ทุกวันนี้แทบไม่มีใครไม่รู้จักชานมไข่มุก เครื่องดื่มขึ้นชื่อที่ฮิตกันไปทั่วบ้านทั่วเมือง หลังจากที่ได้ลองกินที่นี่แล้ว เราก็เลยอยากลองที่ต้นตำรับประเทศเขาบ้าง ทริปนี้จะพาไปกินชาไข่มุกที่ไต้หวัน พาไปเที่ยวไต้หวันทั้งในและนอกเมืองใหญ่ แล้วคุณจะรู้ว่า ประเทศนี้ไม่ได้มีดีแค่ชาไข่มุก! และที่สำคัญตอนนี้เขาใจดี ไต้หวันฟรีวีซ่า ต่อเวลาแห่งความสุข แล้วจะรอช้าอยู่ไย วางแพลนเที่ยวไต้หวันกัน!
วันที่ 1 : เข้าไต้หวัน ชิมชามุก ชมวิวบนเขา เดินสำรวจตลาดกลางคืน

เกริ่นก่อนนิดนึง เริ่มต้นของทริปเที่ยวไต้หวันครั้งนี้ คือเราเจอโปรโมชั่น Youth Fare ของป้าม่วง ซึ่งราคาลดถูกมาก ๆ ไป-กลับไม่ถึง 6,000 บาท ในการให้บริการแบบ Full-Service ตัดสินใจซื้อไวมาก เพราะมันถูกและคุ้มจริง ๆ วันแรกเราเดินทางตั้งแต่เช้าถึงไต้หวันประมาณบ่าย 2 (เพราะเครื่องบินดีเลย์ตอนออกจากไทย) เมื่อถึงไต้หวัน ผ่าน ตม.ไวมาก ไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่เราก็เตรียมเอกสารทั้งเที่ยวบินไป-กลับ โรงแรม และแพลนเราไปพร้อมเผื่อเค้าถามด้วยนะ อีกอย่างนึงคือสะดวกมาก เราสามารถกรอกใบขาเข้า ตม.ล่วงหน้าแบบออนไลน์ได้ด้วย เที่ยวไต้หวันแบบสบายใจไม่ต้องกังวลเลย
Taiwan Taoyuan International Airport - Ximen101- S Hotel การเดินทางจากสนามบินเข้าสู่เมืองก็ง่ายมาก รถไฟมี 2 แบบ คือ รถไฟด่วน Express Airport MRT ราคา 160 เหรียญไต้หวัน ใช้เวลาประมาณ 35 นาที ซึ่งอันนี้จะใหม่กว่า ที่นั่งเยอะกว่า มีห้องน้ำ ที่เก็บกระเป๋า และ Commuter Airport MRT ราคา 160 เหรียญไต้หวัน ใช้เวลา 45 นาที จะมีลักษณะคล้าย ๆ BTS ไม่มีที่เก็บกระเป๋าหรือห้องน้ำ
1Ximen101- S Hotel
เที่ยวไทเป ทริปนี้เราเลือกนอนที่พักไต้หวันที่ "Ximen101- S Hotel" ค่ะ เพราะว่าเป็นแหล่งวัยรุ่น เดินทางสะดวก ที่พักไต้หวันของเรานั้นอยู่ทางออก 6 เดินไปไม่ไกล ประมาณ 3 สี่แยกก็ถึงแล้วค่ะ ที่สำคัญตรงข้ามเป็น เซเว่น และเยื้องกับแฟมิลี่มาร์ทด้วย ที่เพิ่มเติมอีกอย่างคือที่พักมีเครื่องดื่มและขนมปังบริการ 24 ชั่วโมงค่ะ


2Niou Dien Beef Noodles
หลังจากเก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ท้องเริ่มร้อง มื้อแรกของการเที่ยวไต้หวันด้วยตัวเองขอประเดิมด้วย ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ชื่อร้าน "Niou Dien Beef Noodles" ร้านอาหารไต้หวันนี้เค้าบอกว่าเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อมิชลินไกด์ โชคดีมากที่ไปตอนร้านเปิดพอดีเลย ไม่ต้องนั่งรอคิวด้านหน้า ภายในร้านเป็นแบบมืด ๆ ทำก๋วยเตี๋ยวกันตรงบริเวณเคาน์เตอร์ไม่ไกลจากที่นั่งลูกค้า ที่แปลกมากคือไม่มีกลิ่นเหม็นหรือคาวเลย ประทับใจตั้งแต่เดินเข้าร้านเลยละ



