี้แน่นอน

หลังจากอุดหนุนถั่วของร้าน “เบอร์นาร์ดขายถั่ว” ราคา ถุงละ 20 บาท ก็เดินออกมาสำรวจบริเวณรอบ ๆ รั้วมหาวิทยาลัย พบว่ามีกลุ่มคนอยู่จำนวนหนึ่งนั่งเสวนาในเรื่องการเมืองกันอย่างเมามัน เห็นดังนั้นจึงไม่รอช้าที่จะร่วมวงสนทนาด้วย มีลุงคนหนึ่งพูดขึ้นว่า
.
“เมื่อก่อนผมเคยเป็นคนเฝ้าหน่วยเลือกตั้ง การโกงมันเกิดขึ้นมานานแล้ว”
“ผมอยากให้มันเปลี่ยนแปลงสักที อยากให้ความไม่ยุติธรรมกับความไม่โปรงใสได้เปิดเผย”
“น้องเรียนอะไร กฎหมายรึเปล่า ผมอยากคุยกับคนที่รู้กฎหมาย”
.
จู่ ๆ ก็มีพี่คนหนึ่งทักขึ้นมาว่า
“น้องไม่ไปเข้าร่วมชุมนุมกับเขาหรอ วันนี้เขาชุมนุมกันที่รัฐสภาใหม่” (พูดพลางบอกทางไปเสร็จสรรพ)
.
จากการสนทนาสั้น ๆ ทำให้ได้รู้ว่า เรื่องการเมืองเป็นเรื่องของทุกคนจริง ๆ ไม่ว่าจะยากดีมีจน หรืออยู่ส่วนไหนของสังคมไทย ทุกคนล้วนได้รับผลกระทบจากการเมืองและการปกครองทั้งสิ้น

จากการเดินทางมาที่ “ท่าพระจันทร์” แห่งนี้ เรียกได้ว่าไม่มีนาทีไหนที่รู้สึกผิดหวังกับการมาที่นี่เลย เราได้รับรู้เรื่องราวในอดีตมากมายผ่านผู้คนในพื้นที่ ผ่านการบอกเล่าของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ได้รับรู้การเปลี่ยนแปลงของสภาพสังคม สิ่งแวดล้อม ที่หล่อหลอมเป็นชุมชนเก่าแก่ แม้สถานที่จะเปลี่ยนไป แต่สิ่งหนึ่งที่ยังไม่เคยเปลี่ยนคือเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นที่นี่ เราไม่มีทางรู้ว่าอนาคต ที่แห่งนี้จะยังมีสภาพเป็นเหมือนดังปัจจุบันนี้หรือไม่ จะจางหายตามกาลเวลา หรือจะยังคงอยู่ให้ลูกหลานของเราได้ทำความรู้จักย่านเก่าแก่ที่ผ่านเรื่องราวสำคัญ ๆ มากมายอย่าง “ท่าพระจันทร์”