ก๋วยเตี๋ยวรสชาติดีมาก ที่เราสั่งเป็น Recommend ราคา 280NT แต่ไม่เผ็ดเท่าไหร่ (เราสั่งเผ็ดปกติ โดยส่วนตัวคิดว่าจืดไปนิด) แต่เนื้อหอมและชิ้นใหญ่มาก เมนูที่เราสั่งมีเอ็นด้วย นุ่มและหนึบดีค่ะ ชิ้นใหญ่ทุกอย่างร้านนี้ จัดเต็มมาก เส้นคือเยอะจนกินไม่หมดเลย ถือว่าเป็นการเปิดเมนูแรกที่ไต้หวันที่ประทับใจ อิ่มมาก ๆ
3Time Tunnel
กินคาวแล้วไม่กินหวานไม่ได้เลยจริง ๆ ออกจากร้านได้ เราก็มากินชานมไข่มุกไต้หวันร้านข้าง ๆ เลย ที่เราสั่งเป็นชานมไข่มุกหวานปกติ ร้าน “Time Tunnel” รสชาติมุกหนึบหนับ เม็ดไม่ใหญ่ ความหวานถือว่ายังหวานไปหน่อยค่ะ ไม่ได้ว้าวแต่กินได้

ระหว่างทางที่เราจะเดินไป เจอร้านขนมข้างทางคล้ายโมจิ ซึ่งจริง ๆ ไม่รู้หรอกนะว่ามันคืออะไร เห็นเค้าทำสด ๆ ตรงหน้า รู้แค่ว่าเป็นแป้งก้อนแน่ ๆ และต้องรสชาติดีหนึบหนับ เลยจัดมาลอง ราคา 30 NT ดีงามนะ เป็นแป้งนุ่ม ๆ หนึบจริง คลุกโดยถั่วป่นมีทั้งถั่วป่นเฉย ๆ กับถั่วผสมงาดำ รสชาติจะออกหวาน ๆ หน่อยค่ะ

ระหว่างทางเดินไปสถานี Ximen พอเริ่มเย็นก็เริ่มครึกครื้น คนเยอะมาก ๆ ซึ่งส่วนมากจะเป็นวัยรุ่นมานั่งเล่นย่านนี้มีครบทุกอย่าง ทั้งแหล่งชอปปิงและของกิน


4 Xiangshan (เขาช้าง)
สถานที่ท่องเที่ยวไต้หวันที่เป็นแลนด์มาร์กวันนี้ที่ต้องมาประจำวัน ก็คือ "Xiangshan" หรือ "เขาช้าง" นั่นเอง MRT Xiangshan Station Exit 2 แล้วเดินตรงตามเส้นทางไปประมาณ 500 เมตร จะเจอแยกให้เลี้ยวซ้ายไปทางขึ้นเขาค่ะ (มีป้ายบอกตลอดทาง หายห่วงค่ะ)

เดินไปเรื่อย ๆ จนเจอทางขึ้นด้านซ้าย ทางขึ้นเป็นบันไดชัน ๆ แต่ขั้นเล็กค่ะ เดินไม่ยาก แต่ต้องอึดและสู้นะคะเพราะทางมันขึ้นไปสูงเหมือนกัน

ระหว่างทางถ้าเหนื่อย เราแนะนำให้แวะพัก หรือเตรียมน้ำไปด้วยนะคะ แต่อย่าขนของเยอะ เพราะว่าทางชันมาก และเดินด้วยความระมัดระวังด้วยค่ะ เห็นวิวด้านหลังนิดนึง ก็จะรู้สึกใจชื้นว่าอีกนิดนึงจะถึงแล้วนะ (หลอกตัวเองแบบนั้นตลอดทางเลย)

ในที่สุดก็ถึงสักทีกับที่เที่ยวไต้หวันห้ามพลาด ตอนนั้นทั้งเหนื่อยและหอบ แต่วิวข้างหน้าก็คุ้มค่าที่เดินมาจนถึงจริง ๆ ค่ะ เห็นทั้งเมืองเลย ส่วนตัวเราเดินถึงแค่จุดแรกเท่านั้นนะคะ เพราะว่าเหนื่อยมากจริง

Tips: แนะนำว่าเตรียมร่างกายให้พร้อม ก่อนจะเดินขึ้นมานะคะ เพราะเหนื่อยมาก ๆ เหนื่อยจริง ๆ (ย้ำแล้วย้ำอีก) ถ้าพาพ่อแม่หรือผู้สูงอายุมาด้วย ไม่ควรพาขึ้นมานะคะ
5Ningxia Night Market
เดินเหนื่อยหอบกันไปแล้ว อาหารที่กินมาก็เริ่มย่อยไปหมดแล้ว คืนนี้จะมาประเดิมที่ตลาด “Ningxia Night Market” สถานที่ท่องเที่ยวไต้หวันน่าแวะ ตลาดที่นี่ไม่ใหญ่มาก เดินทางมาที่ MRT Shuanglian (R12) Exit 1 เดินประมาณ 500 ม. ก่อนจะถึงตลาดเราเจอร้านชาไข่มุกร้าน "Xin Fu Tang" (ราคา 60NT)


ร้านนี้เราสั่งชานมไข่มุกไต้หวันแบบที่ฮิต ๆ กัน ซึ่งร้านนี้ไข่มุกดีงามมาก หอมกลิ่นน้ำตาลไหม้ ซึ่งจะเห็นเป็นหม้อมุกใหญ่ ตักให้เห็นหน้าร้านเลย ตัวมุกเม็ดพอดีคำมาก หนึบหนับดี แต่แอบหวานไปหน่อยนึง

เรามาเดินกันต่อในตลาด ร้านของกินมีเยอะมากตลอดทั้งทางเลยก็ว่าได้ ทั้งของย่าง ของทอด ของหวาน ของคาว คนก็จะเดินเบียด ๆ แน่น ๆ กันหน่อย

วันที่ 2 : เข้าอุทยานเย่หลิว เที่ยวจิ่วเฟิ่น ซื่อหลิน

เช้าวันใหม่เรามาตลุยที่เที่ยวไต้หวันกันต่อ วันนี้ฝนตกแต่เช้า แต่เราซื้อทัวร์ไว้ล่วงหน้าแล้วของ Klook ด้วยราคาประมาณ 700 NT เป็นทัวร์แบบหนึ่งวัน เพราะว่าการเดินทางมันครอบคลุมหลายที่และสามารถกำหนดรายจ่ายได้แน่นอน ที่สำคัญมีไกด์ด้วย เราเจอกันที่ Ximen Exit 4

ระหว่างทางที่เรานั่งบัสไปเที่ยวนั้น ไกด์ก็จะอธิบายที่มาของที่เที่ยวต่าง ๆ ให้ฟัง วันนี้มานอกเมืองซึ่งเพิ่งเคย เห็นบรรยากาศนอกเมืองไต้หวันเป็นครั้งแรก ธรรมชาติที่นี่สมบูรณ์แบบยังเขียวอยู่ มองไปทางไหนยังร่มรื่น น่าเที่ยวมาก

6อุทยานเย่หลิว (Yehliu Geopark)
"อุทยานเย่หลิว" (Yehliu Geopark) เป็นที่ที่เที่ยวไต้หวันแนวธรรมชาติและจุดชมวิวที่สำคัญที่หนึ่งของไต้หวันเลยก็ว่าได้ อยู่ทางตอนเหนือของประเทศ ซึ่งที่นี่จะมีหินรูปทรงแปลกประหลาด ที่เค้าบอกว่าเกิดจากการกัดเซาะทางธรรมชาติ ค่าเข้า 80 NT



7Jiufen
จากนั้นเราก็นั่งรถไป “Jiufen” ที่เที่ยวใกล้ไทเปกันต่อ คือฝนตกหนักมากเลย แทบไม่เห็นวิวมหาชนที่ใครมาเที่ยวต้องถ่าย เสียใจมาก แต่ก็ทำไรไม่ได้ 555 จิ่วเฟิ่นเป็นเหมือนหมู่บ้านเล็ก ๆ บนเขา ต้องเดินขึ้นไปข้างบน ร้านอาหารเยอะแต่ไม่ใช่ร้านใหญ่ ๆ เป็นอาหาร ของฝาก ของทานเล่น ขนมหวานต่าง ๆ มีชาขายเยอะมาก เดินกันแบบเบียด ๆ และฝนตก ๆ ก็จะเนือย ๆ หน่อย

แน่นอนว่ามาถึงที่ เราต้องได้ชิมไอติมถั่วตัด เป็นไอศกรีมขึ้นชื่อของไต้หวันที่ต้องลองให้ได้จริง ๆ ห่อด้วยแป้งและโรยด้วยถั่วกับผักชี ต้องขอบคุณผักชีที่ทำให้รสชาติตัดกันดีมาก รสชาติไม่หวานมาก แต่ก็ไม่ได้ว้าวขนาดนั้น ซึ่งใครมาที่นี่ก็อย่าลืมมาลองให้รู้กันนะว่ารสชาติยังไง


จิ่วเฟิ่นนั้นเป็นที่เที่ยวไต้หวันที่อยู่บนเขา ถ้าขึ้นไปชมวิวก็จะเห็นภูเขาและน้ำทะเลแบบกว้างใหญ่มาก เสียดายมากคือเราน่ะ ไม่ได้ไปตรงวิวมหาชนที่ร้านน้ำชา เพราะว่าฝนตกแทบมองไม่เห็นอะไรเลยการเดินทางขึ้นลงเมืองที่นี่ก็คือ ต้องขึ้นบันไดแคบ ๆ และฝนตกอีกด้วย เราแนะนำว่า ให้เตรียมเสื้อกันฝนหรือร่มมาด้วยนะคะ อากาศที่นี่ ฝนตกเยอะมาก

8น้ำตกฉือเฟิ่น (Shifen Waterfall)
จากนั้นเราก็เดินทางไป "น้ำตกฉือเฟิ่น" ใครมาเที่ยวไต้หวันต้องห้ามพลาด ที่นี่เป็นน้ำตกที่ไหลโค้งเป็นรูปเกือกม้า แล้วมารวมกันที่แอ่งน้ำ ซึ่งได้รับการขนานนามว่า “ไนแองการ่าแห่งไต้หวัน” เพราะว่ามีลักษณะคล้ายกัน และยิ่งถ้าฝนตกน้ำตกก็จะยิ่งไหลแรง

9ถนนโบราณฉื่อเฟิน
บริเวณ "ถนนโบราณฉื่อเฟิน" นี้ จะมีเส้นทางรถไฟอยู่ตรงกลาง มาที่นี่ก็ต้องถ่ายรูปกับทางรถไฟ ต้องมาปล่อยโคม ซึ่งจะมีสีต่าง ๆ ให้เลือก ถ้าแบบสีเดียวราคา 150 NT แต่หากรวม 4 สี จะราคา 200 NT เราสามารถเลือกได้ตามความชอบของเรา และสามารถเขียนข้อความได้เต็มที่เลย มีร้านให้ซื้อหรือเลือกเยอะมาก แต่ของเรามากับทัวร์ ไกด์จะดีลกับร้านให้ ซึ่งราคาก็ตามที่บอกด้านบนเลย ซึ่งแว่วมาว่า ราคาแต่ละร้านไม่เท่ากันนะคะ

10Chiang Kai-Shek Memorial Hall
กลับมาที่เมืองไต้หวัน เรามาที่ "อนุสรณ์สถานเจียงไคเชก" มาด้วย MRT Chiang Kai-Shek Memorial Hall แล้วออกทางออก 5 สถานที่ท่องเที่ยวไต้หวัน ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์มากมาย บรรยากาศตอนฝนเพิ่งหยุดตก คนก็จะมาถ่ายรูปเล่นเยอะอยู่ค่ะ มีงานกางเต็นท์ด้วย บรรยากาศโดยรอบนั้นกว้างมากจะมีฮอลล์ข้าง ๆ 2 ฮอลล์ไว้แสดงงานศิลปะต่าง ๆ เป็นที่เที่ยวไทเปที่สวยสุด ๆ


11“Chun Sui Tang”
ถัดจากตรงนั้น ถ้าหันหน้าเข้าอนุสรณ์สถานทางด้านซ้าย จะเป็นฮอลล์ซึ่งในนั้นมีร้านชามุกเจ้าแรกของไต้หวันอยู่นั่นเอง ร้านนี้ชื่อร้าน “Chun Sui Tang” คนเยอะมาก เพราะว่าที่ร้านไม่ได้ขายแค่ชาไข่มุก แต่มีอาหารด้วย ประจวบกับเวลาเย็น ๆ คนเลยมาทานอาหาร เราเลยเลือกแบบ to go กลับไปแทน ชานมไข่มุกแก้วใหญ่ ราคาประมาณ 140 NT (ถือว่าแพง) รสชาติชาหอมดี ไม่หวานมาก มุกเป็นเม็ดเล็ก ๆ ถือว่ามาลองไม่ว้าวขนาดนั้น

12Ximending
ค่ำคืนนี้เราจะมาเดิน "Ximending" อยู่ในย่านที่พักของเรานั่นเอง ย่านนี้คนเยอะมาก โดยเฉพาะวัยรุ่น เหมือนเดินฮงแดในเกาหลี และฮาราจูกุของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ มีของกินตลอดทาง ร้านเสื้อผ้าแฟชั่น แบรนด์แบบสตรีทเช่น Champion Adidas Nike มีหมด ABC Mart ที่ขายรองเท้าก็มี และรองเท้าที่นี่ถูกมากจริง ๆ ใครที่อยากจะมาชอปต้องไม่พลาด (แต่วันสุดท้ายเราก็จะมาแนะนำแหล่งชอปเหมือนกัน)

มาถึงที่เราก็ต้องมาลอง "บะหมี่อาจง" (L=70 NT/ S=40 NT) ร้านชื่อดังของที่นี่ที่ต้องต่อคิวยืนรอกิน รสชาติคือไม่ผิดหวังที่ยืนต่อคิวเลยค่า เลิศมาก เราไม่ได้ปรุงอะไรเลย ในบรรดาร้านที่ลองกินสตรีทฟู้ดต่าง ๆ เราชอบบะหมี่อาจงที่สุด มันกลมกล่อม หอมพริกไทย มาที่นี่ต้องมากินให้ได้จริง ๆ



มาต่อคิวกันที่ "ไก่ทอด Hot Star" รอนานมาก นานจนเพื่อนเล่นเกมคีบตุ๊กตาจนจะหมดตัวแล้ว สั่งมาลองหลายอย่างมาก ตามที่เค้าแนะนำกัน แต่ส่วนตัวคิดว่า ไก่ทอดที่เป็นแผ่นใหญ่ ๆ นี่แหละ ดีงามสุดแล้ว ที่นี่ เหมือนมีผงความเป็นหม่าล่าหรืออะไรสักอย่างในแทบทุกเมนูของทอดเลย เหมือนเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ ทานร้อน ๆ ก็คือดีค่ะ

มากินเนื้อย่างกันต่อ เราเลือกแบบ Salt Rock ราคา 200 NT ตัวเนื้อไม่เหนียวเลย รสชาติใช้ได้ ไม่แข็งด้วยถือว่าไม่ผิดหวังเลยที่สั่ง คุ้มค่ากับราคาที่เสียไป ดีงามมาก ๆ ระหว่างทางเดินไปมีของกินตลอดทางเลย เลือกไม่ค่อยถูก แต่ก็จะลองอันที่อยากกินเท่านั้น กลัวรสชาติประหลาด มาที่นี่เราไม่มีโอกาสกินเต้าหู้เหม็น เพราะแค่กลิ่นก็ทนไม่ไหวแล้ว กินไปนี่คงรู้สึกแย่มาก เลยเซฟตัวเองดีกว่า 5555

มาลองชามุกร้าน "Shera Tea" กันต่อ ราคา 75 NT เราว่ารสชาติกำลังดีไม่หวานมาก (เราสั่งหวานปกติ) มีความหนึบของไข่มุกเหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือหอมชากว่ามาก ๆ


วันที่ 3 : วิ่งเข้าป่าใหญ่ในวันฝนพรำ

วันนี้จะไป ฮวาเลียน กัน ซึ่งที่นี่ต้องนั่งรถไฟไปนอกเมือง สถานีปลายทางของเราวันนี้คือ Taroko ไป "อุทยานแห่งชาติทาโรโกะ" (Taroko National Park) เป็นอุทยานแห่งชาติใหญ่เป็นอันดับ 2 ของไต้หวัน เราซื้อตั๋วรถไฟ TRA ตั้งแต่วันแรกที่ Main Station เพราะว่า กลัวไม่มีตั๋วแล้วก็จะได้ประมาณเวลาถูก ค่าตั๋วรถไฟไปกลับแนะนำว่าบอกเค้าเอาแบบมีที่นั่งนะคะ ราคาอยู่ที่ 780-800 NT ขึ้นอยู่กับราคาแต่ละเที่ยว ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงค่ะ รถไฟที่นี่สะอาดและใบตั๋วรถไฟก็เหมือนญี่ปุ่นเลย ตรงเวลาและเดินทางไม่ยาก

วันนี้เราจะเดินทางแบบจ้างแท็กซี่เหมารายวัน เหมา 5 ชั่วโมง 2,500 NT สำหรับเราถือว่าถูกมาก เราสามารถบอกคุณลุงได้เลยว่าจะไปไหนบ้าง แต่จริง ๆ แล้ว คุณลุงก็มีแพลนประมาณที่เราอยากไปอยู่แล้ว คิดว่าเค้ารับลูกค้าแบบนี้ทุกวัน คุณลุงพูดอังกฤษไม่เก่ง แต่ก็ใช้กูเกิลสื่อสารกับเราตลอด น่ารักมาก

13อุทยานแห่งชาติทาโรโกะ (Taroko National Park)
ที่แรกที่เราจะไป เป็นจุดถ่ายรูป ก่อนทางเข้าอุทยานที่ชื่อว่า "อุทยานแห่งชาติทาโรโกะ" (Taroko National Park) นั่นเอง วันนี้ฝนตกทั้งวันภาพที่เห็นก็จะเป็นฝน ๆ เปียก ๆหน่อยนะคะ แต่ถึงแม้ฝนจะตกขนาดไหน เราก็จะสู้ เพราะเหมามาแล้ว นั่งรถไฟมาไกล 5555 และความสวยงามของธรรมชาติที่นี่ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลย นี่แค่ทางเข้าและซุ้มประตูนะ ขอแวะทานข้าวแป๊บนึง

ร้านนี้คุณลุงพามา ไม่รู้ว่าชื่ออะไร น่าจะดีลกับทางร้านไว้ อาหารเสิร์ฟมาได้น่ารักมาก เมนูแต่ละอย่างราคาไม่เท่ากัน ราคาตกคนละประมาณ 200-250 NT


อุทยานแห่งนี้มีช่องแคบ ผาสูงชัน เป็นทั้งหุบเขาหินปูนและหินอ่อน ที่เกิดจากการกัดเซาะของสายน้ำ ลม ฝน จนให้มีวิวทัศนียภาพที่สวยงามอลังการแบบนี้ ข้อมูลบอกเพิ่มเติมว่า ช่องเขามีแม่น้ำลี่อู๋ไหลผ่าน จากป่าต้นน้ำบนเทือกเขาแห่งทาโรโกะไปออกยังปากอ่าวท้องทะเลแปซิฟิกอีกด้วย เราจะแวะเที่ยวหลาย ๆ จุดในอุทยานที่นี่ เพราะว่ามันใหญ่มาก ใช้เวลาเกินครึ่งวันที่นี่ก็ว่าได้
14Shakadang Trail
ที่นี่เป็นทางเดินเขาที่แรก เป็นระยะทางไม่ไกลเท่าไหร่ ระหว่างทางจะพบกับสายน้ำสีฟ้าใส เลาะไปบริเวณทิวเขาเรื่อย ๆ ตรงนี้ยังไม่สูงมาก สามารถเดินได้ไม่ไกลเท่าไหร่


15Swallow Grotto Trail
มาเที่ยวไต้หวันทั้งทีต้องห้ามพลาด "Swallow Grotto Trail" จุดนี้คุณลุงจะปล่อยให้เราลง แล้วก็เดินเลาะกันเอง วิวสวยมาก คือทุกคนประทับใจ ชอบมาก ๆ บรรยากาศมันดี หน้าผาคือสูงชันและยิ่งใหญ่ มองไปทางไหนก็เห็นสีเขียวของผืนป่า เราเดินเลาะและผ่าน “อุโมงค์ 9 โค้ง” (Tunnel of Nine Turns) เพราะในช่วงฤดูใบไม้ผลิและร่วง จะมีนกนางแอ่นมาทำรังบริเวณนี้ ให้ภาพบรรยายความสวยงามของธรรมชาติแทนนะคะ วิวสวยมาก ทั้งวิวช่องแคบหินอ่อนระหว่างเขา สายน้ำที่ไหลผ่าน หรือวิวหุบเขาตรงหน้า


16Changchun Shrine/ Eteranal Spring Shrine
"ศาลเจ้าฉางชุน" (Changchun Shrine) สร้างไว้เพื่อเคารพดวงวิญญาณของคนที่ทำการสร้างถนนที่นี่

17Taroko Xiangde Temple
วัด "Taroko Xiangde Temple" นี้ตั้งอยู่บนภูเขาซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำข้ามสะพาน Pudu เป็นวัดพุทธจะเห็นวิวรอบกว้างมาก แต่ต้องข้ามสะพานและขึ้นเขาไปหน่อย ซึ่งทางก็ชันใช้ได้ เมื่อขึ้นไปแล้วก็จะต้องสั่นระฆังให้รับรู้ว่าถึงแล้ว


18Shilin Market
ตัดภาพมาที่ไทเป วันนี้เราจะมาลองสตรีทฟู้ดกัน (อีกแล้ว!) ที่ตลาด "Shilin Market" มาที่สถานี Jiantanล สายสีแดง ออกประตู 1 เดินตรงไปอีก 70 เมตร ที่นี่เป็นตลาดกลางคืนที่ดังและใหญ่ที่สุดในไทเปแล้ว ของกินเพียบ คนก็แน่นมากเช่นกัน แน่นขนาดที่เดินกันแบบเบียด ๆ บางร้านที่ฮิต ๆ ก็คนต่อแถวยาวมาก กลิ่นเต้าหู้เหม็นก็ตลบอบอวลสุด ๆ

"ซาลาเปาอบโอ่ง" (40 NT) คนรอคิวเยอะมาก ยอมรับในความเอามือเข้าโอ่งอะ มันต้องร้อนขนาดไหน แค่ยืนถ่ายรูปใกล้ ๆ ยังระอุเลย ตัวซาลาเปากรอบดีค่ะ ชอบ ๆ ๆ ข้างในไส้ก็แน่น หอมพริกไทยดำมาก แต่ถ้าใครไม่ชอบพริกไทยอาจจะบอกว่าเผ็ดไปหน่อย




"สตอร์เบอร์รีเคลือบน้ำตาล" (ราคา 65-70 NT) โอเคเลย อาจจะเพราะรสชาติผลไม้มันดีอยู่แล้ว แต่แพงหวานบาดคอใช้ได้เลย ด้านล่างไม่ใช่สตอร์เบอร์รีหมดนะ ใส่มะเขือเทศมาให้ด้วย ไม่คุ้มเลย


ไม่รู้ชื่ออะไร คนรอคิวยาวมาก ๆ เลยอยากลองบ้าง คล้ายบะหมี่อาจง รสชาติคล้ายกันเลย แต่อันนี้จะออกเปรี้ยวกว่า และเบาพริกไทยมากกว่า เค้าเคลมว่าเป็นมิชลินไกด์ ใครที่ไม่ชอบพริกไทย น่าจะชอบทานร้านนี้ ราคามี 2 แบบ ตามไซซ์




วันที่ 4 : ไหว้พระ กินปลาดิบ เดินย่านฮิปสเตอร์ ชอปปิงเอาต์เลต

19Longshan Temple Station
เช้าวันสุดท้ายของการเที่ยวทริปไต้หวันแล้ว ได้ฤกษ์งามยามดีมาไหว้พระที่ "วัดหลงซาน" นั่งมา MRT Longshan Temple Station สายสีน้ำเงิน ให้ออกที่ทางออก Exit 1วัดเก่าแก่ที่มีมากว่า 300 ปีแหนะ ถือว่าเป็นวัดชื่อดังของที่นี่ ที่นักท่องเที่ยวต้องมาขอพร ที่สำคัญมาบูชาเครื่องรางกันด้วย มีให้เลือกหลายแบบหลายเป้าหมาย ราคาก็มีตั้งแต่ 25 NT ถึงหลักพันก็มี


20Taipei Fish Market
เดินทางโดย Mrt Xingtian Temple แล้วต่อด้วย Taxi อีกประมาณ 5 นาที ราคาอยู่ที่ 85-100 NT ไปถึงเวลาที่ร้านด้านในเปิดพอดี ที่เป็นซูชิบาร์ เลยไม่ต้องรอคิวนาน ได้กินซูชิและปลาดิบแบบสด ๆ เราสั่งหลายชุดมาก ประมาณ 3-5 อย่าง ราคาไม่แพงเลย ประมาณ 1,600 NT ทั้งทูน่า แซลมอน หอยเชลล์ และต่าง ๆ คือสดมาก หวานและแทบละลายในปากเลย มีทั้งแบบเซตและสั่งแยกเป็นอย่าง ๆ นะ ซึ่งเราสั่งแยกเป็นอย่างเพราะอยากได้ที่อยากทานเท่านั้น คือดีมากอะ แต่เสียอย่างเดียวยืนกิน เมื่อย ๆ อะ

กินตรงบาร์ไม่พอ เราก็อยากลองซื้อแบบแพ็คออกมาลองทานด้วย เราเลยจัดมาทั้งซูชิกับข้าวหน้าเนื้อ ในราคากล่องละประมาณ 150-200 NT คือเลิศศสศ ดีย์ คุ้มค่ามาก ซื้อออกมากินข้างนอกก็ได้บรรยากาศที่ดีอีกฟีลนึงอะ ประทับใจ คุ้มค่าที่มาสุด ๆ แต่ถ้าเทียบข้างในบาร์กับตรงที่เค้าทำแยก ข้างในบาร์ก็จะดีงามกว่านะ ก็อาจจะเพราะเค้าทำสดใหม่ด้วยแบบทำตรงนั้น แบบเป็นแพ็คก็สดใหม่ แต่บาร์สดกว่า 555

21Huashan 1914 Creative Park
เรานั่งแท็กซี่จากที่นั่นมาที่นี่เลย ในราคา 130 NT หรือถ้าใครจะนั่งใต้ดินมา ก็ลงสถานี Zhongxiao Xingsheng Station ทางออก Exit 1 เดินตรงไปประมาณ 300 เมตร ข้ามถนนใต้ด่วนแล้วจะเห็นศูนย์ความคิดสร้างสรรค์อย่าง "Huashan 1914 Creative Park" นี้เลย ที่เลือกจัดมาวันนี้เพราะว่าวันอาทิตย์จะมีตลาดของแฮนด์เมด


22PAPER ST.
อากาศเริ่มร้อนเลยไปจิบกาแฟที่ร้าน "PAPER ST." กันต่อ ร้านอยู่ตรงข้ามกับศูนย์เลย มองไปเห็นชัดมาก เป็นร้านติดถนนโทนขาวดำ เงียบ ๆ เป็นร้านเล็ก ๆ กาแฟหอมมาก เมนูมีไม่เยอะ แต่ว่ารสชาติดี จิบกาแฟ ดูรถแล่นผ่าน ผู้คนเดินเล่นก็ผ่อนคลายไปอีกแบบ


23Xin Mala Hotpot
กลับมา Ximending กันอีกรอบเพื่อมากิน "Xin Mala Hotpot" MRT Ximen , Exit 6 เดินเลียบถนนใหญ่ ผ่านร้าน Watsons ไปเรื่อย ๆ เลี้ยวขวาที่สี่แยกที่สอง และเดินตรงไปเรื่อย ๆ จนผ่านสี่แยกตรงห้าง Eslite และเลี้ยวขวาที่สามแยกต่อมาเลย ร้านอยู่ทางซ้ายชั้น 2 ค่ะ ราคามีหลายแบบนะคะ ทั้งแบบกลางวันและเย็น เป็นบุฟเฟ่ต์ที่คุ้มและดีงามมาก เนื้อเพียบ ไอติมแน่น ๆ ราคาหัวละ 725 NT รวมค่า Service Charge ประมาณ 800 NT ค่ะ


24Tiger Sugar
ต่อด้วย "Tiger Sugar" แก้วละ 55 NT ตั้งแต่กินชามุกมา เรารักร้านนี้ที่สุด ดีงามมาก กลมกล่อมไม่หวานมาก กำลังพอดี มุกหนึบเคี้ยวเพลิน ทุกอย่างดูลงตัว กินได้สบายใจ สมกับที่ต้องยืนรอคิวจริง ๆ ร้านอยู่ติดกับ ร้านชาบูหม่าล่าเลย


ค่าใช้จ่ายทริปเที่ยวไต้หวัน
- ค่าตั๋วเครื่องบิน 5,815 บาท
- ค่าโรงแรม คนละ 2,700 บาท
- ค่าทัวร์ล่วงหน้า (Klook) 700 บาท
- Pocket Money (รวมค่ากินและเติม Easy Card แล้ว 600 บาท) 6,000 บาท
รวมค่าใช้จ่าย 15,215 บาท

เที่ยวไต้หวันทริปนี้คือเดินเยอะมาก ได้ออกกำลังกาย ดูธรรมชาติ กินอาหารใหม่ ๆ ที่ไม่เคยลอง คนไต้หวันก็ใจดี ถึงแม้จะพูดอังกฤษไม่ค่อยคล่องแต่ก็พยายามสื่อสารด้วย การเดินทางที่นี่สะดวกสุด ๆ เอาเป็นว่าแค่เตรียมร่างกายให้พร้อม กับแพลนทริปมาเที่ยวที่นี่สนุกแน่นอน และที่สำคัญ ไต้หวันฟรีวีซ่า ต่อเวลาให้แล้วได้ไปเที่ยวแล้วใครเล็งไว้ต้องรีบจองตั๋วไปด่วน ๆ เลย ก่อนมาก็แวะเข้าไปดู แผนที่กินเที่ยวไต้หวัน 10 ย่านฮิต และ 20 ร้านอาหารในไต้หวันเจ้าเด็ด แล้วก็อย่าลืมกดติดตามเพจ Wongnai Travel เพราะยังทีทริปสนุก ๆ อีกเพียบเลยค่ะ